จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 64 นายกวิน แสงนิลกุล ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้บริสุทธิ์ในร้านสะดวกซื้อย่านลาดพร้าว ก่อนไปยิงผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลสนามที่ จ.ปทุมธานี และหลบหนีไปพื้นที่ จ.ระนอง ก่อนถูกคุมตัวได้ในที่สุด รับสารภาพมาจากความเครียด ครั้งเมื่อเป็นพลทหารแล้วถูกทำร้ายในค่าย ก่อนปลดประจำการเมื่อปี 2562 แล้วนั้น
วันที่ 25 มิ.ย. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการคุมตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านสะดวกซื้อย่านลาดพร้าว ในพื้นที่ สน.พหลโยธิน โดยมีญาติของผู้ตายมีดูการทำแผนด้วย
ญาติของผู้เสียชีวิตและชาวบ้านตะโดนต่อว่า ส่วนนายกวินมีการกล่าวถึง 2 บุคคลที่ค่ายทหารที่เคยถูกทำร้ายร่างกายว่า "เขาเป็นคนทำให้ผมเป็นแบบนี้ครับ"
พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธิน ระบุว่า จากการพูดคุยกับพ่อแม่ของนายกวิน ให้การว่าลูกชายเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวน เคยเข้ารับการรักษา แต่ตอนนี้ยังไม่มีเอกสารยืนยัน ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นพี่ 2 คนที่อ้างว่าทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้ ผู้ต้องหามีการให้การในสำนวนว่าเป็นลักษณะที่ทำให้กระทบกระเทือนทางจิตใจและอารมณ์ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าทำให้ผู้ต้องหากลายเป็นแบบนี้ เพราะเป็นเพียงคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาเท่านั้น
โดยเพื่อนของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ด้วยกันเป็นคนสุดท้ายมีการเรียกมาสอบแล้วเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเพื่อนที่เคยเป็นทหารด้วยกันด้วย ซึ่งเพื่อนก็ให้การที่เป็นประโยชน์ ส่วนจะมีการเชิญรุ่นพี่ 2 คนมาสอบปากคำหรือไม่เป็นรายละเอียดในสำนวน คำกล่าวอ้างดังกล่าวจะเป็นเหตุในการฆ่าหรือไม่ ต้องพิจารณาโดยละเอียด
เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจาก สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เดินทางมาอายัดตัว นายกวิน แสงนิลกุล ที่ สน.พหลโยธิน นายกวินสวมชุด PPE สีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดกับสื่อมวลชน ต่อมาเดินทางถึง สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ในเวลา 11.30 น. จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวเข้าห้องสืบสวนทันที โดย พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี เดินทางมาถึง สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ โดยได้เข้าไปสอบปากคำนายกวินด้วยตัวเอง จากนั้นเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายกวินออกมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งก่อนขึ้นรถผู้ต้องขัง นายกวินยืนยันว่าอยากขอโทษครอบครัวผู้ตาย
โดยมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 6 จุด ที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี จุดแรก บริเวณป้อมรักษาความปลอดภัย นายกวินได้ขึ้นไปจำลองบนรถกระบะ ขณะที่ขับรถเข้ามาแล้วลดกระจกถาม รปภ.ว่า ศูนย์บำบัดยาเสพติดอยู่ที่ไหน ซึ่งรปภ.ชี้ไปทางซ้าย เจ้าตัวจึงขับรถไป โดยจุดนี้ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าครูฝึกทหารเกี่ยวข้องอย่างไรในการก่อเหตุ นายกวินตอบว่า "เขาทำให้ผมกลายเป็นปีศาจแบบนี้" หมายถึงจ่ายงยุทธ และนายเชน อดีตรุ่นพี่ในค่าย
จุดที่ 2 หน้าตึกอำนวยการ ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร เป็นจุดที่นายกวินมาจอดรถ ซึ่งเจ้าตัวได้ชี้จุดจอดรถ จุดที่ 3 อาคารสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี ซึ่งขณะนี้เป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 จุดนี้เจ้าหน้าที่ได้กันให้สื่อมวลชนอยู่ด้านนอกอาคาร
เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุม ซึ่งนายกวินได้ชี้ด้านหน้าอาคาร ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวเข้าไปบริเวณประตูทางเข้า ชี้จุดยิงประตู 2 นัด แต่ไม่ได้เข้าไปชี้จุดด้านในอาคาร ซึ่งมีการยิงผู้ป่วยจำนวน 3-4 นัด ก่อนออกมายิงที่ห้องโถงอีก 1 นัด
จุดที่ 4 ถนนระหว่างทางเดินกลับไปที่รถ ห่างจุดที่ 3 ประมาณ 100 เมตร นายกวินได้ยิงปืนขึ้นฟ้าประมาณ 2 นัด จุดที่ 5 หน้าอาคารอำนวยการ จุดที่จอดรถเอาไว้ มีการยิงเข้าไปบริเวณด้านหน้าอาคารประมาณ 3 นัด เนื่องจากเห็นเจ้าหน้าที่ รปภ. อยู่บริเวณดังกล่าว จากนั้น จุดที่ 6 ขึ้นรถ แล้ววางปืนไว้ที่เบาะข้างคนขับจำนวน 2 กระบอก พร้อมชี้เส้นทางหลบหนี ขับออกทางประตูหน้าอาคารอำนวยการ แล้วขับรถลงใต้ทันที นายกวิน ระบุว่า ตอนแรกไม่ได้คิดหนี แต่คิดอะไรไม่ออกจึงขับไปถึง จ.ระนอง
ด้านพล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า จากคำให้การของผู้ต้องหา การนำชี้จุดค่อนข้างสอดคล้องกันคำให้การสอดรับกับวิถีกระสุน และจุดเกิดเหตุ การมานำชี้จุดเกิดเหตุถือเป็นการรับสารภาพอย่างเต็มใจของผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาให้การว่าหลังจากใช้ปืน .38 ยิงในร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ สน.ลาดพร้าว ก็มีการเติมกระสุนอีก 6 นัด ส่วนที่ รพ.สนามใช้ปืนอีกกระบอกขนาด 9 มม. ผู้ต้องหาอ้างว่าจำนำนวนที่แน่ชัดไม่ได้ว่ายิงไปกี่นัด
ส่วนเหตุผลที่เติมกระสุนในปืน .38 คาดว่าผู้ต้องหาเคยเป็นทหารมา อาจจะเตรียมความพร้อมเพื่อใช้ในการป้องกันตัว ผู้ต้องหาค่อนข้างกดดัน ระบุว่าวันนี้สื่อมวลชนเยอะ จึงเกิดความเครียด ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ได้ฝากขอโทษครอบครัวผู้ตาย และขอโทษประชาชนที่ทำให้แตกตื่น ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุครั้งนี้ ระบุว่ามีความเครียด ครูฝึก 2 รายที่นายกวินกล่าวถึงก็มีการบันทึกในคำให้การ แต่ต้องตรวจสอบในรายละเอียด ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทางผู้ต้องหา
นอกจากนี้ กรณียิงปืนขึ้นฟ้า ผู้ต้องหาอ้างว่ายิงขู่สุนัขในระหว่างเดินกลับรถ เพราะคิดว่าสุนัขจะเข้ามากัด ส่วนที่ยิงรปภ.หน้าตึกที่จอดรถ เป็นความเข้าใจว่า รปภ. จะเข้ามายิงตัวเอง จึงยิงขู่ไป โดยผู้ต้องหาอ้างว่ามีความฝังใจกับเรื่องยาเสพติด เข้าใจผิดไม่รู้ว่าสถานบำบัดเป็น รพ.สนาม เพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยผู้ต้องหาไม่เคยเข้ามาที่จุดเกิดเหตุ
ส่วนประวัติรักษาจิตเวชกำลังตรวจสอบ และไม่พบประวัติอาชญากรรม เรื่องการเปลี่ยนชุดเป็นลายพราง ผู้ต้องหาอ้างว่าการก่อเหตุ 2 ที่คิดว่าจะต้องเปลี่ยนชุด แต่ยังไม่ทราบเหตุผลเรื่องการใส่ชุดทหาร
เวลา 16.00 น. ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายกวินขึ้นรถผู้ต้องขัง เพื่อนำตัวไปส่งฝากขังที่ สน.พหลโยธิน นายกวินระบุว่า สาเหตุที่ก่อเหตุในครั้งนี้เนื่องจากถูกทำร้ายมาจากในค่ายทหาร และเกิดความรู้สึกเก็บกด ทำให้มีอาการทางประสาท เกลียดสังคมที่รังแกข่มเหง คืนที่เกิดเหตุยืนยันว่าไม่ได้เมาหรือสติแตก เพราะตนมีความเครียดและกดดันมานานแล้ว "อยากขอโทษทุกคน ยืนยันไม่ได้วางแผนมาก่อน ตอนนี้สำนึกผิดทุกอย่าง อยากฝากขอโทษครอบครัวผู้ตาย ไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะให้อภัยตัวเอง"
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พยายามฆ่า มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนในหมู่บ้าน ที่สาธารณะ และทำให้เสียทรัพย์กรณีทำให้ทรัพย์สินด้านในอาคารเสียหาย