จากกรณีการจับกุม นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน และมีการรื้อคดีอดีตของเสี่ยอ้วนที่เคยยิงคนขายไอศกรีมเสียชีวิตที่ จ.ภูเก็ต โดยเสี่ยอ้วนอ้างว่า ยิงไปเพราะป้องกันตัว ทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้องตั้งแต่ปี 2560
วันที่ 28 ส.ค. 61
พ.ต.ท.ศรายุทธ อรุณฉาย รองผู้กำกับการ กองกำกับการควบคุมฝูงชน 1 เปิดเผยว่า ปืนที่ใช้ก่อเหตุ มีได้ 2 ลักษณะ คือ แบบออโตเมติก 9 มม. และ ลูกโม่ 9 มม. หรือเรียกอีกแบบว่าปืนลูกโม่ 38 โดยการใช้งานจะต้องใช้มืออีกข้างขึ้นลำกล้อง เพื่อบรรจุกระสุนนักแรกเข้ารังเพลิง จากนั้นยิงต่อไปได้เรื่อยๆจนกว่ากระสุนปืนจะหมด ซึ่งปืนจะมี 2 แบบ คือ ปีนแบบ “Single Action” ก่อนยิง ต้องขึ้นลำกล้องทุกครั้ง และ ปืนแบบ “Double Action” ขึ้นลำเพียงแค่นัดแรกที่จะยิง จากนั้นสามารถลั่นไกปืนได้เลยจนหมดแม็ก
พ.ต.ท.ศรายุทธ ยังบอกว่า จากภาพรวม ทั้งเอกสารผลการชันสูตรศพ และภาพถ่ายสภาพศพ เมื่อวิเคราะห์แล้วความเป็นไปได้ ในการใช้ปืนและลูกกระสุนปืน รวมถึงวิถีสรุปได้แนวทางดังนี้ จากสภาพศพและผลการตรวจพิสูจน์ พบรอยกระสุน 4 จุด คือ 1.แผลตรง ไหลปลาร้าขวา และบริเวณคอด้านขวา 2.แผลตรงชายโครงด้านหลังฝั่งซ้าย 3.แผลตรงต้นแขนซ้ายด้านใน 4.แผลตรงต้นแขนด้านนอก
อีกทั้ง ยังได้นำข้อมูลที่ได้รับมาจากคุณโจ้ Spotlight Thailand และคำให้การครั้งแรก ของเสี่ยอ้วน ที่อ้างว่า ยิง 2 ครั้ง คือ ครั้งที่หนึ่งยิงขู่ โดนบริเวณพื้น ไม่ถูกตัวคนขายไอศกรีม ส่วนครั้งที่สอง ยิ่งโดนตัวคนขายไอศกรีม ซึ่งก็ตรงกับลักษณะของบาดแผลในร่างกายของศพ และวิถีการยิงจากชั้น 5 ลงสู่ชั้น 4 ความแรงของวิธีกระสุน สามารถยิงผ่านทะลุได้ ดังนั้นความเป็นไปได้มากที่สุดจึงมีเพียงแค่ 1 แนวทาง คือ ยิงจากด้านบน เข้าที่ไหปลาร้าขวา หรือบริเวณคอด้านขวา ผ่านร่างกายไปทะลุออกตรงชายโครงด้านหลังซ้าย กระสุนเจาะทะลุไปที่ต้นแขนด้านใน ทะลุออกแขนด้านนอก จึงเป็นไปตามภาพบาดแผลในร่างกายศพ แต่ทั้งนี้อยากทราบว่าวิถีกระสุนผ่านอวัยวะสำคัญส่วนใด ต้องสอบถามแพทย์ที่มีการผ่าชันสูตรศพ เพราะข้อมูลส่วนนี้ ไม่สามารถเปิดเผยได้ ถูกระบุเอาไว้ในสำนวน
พ.ต.ท.ศรายุทธ ยังจำลอง รอยแผลในร่างกายตามภาพศพของคนขายไอศกรีม แล้วเทียบเคียงกับร่างกายของคน โดยทดสอบ กำหนดจุดตามบาดแผลในภาพ และเทียบเคียงว่าตรงกันหรือไม่ โดยใช้ปากกาวงไปที่จุดพบบาดแผล เช่น ชายโครงซ้าย หลังแขนด้านใน จากนั้นเมื่อวิเคราะห์แล้ว จึงนำไปเทียบกับภาพรูปร่างคน บ่นแผ่นเป้ายิงปืนที่เห็นสัดส่วนชัดเจนที่สุด ประกอบกับ คำให้การของเสี่ยอ้วน ที่ระบุว่า ยิงจากชั้น 5 ลงมาชั้น 4 ดังนั้นวิถีกระสุนจึงสามารถเจาะเข้าไปที่ไหลปลาร้าขวา ทะลุชายโครงด้านหลัง เจาะเจ้าไปที่แขนจนทะลุออกไป แต่บริเวณแขน เชื่อว่า ชายขายไอศกรีมไม่ได้ยืนให้ยิงแบบนิ่งๆ แขนอาจมีการแกว่งแขนไปมา จึงทำให้แผลอาจมีระดับที่คลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ไม่มาก
ทั้งนี้ ความเป็นไปได้ เสี่ยอ้วนจะใช้ ลูกกระสุนปืนแบบหัวแฉกนั้น มีความเป็นไปได้น้อย เพราะสภาพศพมีบาดแผลน้อยหัววิถีกระสุน ดังนั้นหากจะใช้ลูกกระสุนปืนแบบนี้ ต้องมีบาดแผลแชร์กันมากกว่า 4 จุด ประกอบกับประเทศไทยไม่มีคนนิยมใช้ และมีราคาสูง จึงเชื่อว่าชนิดนี้เสี่ยอ้วนจะไม่ใช้