จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปวิดีโอขณะไปห้องที่เคยอยู่กับแฟนหนุ่มที่เลิกรากันไปก่อนหน้านี้ เมื่อไปถึงก็พบว่าอดีตแฟนหนุ่มอยู่กับผู้หญิงอีกคน จากนั้นจึงมีปากเสียงและทะเลาะวิวาทกัน
โดยระบุว่า "สวัสดี เราชื่ออุ้ม เราอยู่กินกับผู้ชายคนนี้มา5ปี มีลูกด้วยกัน 1คน ที่ผ่านมาเราเจอเรื่องผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า นี่เป็นครั้งที่สองที่จับได้และเห็นกับตาว่ามันอยู่กับผู้หญิง ผู้หญิงชื่อปาม ถ้าได้ยินไม่ผิดนะ. เหตุการณ์มันมีอยู่ว่าเค้าบอกเลิกเราไม่ถึงวันเราก็ไปขนของออกมา อยากรู้ว่าโดนบอกเลิกเพราะอะไรก็เลยไปแอบดูที่ห้อง สรุปว่าอยู่กับผู้หญิง ผู้หญิงก็น่าจะทำงานโรงงาน ผู้ชายทำงานโรงงานXXX เราแต่งงานกันอยู่กินกันมานานพอแฟนมาทำงานโรงงาน ก็เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป จนมาถึงวันนี้ วันที่เราจับได้ว่าเค้ามีคนอื่น และตลอดห้าปีที่ผ่านมาเราเจอทำร้ายร่างกายมาตลอด. ไม่ว่าจะต[ตีแค่ไหนก็ทนเพราะรักและมีลูกด้วย #ใจไม่แข็งพออย่ามาทำคะ เคยเห็นแต่คนอื่นเป็นไม่เคยคิดว่าจะเจอกับตัวเอง. ห้องก็เป็นเราเหมือนกัน เช่าอยู่ด้วยกัน"
วันที่ 28 มิ.ย. 64 นางสาวอำพร ศรีธรรมราช อายุ 21 ปี ผู้โพสต์คลิป ระบุว่า วันที่เกิดเหตุ 26 มิ.ย. 64 เวลาประมาณ 01.00 น. ตนเองรู้สึกสังหรณ์ใจรู้สึกแปลก ๆ ว่าทำไมจู่ ๆ นายพีถึงบอกเลิกตนเอง เมื่อวันที่ 25 มิถุ.ย. 64 และก่อนหน้านี้ตนเองก็เคยจับได้ ว่าฝ่ายชายมีคนอื่น ตนเองจึงชักชวนให้รุ่นน้องเดินทางมาด้วย เมื่อไปถึงได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะเสียงดัง จึงเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเห็นทั้งคู่นั่งดื่มสุรากัน ยอมรับว่าเจ็บและช้ำมาก
ตนถามฝ่ายหญิงว่า "มึงเป็นใคร ทำไมถึงทำแบบนี้" โดยนายพีก็พูดคำเดียวว่า "ออกไป ๆ" คล้ายกับปกป้องผู้หญิงคนนั้น ตนเองยอมรับว่าฟิวส์ขาดเกินจะทน มีการผลักบ้างดึงกระชากบ้างเล็กน้อย ก่อนจะเกิดความชุลมุน ตนเองก็ได้หยิบมีดขว้างปาถูกฝ่ายชายจนมีบาดแผล ก่อนจะถูกผลักออกจากห้อง และโดนประตูหนีบ ก่อนที่นายพีและผู้หญิงที่อยู่ในห้องจะพากันหนีออกไป ตนเองจึงเดินทางกลับ ได้รับบาดเจ็บถูกประตูหนีบแขน ตนเองจุกพูดไม่ออก และยืนยันว่าตั้งใจจะไปทำร้ายผู้ชาย ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายฝ่ายหญิง
โดยห้องที่เกิดเหตุ คือห้องที่ตนเองเคยอยู่อาศัยร่วมกับแฟนหนุ่มมาราว 3 เดือน ออกค่าเช่าร่วมกัน และเพิ่งจะย้ายของออกมาได้ไม่นาน มีกระเป๋าเสื้อผ้าตนเองอยู่ในห้อง 1 ใบด้วย แต่ตนคงไม่กลับไปเอาอีกแล้ว ตนเองและนายพีคบหากันมานาน 5 ปี มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 2 ปี และแต่งงานกัน อยู่จนจนพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณต้นปี เคยเลิกรากันไปแล้ว 1 ครั้ง และกลับมาคบหากันอีก
ที่ผ่านมาฝ่ายชายเคยทำร้ายร่างกายตนเองด้วย เพราะตนเองจับได้ว่ามีผู้หญิงคนอื่น ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้กับตนเอง เพราะที่ผ่านมาตนเองซื่อสัตย์มาโดยตลอด ฝ่ายชายก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง ตนเองเคยมีภาวะเครียดหลังคลอด และเคยทำร้ายร่างกายตัวเองมาแล้ว หลังเกิดเรื่องทั้ง 2 คนมีการขอให้ลบคลิปด้วย แต่ตนเองไม่ยอม หลังจากนี้ คงไม่กลับไปคบหาอีกแล้ว เพราะตนเองรังเกียจ และจะมีการติดต่อพ่อแม่ฝ่ายชายเรื่องการดูแลลูกเท่านั้น
ด้านนายพี (นามสมมติ) อายุ 20 ปี อดีตแฟนหนุ่ม เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุตนเองไม่ได้ทำงาน จึงชักชวนรุ่นน้องมาที่ห้อง จนกระทั่งนางสาวอุ้ม และรุ่นน้องอีกคนหนึ่งมาที่ห้อง บุกเข้ามาในห้องต่อยตนเองและใช้มีดแทงที่แขน ตนเองไม่ต่อสู้ ก่อนจะมีการทำร้ายร่างกายตนเองอย่างเดียว ตนเองก็ต้องกันฝ่ายหญิง เพราะเขาไม่รู้เรื่องด้วย และนางสาวอุ้มก็ถือมีด ตนเองพยายามห้ามอยู่นาน ก่อนจะรีบทำให้เหตุการณ์สงบ ตนเองตกใจที่มาเคาะถึงห้อง และตะโกนให้เปิดประตู ยืนยันว่าทางตนเองไม่ได้ทำร้ายร่างกายฝ่าหญิง
สาเหตุที่ตนเองเลิกกับฝ่ายหญิง เพราะฝ่ายหญิงไม่ให้เกียรติครอบครัวของตนเอง รวมถึงอยากจะได้ทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น รถเก๋ง ตนเองก็หาให้ทุกอย่าง จนเหนื่อยและไปต่อไม่ไหว จึงขอเลิก ไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาวเลย โดยหลังจากเกิดเหตุ ตนเองกับนางสาวปาล์ม หญิงที่อยู่ในห้อง ก็ยังมีการพูดคุยกันและจะปรึกษาว่าจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าตนเองและนางสาวปาล์มไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือคบหาเชิงชู้สาว เพียงแต่เคยคุยกันเมื่อนานมาแล้ว และเพิ่งจะมาเจอกันอีกครั้งในวันที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาฝ่ายพ่อแม่ ตนเองเป็นคนเลี้ยงดูมาโดยตลอดที่ จ.บุรีรัมย์ โดยฝ่ายหญิงก็ค่อนข้างเป็นคนเสียงดังเอาแต่ใจ และชอบทำลายข้าวของ ส่วนการทำร้ายร่างกายนั้น มองว่าเป็นเรื่องของการมีปากเสียงกันแล้วเกิดอุบัติเหตุมากกว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจจะลงมือทำร้ายฝ่ายหญิง ตอนนี้ตนเองคงไม่กลับไปคบหากับอดีตแฟนสาวอีกแล้ว เพราะตนเองก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังรักฝ่ายหญิงอยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าฝ่ายหญิงทำเกินไป ถ้าคุยกันดี ๆ จะดีกว่า แต่ถ้าหากฝ่ายหญิงมาขอดูแลลูก ตนก็ไม่ติดขัด
ตนยืนยันว่าไม่อยากจะดำเนินคดีกับฝ่ายหญิงที่มีการนำมีดมาทำร้าย เพราะที่ผ่านมาตัวเองก็ถือว่าฝ่ายหญิงเคยเป็นอดีตแฟนสาวและมีลูกกันแล้วก็ไม่อยากให้เป็นคดีความใหญ่โต ขณะนี้ก็ไม่ได้มีการคุยกับผู้หญิงคนไหนเลย
ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานทนายเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทราบว่าทั้งสามีภรรยาไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรสกัน แต่มีลูก 1 คน เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นมองว่าสามีเป็นเจ้าของห้องมีสิทธิในการครอบครอง ส่วนภรรยามีการบุกเข้ามาโดยไม่มีเหตุจำเป็น การกระทำดังกล่าว มีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364 เพราะเข้ามาในเวลากลางคืน และไม่มีเหตุอันสมควร ถ้ากระทำความผิดในเวลากลางคืนก็จะมีโทษหนักขึ้น คือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ อาจมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย แต่ไม่ถึงกับเป็นอันตรายต่อกายหรือจิตใจ ก็จะมีความผิดฐานละหุโทษ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากสามีภรรยาเลิกรากันแล้ว ไม่มีสิทธิ์หวนกลับไปบ้านหรือที่พักของแฟนเก่า เพราะการเข้าไปถือเป็นการละเมิดบุคคลอื่น