จากกรณี น.ส.ลิซซี่ (นามสมมติ) นักท่องเที่ยววัย 19 ปี ชาวอังกฤษ อ้างว่าถูกข่มขืนที่เกาะเต่า อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีการร้องเรียนผ่านเพจเฟซบุ๊ก กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบหาข้อเท็จจริงตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่าน :
บุกสำรวจจุดแหม่มสาวอ้างถูกข่มขืน วงจรปิดอื้อ โรงแรมเห็นร่ำไห้ พลาดมีสัมพันธ์เพื่อนชาย)
วันที่ 29 ส.ค. 61
นายไชยยันต์ ธุระสกุล นายกเทศมนตรีตำบลเกาะเต่า เปิดเผยว่า หลังจากวานนี้ (28 ส.ค.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ลงพื้นที่หาหลักฐานและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดี แต่ยังไม่พบ เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นค่อนข้างนานแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ยินดีให้เจ้าทุกข์รวมถึงแม่ของผู้เสียหาย เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อตอบคำถาม และให้ความกระจ่างกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ซึ่งตั้งแต่ทราบเรื่อง ตนได้เข้าประชุมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพูดคุยกับ น.ส.ภัทรา แจ่มตระกูล เจ้าของโรงแรม ซึ่งเจ้าตัวก็พยายามติดต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพร้อมกับลิซซี่ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ โดยในตอนนี้ไม่มีใครสามารถยืนยันว่าเหตุเกิดที่จุดใด ซึ่งแหลม จปร. ก็เป็นอีกจุดที่มีข้อมูลตามข่าวว่า เจ้าตัวระบุว่าตื่นขึ้นมาที่บริเวณนั้น โดยจุดดังกล่าวก็เป็นจุดที่อยู่ไกลสายตาคน และมีมุมที่สามารถหลบจากผู้คนได้ แต่ไม่ได้เป็นมุมอับ เพราะยังมีโรงแรมอยู่ใกล้เคียง ทั้งนี้ กล้องจำนวน 5 ตัวที่แหลมหิน จปร. ในตอนแรกเป็นของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ แต่ภายหลังได้ส่งมอบให้เทศบาล ซึ่งพบว่าไม่สามารถใช้งานได้ประมาณ 5 เดือนแล้ว ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ เนื่องจากถูกตัดสายกล้อง ซึ่งตอนนี้เจ้ากำลังดำเนินการแก้ไข โดยหากเกิดเหตุในบริเวณดังกล่าว กล้องก็ไม่สามารถบันทึกได้
ส่วนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในตอนนี้ ยังไม่มีผลกระทบ แต่คาดว่าหลังจากนี้อีกประมาณ 2 เดือน นักท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วงตัดสินใจเดินทางมาเกาะเต่า หากค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตพบข่าวไม่ดี ก็อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาได้ ทั้งนี้ ตนเตรียมดำเนินการฟ้องร้องเพจเฟซบุ๊กต่าง ๆ ที่สร้างข่าวเท็จ ทำให้เกาะเต่าเสียหายด้วย
ทีมข่าวเดินมาที่โรงแรมที่พักของ น.ส.ลิซซี่ โดยพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สอบปากคำเพิ่มเติม น.ส.ภัทรา แจ่มตระกูล เจ้าของโรงแรม โดยยืนยันว่า ไม่ได้ห้ามให้แม่ของลิซซี่ออกสื่อฯ เพียงแต่หวังดี ขอให้อีกฝ่ายประสานทางการไทยเพื่อให้ข้อมูล เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ช่วยเหลือและจับตัวคนร้ายให้ได้ ส่วนภาพผู้ต้องสงสัยชาย 2 คน ที่เพจ CSI LA นำมาเผยแพร่นั้น ตนได้ข้อมูลมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ชาย 2 คนดังกล่าว เคยก่อเหตุเกี่ยวกับคดีข่มขืนและถูกจับกุมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จึงส่งภาพไปถามลิซซี่ว่า เข้าข่ายเป็นคนร้ายหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบกลับว่า จำไม่ได้
จากนั้นทีมข่าวเดินทางต่อไปที่บริเวณแหลมหิน จปร. จุดที่อ้างว่าเป็นพื้นที่เกิดเหตุ โดยมีข้อมูลใหม่จากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งลงพื้นที่เมื่อคืนที่ผ่านมา ประกอบกับข้อมูลจากเจ้าของโรงแรม ระบุว่า น.ส.ลิซซี่ อาจจะเดินขึ้นไปด้านบน โดยเดินเลียบถนนริมหาด ผ่านโรงแรมขึ้นไป ก่อนเลี้ยวซ้ายผ่านพื้นที่ก่อสร้าง ระยะทางประมาณ 200 เมตร ออกไปยังถนนหาดทรายรี และมีนักท่องเที่ยวมาพบที่บริเวณดังกล่าว
ซึ่งจากการสำรวจพบว่า จุดนี้เป็นเส้นทางที่มีการก่อสร้างโรงแรม ทางเดินเป็นเนินดินแดง สอบถามหัวหน้าคนงานในพื้นที่ระบุว่า ปกติคนงานจะออกมาทำงานตั้งแต่ 08.00 น. โดยก่อนหน้านี้ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ รวมถึงไม่เคยเห็นชาวต่างชาติเดินออกมาด้วยท่าทางแปลก ๆ แต่อย่างใด
ขณะที่เจ้าของโรงแรมที่อยู่ใกล้แหลมหิน จปร. ระบุว่า ตนมักจะเปิดบ้านตั้งแต่เช้า และไม่เคยเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงไม่เคยเห็นหญิงต่างชาติมาขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด ทั้งนี้ ยังเชื่อว่าช่วงเช้าผู้คนเริ่มออกจากบ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มักจะออกมาวิ่งออกกำลังกายริมหาดตอนเช้า หากมีเหตุการณ์ดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็น่าจะพบเห็น
เวลา 18.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรเกาะเต่า
พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี โดยมีการเรียกผู้จัดการร้านฟิชโบล์ บาร์ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่ พล.ต.ต.อภิชาติ เปิดเผยว่า ในตอนนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ใดที่พบว่ามีเหตุเกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาจึงมีคำสั่งให้ตรวจสอบเพิ่มเติมในทุกมิติ ทั้งข้อมูลที่ได้จากพยานบอกเล่าทั้งหมด ว่านักท่องเที่ยวเดินทางไปจุดใดบ้าง ซึ่งขณะนี้ได้สอบปากคำพยานไปแล้วทั้งหมด 20 ปาก โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการ รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่เกาะเต่า หากพบเบาะแสของกลุ่มนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวในช่วงวันเกิดเหตุ อยากให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการพิสจูน์ความจริง โดยยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ละเลยการปฏิบัติตั้งแต่วันแรกที่ทราบเรื่อง
ส่วนที่มีข้อมูลว่า มีนักท่องเที่ยวรับตัว น.ส.ลิซซี่ ในช่วงเช้าหลังเกิดเหตุแล้วเจ้าตัวพบกับพนักงานบาร์ จึงพาไปส่งที่โรงแรมนั้น ตนทราบชื่อนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวแล้ว โดยตอนนี้กำลังพยายามประสานเพื่อขอข้อมูลผ่านคนกลาง ทั้งนี้ กรณีที่ น.ส.ลิซซี่ อ้างว่าแจ้งความเรื่องข่มขืน แต่ตำรวจ สภ.เกาะพงัน ไม่รับแจ้งความนั้น ตนได้ตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่า ไม่มีการแจ้งความเรื่องข่มขืน มีเพียงการแจ้งเรื่องของหายตามที่ปรากฏในใบบันทึกประจำวัน ส่วนการประสานทาง น.ส.ลิซซี่ และแม่เข้ามาให้ข้อมูลนั้น เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้