วิจัยพบ วัคซีนไฟเซอร์ - โมเดอร์นา กระตุ้นภูมิได้นานหลายปี โดยไม่ต้องฉีดซ้ำ

29 มิ.ย. 64

ผลวิจัยจากทีมแพทย์สหรัฐฯ พบ วัคซีนไฟเซอร์ - โมเดอร์นา กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้นานหลายปี โดยไม่ต้องฉีดเข็ม 3 

คณะวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ของสหรัฐฯ ค้นพบหลักฐานว่า การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ได้จากการฉีดไฟเซอร์ (Pfizer) และโมเดอร์นา (Moderna) นั้นมีความแข็งแกร่งและกระตุ้นภูมิได้นานหลายปีโดยไม่ต้องมีการฉีดเข็ม 3 กระตุ้น หรืออาจตลอดชีวิตในกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อและได้รับวัคซีน ภายใต้ข้อแม้เดียวว่า ไวรัสไม่ได้มีการกลายพันธุ์ไปเกินกว่าสายพันธุ์ที่มีอยู่จนมากเกินไป

ผลวิจัยอ็อกฟอร์ดชี้ ฉีดวัคซีนผสมโดส แอสตร้าเซนเนก้า + ไฟเซอร์ สร้างภูมิดี

คณะวิจัยรวบรวมตัวอย่างเซลล์จากผู้รับวัคซีนไฟเซอร์ 14 คน ในช่วงสัปดาห์ที่ 3, 4, 5 และ 7 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก โดยผู้เข้าร่วมทดลอง 10 คนยังได้ให้ตัวอย่างเซลล์เพิ่มเติมในช่วงสัปดาห์ที่ 15 อีกด้วย อย่างไรก็ดีผู้เข้าร่วมทดลองทั้งหมดไม่เคยติดเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19

คณะวิจัยพบว่าในสัปดาห์ที่ 3 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก ร่างกายของผู้เข้าร่วมทั้ง 14 คนได้สร้างศูนย์กลางเจอร์มินอล (GC) ที่มีเซลล์บี (B Cells) ซึ่งผลิตแอนติบอดีที่มุ่งเป้าไปยังโปรตีนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-COV-2) อันก่อโรคโควิด-19 โดยการตอบสนองดังกล่าวขยายตัวอย่างมากหลังได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นและยังคงอยู่ในระดับสูงเรื่อยมา

แม้กระทั่งในสัปดาห์ที่ 15 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก ผู้เข้าร่วม 8 ใน 10 คน ยังคงมีศูนย์กลางเจอร์มินอลที่ตรวจจับได้ ซึ่งเซลล์บีที่มุ่งเป้าไปยังไวรัสก็ยังคงอยู่เช่นกัน

000_98y3lx

“นี่เป็นหลักฐานของการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง” เรเชล เพรสตี ผู้ร่วมวิจัยอาวุโสและรองศาสตราจารย์ด้านการแพทย์กล่าว “ระบบภูมิคุ้มกันของคุณใช้ศูนย์กลางเจอร์มินอลเพื่อสร้างแอนติบอดีที่สมบูรณ์แบบ เพื่อที่จะยึดจับได้ดีและอยู่ได้นานที่สุด ส่วนแอนติบอดีในเลือดเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของกระบวนการ แต่ศูนย์กลางเจอร์มินอลคือจุดที่ภูมิคุ้มกันถือกำเนิดขึ้น”

คณะวิจัยยังได้รวบรวมตัวอย่างเลือดจากผู้รับวัคซีนไฟเซอร์ 41 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 8 คนเคยติดเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 โดยตัวอย่างเลือดนั้นจะถูกเก็บก่อนพวกเขาเข้ารับวัคซีนแต่ละโดส รวมทั้งในช่วงสัปดาห์ที่ 4, 5, 7 และ 15 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก

คณะวิจัยพบว่าในกลุ่มผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ระดับแอนติบอดีจะทยอยเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ หลังฉีดวัคซีนโดสแรก และแตะระดับสูงสุดช่วง 1 สัปดาห์หลังฉีดวัคซีนโดสที่สอง ขณะกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อมาก่อนนั้นมีแอนติบอดีในเลือดก่อนฉีดวัคซีนโดสแรกอยู่แล้ว และระดับแอนติบอดีของพวกเขาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังฉีดวัคซีนโดสแรก และสูงกว่าระดับของผู้ที่ไม่ติดเชื้อ

เจน โอ ฮัลโลแรน ผู้ร่วมวิจัยและผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการแพทย์กล่าว “หากคุณเคยติดเชื้อและเข้ารับวัคซีนแล้ว คุณจะมีระดับแอนติบอดีเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดว่าวัคซีนเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งแม้คุณจะเคยติดเชื้อมาก่อนหน้านี้ เราจึงแนะนำให้ผู้ที่เคยติดเชื้อเข้ารับวัคซีน”

นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนยังทำให้เกิดแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ในระดับสูง ซึ่งมีฤทธิ์ต่อต้านโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ ซึ่งรวมถึง สายพันธุ์เบตา (Beta) จากแอฟริกาใต้ ที่ดื้อต่อวัคซีนบางตัว

ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาถูกผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ซึ่งแตกต่างจากวัคซีนส่วนใหญ่ และวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างและปล่อยสารโปรตีนของเชื้อไวรัส อาทิ โปรตีนหนามของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ที่มา - ซินหัวusnews

หมอมานพ ยันวัคซีนทุกตัวประสิทธิภาพไม่เท่ากัน ยกเคสชีลีเปลี่ยนใช้ไฟเซอร์

ผลวิจัยฮ่องกงพบ ไฟเซอร์ กระตุ้นการสร้างแอนติบอดี เหนือกว่าซิโนแวค

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม