จากกรณี นายกวิน แสงนิลกุล ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้บริสุทธิ์ในร้ายสะดวกซื้อย่านลาดพร้าว ก่อนไปยิงผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลสนามที่ จ.ปทุมธานี และหลบหนีไปพื้นที่ จ.ระนอง ก่อนถูกคุมตัวได้ในที่สุดนั้น
วันที่ 26 มิ.ย. 64 นายแมน (นามสมมติ) ลูกพี่ลูกน้องของนายอุราญ ปกติจะพักอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ช่วงก่อนเกิดเหตุ พ.ค.64 นายอุราญเพิ่งย้ายออกไปอยู่ข้างนอก เปิดเผยว่า ปกตินายอุราญจะอาศัยอยู่ที่ จ.ลพบุรี เพราะเป็นทหาร แต่หลังจากออกราชการมาก็ไปทำงาน และเพิ่งมาอยู่กับตนช่วงต้นปีเนื่องจากว่างงาน จนกระทั่งเพิ่งย้ายออกไปอยู่ลำพัง ช่วงที่อยู่ด้วยกันยอมรับว่านายอุราญเป็นคนที่ดื่มเหล้าหนักมาก จนตนเองต้องคอยเตือน
ส่วนตัวเคยเห็นนายกวินมาหาหลายครั่ง มีการมารับไปดื่มแบบวันเกิดเหตุ แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องอะไร เท่าที่ทราบนายกวินเป็นรุ่นน้องทหาร สมัยที่พี่ขายตนทำงานอยู่ที่ จ.ลพบุรี จึงสนิทกัน อีกอย่างพี่ตนเป็นคนเพื่อนไม่เยอะ วันเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่กับพี่ชาย มาทราบเหตุภายหลัง หลังจากพี่ชายตนโทรมาบอกช่วง 06.00 น. ว่าให้ซื้อข้าวไปให้ที่ สน.พหลโยธิน เพราะถูกตำรวจคุมตัวอยู่ ส่วนตัวตอนแรกไม่เชื่อ แต่ก็เห็นข่าวนายกวินว่ามีการไปยิงคนตาย
สุดท้ายตนเองได้คุยกับนายอุราญ ระบุว่าถูกคุมตัวในฐานะพยาน ถูกเข้าไปคุมตัวช่วงใกล้ 04.00 น. ของวันที่ 24 มิ.ย.64 นายอุราญ ยืนยันว่าช่วงวันเกิดเหตุได้ไปดื่มเบียร์กับนายกวินจริง กวินเป็นคนชักชวนไปถึงราว 2-3 ทุ่ม เลือกไปม่านรูดเพราะร้านเหล้าปิด จนช่วง 3-4 ทุ่ม มีการไปซื้อเบียร์รอบ 2 พี่ชายตนไม่ได้ไปด้วย จึงไม่รู้ว่ามีเรื่องทะเลาะกันกรณีทำขวดเบียร์แตก
และมารู้หลังจากนายกวินกลับมา และบอกว่ามีการเคลียร์กันได้ พี่ชายตนเองเล่าต่อว่านายกวินพูดว่า "ผมไม่ทำอะไรพี่หรอก" ซึ่งมักพูดประจำเวลาดื่มสุรา เข้าว่าคุยกันเล่น ๆ และกวินก็ไม่มีท่าทีโกรธ รู้เพียงว่าทะเลาะกับพ่อและมีความเครียดสะสม
จนกระทั่งพี่ชายตนหลับไปด้วยความเมา ก่อนตำรวจจะบุกมาจับตัวที่โรงแรมตอน 04.00 น. ทำให้พี่ชายตนเพิ่งรู้ว่าเพื่อนไปก่อเหตุ โดยไม่ทราบว่านายกวินออกขากห้องพักไปตอนไหน
ตนได้คุยกับพี่ชายหลายครั้งหลังจากมีเรื่องเกิดขึ้น พี่ชายยังคงตกใจ ไม่คิดว่ารุ่นน้องที่สนิทจะไปก่อเหตุได้ ตนเองได้คุยกับพี่ชายยืนยันว่าไม่ได้รักร่วมเพศ และพี่ชายตนขับรถไม่เป็น ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะขับรถให้กวิน เรื่องอาวุธพี่ชายตนรู้อยู่แล้วว่ากวินมีปืน เพราะรู้จักกันตั้งแต่เป็นทหาร
ด้านนางน้อย (นามสมมติ) ญาติของนายอุราญ เปิดเผยว่า นายกวินและนายอุราญขณะนี้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ค่อยกลับมาที่บ้าน ตั้งแต่เกิดเรื่องตนเองก็ยังไม่ได้คุยรายละเอียดกับหลาน ส่วนตัวเชื่อว่าหลานไม่ผิด
หลานเป็นคนร่าเริง ไม่ใช่เด็กเกเร สมัยเด็กชอบการเป็นทหาร เมื่อโตมาก็ไปสมัครเป็นทหาร รับราชการอยู่ 5-6 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่แทบไม่ค่อยกลับบ้าน ส่วนที่หลานออกจากราชการไม่แน่ใจว่าจากสาเหตุอะไร ส่วนตอนนี้พักอาศัยและทำงานที่กรุงเทพฯ ส่วนเรื่องพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน เท่าที่รู้หลานไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนี้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีครอบครัว
สำหรับโรค PTSD หรือ Post-Traumatic Stress Disorder เป็นโรคจิตเภทชนิดหนึ่งที่เกิดจากสภาวะจิตใจของผู้ป่วยได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์เลวร้าย เช่น การก่อการร้าย สงคราม การถูกข่มขืน ประสบภัยพิบัติ ประสบอุบัติเหตุ เป็นต้น ซึ่งผู้ป่วยอาจจะเป็นผู้ที่ประสบเหตุการณ์โดยตรง หรือเป็นผู้ที่ได้รับการสูญเสียจากเหตุการณ์ทางอ้อม
อาการของโรค PTSD อาการเริ่มแรก คือจะเห็นภาพเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ ราวกับเครื่องเล่นวิดีโอที่ฉายแต่ภาพเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทำให้ผู้ป่วยเห็นภาพหลอน ฝันร้าย และเกิดความวิตกกังวลอย่างรุนแรง เกิดอาการ flash back คือ ผู้ป่วยจะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ จนเกิดความตื่นกลัว บางคนอาจมีอาการใจสั่น มือสั่น และเหงื่อออกมาก มองโลกในแง่ลบ ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่มีความสุข ชีวิตหม่นหมอง มีอาการไม่สนใจในสิ่งที่เคยชอบทำ รู้สึกแปลกแยก และอาจร้ายแรงถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย กลัวและพยายามหลีกเลี่ยง ไม่กล้าเผชิญเหตุการณ์ที่เคยประสบเหตุ หรือหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่ทำให้คิดถึงเหตุการณ์นั้น ๆ
ภาวะแทรกซ้อนจากโรค PTSD เนื่องจากภาวะดังกล่าวจะส่งผลต่อจิตใจของผู้ป่วย และทำให้มีผลต่อการใช้ชีวิตรวมถึงด้านอารมณ์ไปด้วย โดยสามารถนำพาไปสู่โรคภาวะทางจิตและพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตราย ได้แก่ โรคที่มีผลทางด้านจิตใจ เช่น โรคซึมเศร้า โรคกลัว โรควิตกกังวล เป็นต้น
พฤติกรรมที่เป็นอันตราย เช่น การหันมาใช้สารเสพติด หรือการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรืออาจทำร้ายตนเอง เป็นต้น ส่วนอาการทางร่างกาย เช่น มีอาการปวดท้อง ปวดศีรษะ ปวดหน้าอก เป็นต้น
นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว ผู้ต้องหาอาจจะถูกกระทำจนมีภาพฝังใจไม่ดีติดค้างอยู่ในความรู้สึกส่วนลึก และมองเห็นว่าผู้ที่ลงมือกระทำไม่ได้รับโทษอะไร จึงเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่ตนถูกกระทำสามารถทำกับคนอื่นได้ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิด รวมถึงการสวมเสื้อลายพราง และพฤติการต่าง ๆ ล้วนแล้วอาจจะเป็นความชื่นชอบเรื่องปืน และความเป็นทหาร รวมถึงสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ทำให้เก็บมารวบรวมเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ
ดังนั้น ควรปรึกษาจิตแพทย์อย่างใกล้ชิด รวมถึงสภาพแววล้อมคนรอบข้าง ถ้าหากสร้างความเข้าใจในทางบวก ความรัก ความอบอุ่น และความเข้าอกเข้าใจจะสามารถทับถมจนทำให้ชีวิตของคนไข้มีภาพจำแต่เรื่องที่ดีได้