ต่างด้าวแหกแคมป์อื้อ อึ้ง! ไร้เจ้าหน้าที่คุม แรงงานปัดหนี จี้รัฐจ่ายเยียวยากลัวอดตาย (คลิป)

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.64 ศบค. รายงานสถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศ ติดเชื้อเพิ่ม 3,995 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 244,447 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 42 ราย เสียชีวิตสะสม 1,912 ราย ขณะที่ยอดผู้ฉีดวัคซีนสะสมอยู่ที่ 9,055,141 โดส

ขณะที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึง 4 จังหวัดชายแดนใต้ พร้อมกับปิดแคมป์ก่อสร้าง ล็อกดาวน์ร้านอาหาร 30 วัน ห้ามนั่งกินในร้าน แต่ให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้น นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเทรนด์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกโซเชียลฯ พบว่ามีการติดแฮชแท็ก #ประยุทธ์ออกไป จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 

นอกจากนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ 6/2564 เรื่องพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

บัญชีรายชื่อจังหวัดที่กำหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ แนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ 6/2564 ลงวันที่ 26 มิ.ย.64 พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งสิ้น 10 จังหวัดดังต่อไปนี้

1.กรุงเทพมหานคร
2.จังหวัดนครปฐม
3.จังหวัดนนทบุรี
4.จังหวัดนราธิวาส
5.จังหวัดปทุมธานี
6.จังหวัดปัตตานี
7.จังหวัดยะลา
8.จังหวัดสงขลา
9.จังหวัดสมุทรปราการ
10.จังหวัดสมุทรสาคร

อีกหนึ่งแคมป์ที่หลายคนพูดถึงกันว่า มีคนงานลักลอบขนของยกครัวหนีออกจากแคมป์ในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา ซึ่งบางคนถึงขั้นจ้างรถตุ๊กตุ๊ก มารอรับหน้าแคมป์ เบื้องต้นวันนี้ทีมข่าวเดินทางไปยังริมถนนพิบูลสงคราม ซอย 7 ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งแคมป์ก่อสร้างแห่งนี้มีคนงานประมาณ 700 คน พบว่าวันนี้ยังไม่มีกำลังทหารเข้ามาประจำจุดแต่อย่างใด

นายโดม (นามสมมติ) รปภ. เปิดเผยว่า จากภาพเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นคนงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนี ซึ่งช่วงเกิดเหตุ รปภ. กะดึกและหัวหน้าคนงานได้ห้ามปรามแล้ว แต่คนงานกลุ่มดังกล่าวไม่เชื่อฟัง พยายามที่จะขนของออกจากแคมป์ก่อสร้าง แต่ตนไม่ทราบว่าจำนวนกี่คน โดยคนกลุ่มนี้ให้เหตุผลว่ากลัวจะไม่ได้รับเงินเยียวยาจากภาครัฐ เนื่องจากเป็นแรงงานรายวัน และไม่มีชื่ออยู่ในประกันสังคม ทำให้หลังจากที่คนงานกลุ่มนี้หลบหนีไปได้ บริษัทประกาศออกมาทันทีว่าให้คนงานกลุ่มนี้พ้นสภาพจากการเป็นคนงานของบริษัท

ทางหัวหน้าคนงานก็ได้ประสานไปยังตำรวจในพื้นที่ และตำรวจก็บอกว่าคืนนี้ (27 มิ.ย.64) เวลาเที่ยงคืน จะจัดเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาเฝ้าหน้าแคมป์ก่อสร้าง ทั้งนี้ทางแคมป์ก็มีประกาศล็อกดาวน์สั่งห้ามคนงานเข้า-ออกประตูใหญ่ของแคมป์ให้เหลือเพียงแค่ประตูเล็ก พร้อมกับกำชับมาตรการเด็ดขาดว่าหากคนงานเข้าไปแล้ว ห้ามออกมาไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม จนกว่าจะครบ 30 วันตามที่มีการประกาศ เพื่อสกัดกั้นการหลบหนี และลดภาวะการแพร่เชื้อโควิด-19 ส่วนเรื่องข้าวปลาอาหาร เท่าที่ตนรู้ตั้งแต่พรุ่งนี้ (28 มิ.ย.64) เป็นต้นไป จะมีเจ้าหน้าที่จากภาครัฐนำอาหารและเครื่องดื่มมาให้กับคนงานภายในแคมป์ครบทั้ง 3 มื้อ

นอกจากนี้ ทีมข่าวได้เดินทางไปสำรวจตามแคมป์ต่าง ๆ ก็พบกับอีกหนึ่งแคมป์ก่อสร้างท้ายซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 9/1 (ซอยศักดิ์สงคราม) ซึ่งเป็นแคมป์ของบริษัทชื่อดัง ซึ่งมีคนงานก่อสร้างประมาณ 8 คน เตรียมนำรถกระบะมาขนข้าวของเพื่อย้ายออกนอกพื้นที่ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารสกัดกั้นไว้ทัน จึงต้องย้ายกลับเข้ามาในแคมป์ตามเดิม

นายเจียม สุขสนิท อายุ 52 ปี เปิดเผยว่า ตนทำงานในแคมป์แห่งนี้กับภรรยามา 1 ปีกว่าแล้ว กระทั่งเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.64 ตรวจพบว่าตนกับภรรยาติดโควิด-19 จึงเข้ารับการรักษาที่ รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ และรักษาหายได้ออกมาตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา ตนกับภรรยาก็ตั้งใจจะออกไปอยู่ห้องพักที่อื่น ช่วงเช้าของวันนี้ตนก็เลยเข้ามาขนข้าวของเตรียมย้ายออกไป แต่ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาสกัดไว้ก่อน ตนไม่ได้จะหลบหนี เพียงแค่ไม่รู้จริง ๆ ว่ามีการสั่งปิดแคมป์ห้ามคนงานเข้า-ออก

ทั้งนี้หากไม่ให้ตนออกไปนอกพื้นที่ก็ไม่เป็นอะไร เพราะอย่างน้อยตนกับภรรยาก็มีชื่ออยู่ในแคมป์แห่งนี้ตามกฎหมาย แต่อย่างหนึ่งที่เป็นกังวลหากตอนอยู่ในแคมป์ไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้จากบริษัท มีเพียงแค่เงินเยียวยาจากรัฐบาลร้อยละ 50 ของค่าจ้างนั้น หมายความว่าตนจะมีรายได้แค่วันละ 150 บาทเท่านั้น ดังนั้นลำพังเงินเดือนปกติก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว จึงอยากวอนภาครัฐให้เยียวยาช่วยเหลือมากกว่าร้อยละ 50 ของค่าจ้างได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ส่วนเรื่องของความปลอดภัยภายในแคมป์นั้น ตนไม่ค่อยกังวลเท่าไร เพราะล่าสุดเห็นว่าเปลี่ยนห้องอาบน้ำ จากบ่อรวม เป็นฝักบัวเดี่ยวให้เรียบร้อยแล้ว และมีการสั่งกำชับอย่าการ์ดตก สวมใส่หน้ากากอนามัย ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือตลอด

อีกหนึ่งแคมป์ก่อสร้างในจังหวัดปริมณฑลอย่างแคมป์ก่อสร้างของกรมชลประทาน ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ที่อยู่ในประกาศให้มีการปิด 30 วันนั้น ปรากฏว่าเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.64) ชาวเน็ตหลายคนออกมาแชร์ภาพที่คนงานต่างพากันขนของย้ายออกนอกพื้นที่ด้วยรถแท็กซี่ ตามที่ปรากฏเป็นกระแสวิจารณ์นั้น 

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ก็ลงมายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งพบว่ายังไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาประจำจุดแต่อย่างใด และยังคงมีคนงานบางส่วนที่ทำงาน โดยจากที่ได้พูดคุยกับ “คุณวิเวียร” (นามสมมติ) หัวหน้าคนงาน กล่าวว่า เดิมทีแคมป์ดังกล่าวมีทั้งคนงานชาวไทย เมียนมา และกัมพูชา รวมแล้วประมาณ 110 คน แต่ขณะนี้เหลือเพียงแค่ประมาณ 85 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นแรงงานรายเดือน แบ่งเป็นคนไทย 5 คน กับชาวเมียนม่าและกัมพูชา 80 คน

ส่วนอีกประมาณ 25 คน ที่ขอเดินทางกลับบ้าน ทั้งหมดเป็นแรงงานต่างด้าว รับเงินรายวัน ไม่มีประกันสังคม ซึ่งหากพวกเขาอยู่ในแคมป์ต่อไปก็จะไม่มีรายได้ ไม่ได้รับเงินเยียวยาร้อยละ 50 จากภาครัฐ เนื่องจากไม่มีชื่อในระบบประกันสังคม จึงต้องกลับบ้านเพื่อไปหางานทำต่อ ไม่ได้เป็นการลักลอบหลบหนีออกไปอย่างที่เป็นข่าว แต่ก็ไม่ได้อนุญาตให้ออกไป 100 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ ตนยืนยันอีกว่า คนงานทั้งหมด 110 คน ตรวจหาเชื้อโควิด-19 และคนที่ผลออกมาว่าไม่พบเชื้อก็ทำงานต่อได้ ส่วนคนที่พบเชื้อก็จะให้เข้ารับการรักษาตั้งแต่แรก ฉะนั้นคนที่ออกจากแคมป์ไปเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.64) คือคนที่ปลอดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด ส่วนวัคซีนก็อยู่ในช่วงรอคิวฉีด และยังมีบางส่วนเลือกที่จะไม่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนประมาณเกินครึ่ง เพราะกลัวตายอย่างเช่นตน

แต่กลุ่มคนที่ออกไปจากแคมป์แล้วนั้น จะไม่สามารถกลับเข้ามาในแคมป์ได้อีก 30 วันที่มีคำสั่งปิด และเมื่อครบ 30 วันแล้ว ก่อนกลับเข้ามาก็จะต้องไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 และมีผลว่าไม่พบเชื้อถึงจะกลับมาทำงานในแคมป์ได้อีกครั้ง สำหรับมาตรการสำหรับคนที่ยังอยู่ในแคมป์ตอนนี้ก็ค่อนข้างเข้มงวด ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ ด้านของประตูแคมป์จากที่เคยเปิด 4 ด้าน ก็ปิดให้เหลือแค่ 1 ประตู แต่ไม่อนุญาตให้มีการเข้า-ออกเพื่อไปทำธุระอื่น ๆ ส่วนเรื่องของข้าวปลาอาหารก็จะมีตัวแทนออกไปซื้อมาให้จนกว่าจะมีคำสั่ง หรือมีเจ้าหน้าที่มาควบคุม