สุรัตน์ไม่มอบตัวยื่นข้อเสนอต้องได้ประกัน เมียโกศลท้ามอบตัว หวั่นโจ้แก๊งอุ้มฆ่าตัวตายหนีผิด (คลิป)

ภายหลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ “หนุมาน กองปราบ” ตำรวจ กก.5.บก.ป. ร่วมกับ ตำรวจภูธร ภ.8, กก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และบก.สส.ภ.8 เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 12 จุด ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี และจ.ชุมพร ติดจับกุมแก๊งอุ้มฆ่านายโกศล พ่อค้าหอยใน อ.ไชยยา จ.สุราษฏร์ธานี โดยการจู่โจมเข้าตรวจค้นครั้งนี้ ประกอบด้วยบ้านพัก 4 หลังในพื้นที่ หมู่ 12 ต.คันธุลี อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี บ้านพัก 4 หลัง ใน อ.ไชยา และ 1 หลังใน อ..พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานีและบ้านพักอีก 3 หลัง ใน อ.หลังสวน จ.ชุมพร

ล่าสุดวันที่ 27 มิ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ย้อนกลับไปเจอกับนายคิด (นามสมมติ) ลูกน้องคนสนิทของนายสุรัตน์ เปิดเผยว่า ส่วนตัวมองว่านายสุรัตน์ และพรรคพวกจะต้องถูกจับอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหน เหตุผลตอนนี้ที่ทุกคนยังไม่ยอมมอบตัว เป็นเพราะกังวลเรื่องของการประกันตัว เพราะการอยู่ข้างนอกยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ถ้าหากถูกจับและประกันตัวไม่ได้ ก็เท่ากับไม่สามารถที่จะต่อสู้อะไรได้ ดังนั้นในเมื่อถ้ามีหลักประกันว่ามอบตัวแล้วได้รับการประกันตัว ก็คงยอมมอบตัวเพื่อสู้คดีในชั้นศาล แต่ถ้าไม่มีหลักประกันว่ามอบตัวแล้วจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ ก็ได้แต่หนีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ส่วนตัวในฐานะลูกน้องคนสนิทของนายสุรัตน์ ยืนยันว่าทุกวันนี้ไม่ได้รับการติดต่อหรือคุยอะไรกับนายสุรัตน์ และคิดว่านายสุรัตน์ คงไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี อย่างแน่นอน แต่อาจไปไกลกว่านั้น เพราะไม่ต้องการให้ถูกจับ และการที่ตำรวจมีการลงพื้นที่พร้อมกัน 12 จุด ตนก็มองว่าเป็นการทำงานเชิงลับ และก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย แต่อยู่ที่ว่าค้นแล้วจะเจอเบาะแสอะไร ส่วนตัวก็เชื่อว่าคนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิด ไม่มีใครรู้เห็นเกี่ยวกับที่พักพิงหรือให้การช่วยเหลือในการหลบหนี แม้ว่าจะควบคุมตัวพี่สาวของนายสุรัตน์ ไปสอบปากคำก็ตาม แต่ก็คงไม่สามารถที่จะหาเบาะแสอะไรได้มากไปกว่านี้ เพราะไม่มีใครให้การช่วยเหลืออยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม นายคิด กล่าวด้วยว่า กรณีที่ตำรวจอ้างว่านายโจ้ มีคดีเก่าและกำลังเครียดหนัก ถึงขั้นจะยิงตัวเองตาย เพราะไม่ได้ไปรายงานตัวต่อศาลนั้น ตนมองว่าไม่เกี่ยวข้องกัน คงเป็นเรื่องที่ตำรวจคิดไปเอง เพราะคนมันจะเครียดก็คงเครียดที่ว่าถ้าติดคุกแล้วไม่ได้ประกันตัว แต่การที่ทุกคนยังอยู่ข้างนอก ก็คงไม่มีความเครียดอะไร คงใช้ชีวิตได้ตามปกติ

นางจินดาหรา วสินทรัพย์ หรือ “เกว” ภรรยาของเสี่ยโกศล เปิดเผยว่า การที่คนในครอบครัว โดยเฉพาะพี่สาวของนายสุรัตน์ ที่เป็นคนใหญ่คนโตในพื้นที่ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปสอบปากคำในฐานะบุคคลที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้ที่พักพิงและการหลบหนีของนายสุรัตน์ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนในครอบครัวที่จะต้องออกมาปกป้องกันและกัน แต่ก็ขอไม่แสดงความคิดเห็นมากไปกว่านี้ หากเป็นคนในครอบครัวตนโดนแบบนี้ ตนคงไม่ช่วยเหลือคนผิด แต่หากอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นก็ควรที่จะไปพิสูจน์กันในชั้นศาล 

ส่วนกรณีชุดสืบสวนของตำรวจสืบทราบว่านายโจ้ มีความเครียด หลังจากที่ไม่ได้ไปรายงานตัวต่อศาลในคดียิงอดีตทหารเกณท์เสียชีวิต นางจินดาหรา บอกว่า เป็นไปได้ก็อยากให้มอบตัว ตนไม่ต้องการที่จะให้นายโจ้ คิดสั้นฆ่าตัวตาย อย่างน้อยการมอบตัวก็คือการทำความดี และมากไปกว่านั้นหากจะทำความดีมากยิ่งขึ้น ควรที่จะออกมาบอกว่านำร่างของสามีตนไปทิ้งไว้ที่ไหน และควรที่จะให้การต่อชั้นศาลว่าใครเป็นคนฆ่า โทษทุกอย่างก็จะได้ลดลงครึ่งหนึ่ง อย่างน้อยเป็นการให้ปากคำที่เป็นประโยชน์ โทษก็คงลดน้อยลงบ้าง “ไม่อยากให้โจ้ฆ่าตัวตาย ไม่อยากให้ใครมาตายเหมือนพี่ตุ้ม”

อย่างไรก็ตาม นางจินดาหรา บอกด้วยว่า ทุกวันนี้ครอบครัวของเสี่ยโกศลก็ยังค้นหาเบาะแส เพื่อจะตามหาร่างให้เจอ ไม่มีใครอยู่แบบมีความสุขได้ เพราะยังหาร่างไม่เจอ แล้วทุกวันนี้การค้นหาเบาะแส แม้ว่าจะเจอเพียงแค่เสื้อ หรือกระดูกเพียงแค่ 1 ชิ้น ทุกคนก็ยอมค้นหาต่อไปจนกว่าจะเจอ