นาทีสังหาร! น้องผัวยิงเมียอดีตรอง อบจ.กลางเมืองเปลี่ยนชุดหนีสุดใจเย็น ลูกร่ำไห้กอดลาศพแม่ (คลิป)

กรณีตำรวจ สภ.เมืองสุราษธานี รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเจ็บสาหัสกลางสี่แยกสวนหลวง เจ้าหน้าที่พบรถเอชอาวี สีขาว ทะเบียน 9กง9585 สุราษธานี พบว่ากระจกฝั่งขวาแตกเสียหายจากการถูกยิง เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล หลังถูกยิงเข้าที่ขมับขวา 3 นัด เป็นกระสุนชนิด 9 มม. และคนเจ็บสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นางสุชาวดี อินทรักษ์ พนักงานราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด ตำแหน่งหัวฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาบุคลากร ซึ่งเป็นภรรยาของนายก่อเกียรติ อินทรักษ์ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เผยนาทีเดือด! บุกฆ่าเมียอดีตรองอบจ.กลางเมืองสุราษฎร์ วงจรปิดเผยชายปริศนาโผล่หลังยิง

วันที่ 1 ก.ค. 64 ทีมข่าวได้รับคลิปจากกล้องหน้ารถ ซึ่งอยู่ด้านหลังบันทึกภาพเหตุการณ์วินาทีที่นายอู๊ด น้องชายของนายก่อเกียรติ เดินลงมาจากรถและไปก่อเหตุยิงรถของนางสุชาวดี เป็นรถเอชอาร์วีสีขาวที่จอดอยู่ด้านหน้า หลังจากที่ยิงเสร็จก็ได้ขึ้นรถขับหลบหนีโดยทันที

กล้องวงจรปิดบริเวณสี่แยกสวนหลวง กลางเมืองสุราษฎร์ธานี ช่วงเวลา 16.36 น. มีกล้องวงจรปิดของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง บันทึกเสียงปืน 4 นัด ก่อนที่รถที่จอดติดไฟแดงจะค่อย ๆ ออกตัว ซึ่งจะเห็นรถวีออสสีดำของคนก่อเหตุขับเลี้ยวซ้ายหลบหนี ภาพหลังจากที่รถของผู้ตายถูกยิง ออกตัวช้า ๆ ลักษณะไหลลงเนินไปหยุดที่สี่แยก

พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.เมืองสุราษธานี ระบุว่า เบื้องต้นได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายพิษณุ หรือ อู๊ด อินทรักษ์ อายุ 47 ปี น้องชายของสามีผู้ตาย ใน 2 ข้อหา คือฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในเมืองและทางสาธารณะ โดยขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังติดตามตัว ทราบจากคนใกล้ชิดว่าเจ้าตัวเตรียมที่จะมอบตัว แต่ยังไม่ระบุวันเวลาที่ชัดเจน

โดยหลังเกิดเหตุผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่ง รพ.ทักษิณ ต่อมาเสียชีวิต จากการสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน ขก 2704 สฏ เป็นยานพาหนะ หลังเกิดเหตุขับรถหลบหนีต่อมาไปพบรถคันดังกล่าวจอดทิ้งภายในซอยสวนถั่ว ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี

ตรวจสอบภายในรถพบเอกสารส่วนตัวและของใช้ส่วนตัวของนายพิษณุ อินทรักษ์ หรือ อู๊ด อายุ 47 ปี น้องชายของสามีผู้ตาย เมื่อตรวจสอบกับกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุก็ยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุคือนายพิษณุ ได้ขับรถคันดังกล่าวมาจอดต่อหลังจากรถผู้ตาย จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้ลงจากรถมายืนบริเวณข้างประตูคนขับ แล้วใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่ผู้ขับขี่รถจำนวน 4 นัด แล้วก็ได้ขึ้นรถขับหลบหนีไป

ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการสอบพยานเพิ่มเติม สอบไปแล้ว 2-3 ปาก หลังจากนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่า ชนวนเหตุที่ทำให้ถูกยิงตาย เกิดจากประเด็นมรดกในครอบครัว และความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างผู้ตายกับคนก่อเหตุ

ทีมข่าวย้อนกลับไปที่ซอยสวนถั่ว จุดทิ้งรถวีออสสีดำ ทราบชื่อผู้ครอบครองรถคือ นายพิษณุ อินทรักษ์ หรือ อู๊ด อายุ 47 ปี ชาว ต.ทุ่งเตาใหม่ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี น้องชายของสามีผู้ตาย จากที่ทีมข่าวได้กล้องวงจรปิดวินาทีที่คนก่อเหตุเลี้ยวรถเข้าไปจอดทิ้งภายในซอยข้างโกดังเก็บสินค้าของบริษัทเอกชน จากนั้นพบว่าเจ้าตัวได้เดินทิ้งรถและมุ่งหน้าไปที่ซอยที่ไม่มีบ้านคน

ทีมข่าวได้รับกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมอีก 1 ตัว วินาทีของนายอู๊ด คนก่อเหตุ หลังจากที่ทิ้งรถแล้วเดินผ่านกล้องบริเวณสี่แยก ห่างกันไม่ถึง 50 เมตร มีกล้องวงจรปิดของบ้านหลังหนึ่งในกลางซอย จับภาพวินาทีของคนก่อเหตุเดินผ่าน เห็นว่ามือซ้ายเดินแกว่งแขนไปมา ส่วนมือขวาแนบชิดลำตัว คล้ายกับถืออะไรบางอย่าง แต่จะเห็นลักษณะบุคลิกชัดเจน เป็นคนลักษณะสูงใหญ่ สวมใส่เสื้อสีน้ำเงิน กางเกงสีดำ สวมใส่แมสก์เดินด้วยท่าทีเรียบเฉย ซึ่งจะมีช่วงหนึ่งที่นายอู๊ดทราบว่าบ้านหลังที่เดินผ่านมีกล้องวงจรปิด 2 ตัว จึงได้หันมามองภายในบ้าน

นอกจากนี้ กล้องวงจรปิดเพิ่มเติมบริเวณสี่แยกภายในซอยอีก 1 จุด ตั้งแต่เวลา 16.30-17.50 น. เห็นว่านายอู๊ดเดินผ่านบริเวณแยกดังกล่าว ทีมข่าวได้รับรายงานจากชุดสืบสวนตำรวจ ทราบว่าคนร้ายอาจจะมีการติดต่อให้รถมารับออกไปจากซอย เพราะหลังจากกล้องตัวดังกล่าวไม่สามารถจับภาพนายอู๊ดได้อีก

จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กของนายพิษณุ ผู้ก่อเหตุ ก่อนก่อเหตุวันที่ 30 มิ.ย. 64 มีการโพสต์ข้อความระบุถึงเรื่องที่สามีของผู้เสียชีวิตมีการกีดกันเจ้าตัวจากครอบครัว และมีความคับแค้นใจ จึงโพสต์ระบายความในใจยาวเหยียด

ทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านหนองสวน ต.กะแดะ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษธานี บ้านของนางสุชาวดี อินทรักษ์ ผู้ตาย โดยญาติได้มีการจัดเตรียมงานศพ สำหรับรอรับร่างของผู้ตายมาประกอบพิธีรถน้ำศพในเวลา 15.30 น. บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

นายสหพล บัวคง อายุ 47 ปี น้องชายคนเล็กของคนตาย เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตนเองติดตามข่าวในเพจเฟซบุ๊กต่าง ๆ ของเมืองสุราษฎร์ซึ่งไม่คิดว่า จะเป็นนางสุชาวดี พี่สาว จนกระทั่งได้มีการโทรศัพท์ไปสอบถามนายก่อเกียรติ สามีของพี่สาว รู้ว่ารถที่ถูกยิงกลางสี่แยกเป็นรถของพี่สาวก็รีบเดินทางไปที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทันได้ดูใจ เพราะพี่สาวเสียชีวิตแล้ว ส่วนเรื่องสาเหตุที่ถูกยิง ตนเองนึกไม่ออกว่ามีความขัดแย้งกับใคร เพราะปกติพี่สาวก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง อีกทั้งครอบครัวตนเองต่างคนต่างอยู่ มีบ้านคนละหลัง และบ้านพี่สาวก็อาศัยอยู่กับนายก่อเกียรติสามี และลูกชาย 2 คน คนโต 16 ปี ชื่อน้องปันๆ คนเล็ก 14 ปี ชื่อน้องปุน

ทั้งนี้ หลังถูกยิงตำรวจตรวจสอบพบรถวีออสสีดำ เป็นรถของนายอู๊ด น้องชายของสามีพี่สาว ตนเองก็ยังไม่รู้ว่าจะใช่คนร้ายหรือไหม เพราะรอเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบ แต่ถ้าหากเป็นนายอู๊ด ตนเองก็มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เพราะนายอู๊ดก็มาที่บ้านปกติ มาเที่ยวหาพี่ชาย และหลาน ๆ มารับหลานไปเที่ยว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าลึก ๆ แล้วพี่สาวกับฝั่งของครอบครังสามีจะมีปัญหาอะไรกันหรือไม่ ในวันเดียวกัน ก่อนที่จะโดนยิงตาย ตอนเช้ายังออกไปชื้อกับข้าวถุงมาเตรียมให้ลูกกับสามีทานอยู่เลย ตนเองก็ยังทักทายพูดคุยกับพี่สาวปกติ ไม่รู้ด้วยช้ำว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นกับครอบครัวได้

นายสุวดล บัวคง อายุ 59 ปี พี่ชายคนโตของผู้ตาย เปิดใจว่า หลังน้องสาวโดนยิง คนในบ้านทุกคนก็อยู่ในอาการเสียใจ ทั้งพ่อแม่ที่อายุมากถึง 84 ปี ยังอยู่ในอาการช็อกที่รู้ว่าลูกสาวเสียชีวิต แต่ลูก ๆ ไม่ได้บอกสาเหตุว่าโดนยิงตาย เพียงแค่บอกว่าประสบอุบัติเหตุ เพราะกลัวว่าจะเกิดอาการช็อก เนื่องจากเป็นโรคหัวใจ และลูกชาย 2 คนของคนตายก็น่าจะรู้แล้วว่าแม่ตาย เพราะเมื่อคืนนอนร้องไห้น้ำตาซึมตลอด เนื่องจากเด็ก ๆ สามารถดูโซเชียลได้เอง ไม่ต้องมีใครบอก

สาเหตุที่น้องสาวโดนยิง ยอมรับว่า ตนเองอยู่บ้านคนละที่กับน้องสาว เพราะย้ายไปมีครอบครัวข้างนอก แต่ที่รู้คือช่วง 1-2 เดือนก่อนเกิดเหตุ น้องสาวมีลักษณะพาครอบครัว ทั้งสามีลูกมาอยู่ที่บ้านที่ อ.กาญจนดิษฐ์ ไม่ได้อยู่ที่บ้านของนายก่อเกียรติ สามี เหมือนช่วงแรก ๆ จึงไม่รู้ว่าการที่ครอบครัวของน้องสาวพากันมาอยู่ที่บ้านนี้ มีปัญหาอะไรกับครอบครัวฝั่งสามีหรือไม่ ส่วนเรื่องที่เฟซบุ๊กนายอู๊ดมีการโพสต์ระบาย ก่อนลงมือนั้น ตนเองมองว่า อาจเป็นแค่การระบายความในใจ แต่ลึก ๆ แล้วไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องไหม เพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัวของน้องสาว

ขณะที่ตำรวจพบรถวีออสนายนายอู๊ด น้องชายของสามีคนตาย แล้วอาจเชื่อมโยงว่าเป็นคนก่อเหตุนั้น ตนเองยังไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และจะไม่ขอพูดว่าให้คนก่อเหตุมาขออโหสิกรรมหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับจิตสำนึกคน แต่ในมุมกฎหมายขอให้คนตายได้รับความเป็นธรรม และกฎหมายดำเนินคดีให้ถึงที่สุดก็พอ

ภายหลังนายก่อเกียรติ อินทรักษ์ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สามีของนางสุชาวดี อินทรักษ์ พนักงานราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด ตำแหน่งหัวฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาบุคลากร พร้อมลูกชาย 2 คน เดินทางรับศพกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ที่บ้านในอำเภอกาญจนดิษฐ์ เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ผ่านมา ได้มีการประกอบพิธีรดน้ำศพ มีบุคคลสำคัญในพื้นที่จังหวัดสุราษธานี หน่วยงานราชการ นักการเมืองท้องถิ่น เพื่อนร่วมงาน และชาวบ้านในพื้นที่รวมกว่า 200 คน เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว

ตลอดการรดน้ำศพ ลูกชายทั้ง 2 คน น้องปัน ๆ กับน้องปุน ลูกของนางสุชาวดี ร้องไห้เสียใจตลอดเวลา และก่อนที่จะนำร่างของนางสุชาวดีลงบรรจุในโลงศพ ลูกชายคนเล็กได้ร้องไห้เสียงดังลั่นงาน ช่วงท้ายของการรดน้ำศพ มีการให้พ่อแม่ของนางสุชาวดีมีการรดน้ำศพปิดท้าย พ่อรดน้ำศพ บอกลูกว่า "ไม่ต้องเป็นหวงนะ หมดหวงเสียที" ขณะที่แม่ก่อนรดน้ำศพได้เปิดผ้าคลุมสัมผัสใบหน้า ลูบไปตามตัวลูก ร้องไห้ตลอดเวลา ส่วนพิธีญาปนกิจศพจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 6 ก.ค. 64

ด้านนายก่อเกียรติ อินทรักษ์ สามีของคนตาย หลังจากร่วมพิธีรดน้ำศพเสร็จสิ้น เจ้าตัวอยู่ในอาการเสียใจและยังช็อก ให้ข้อมูลสั้น ๆ ว่า "ทุกอย่างก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย พยานหลักฐานชัดเจนมากน้อยเพียงใดก็ต้องเอาผิดคนก่อเหตุ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นขอยังไม่เปิดเผย ให้เป็นไปตามการทำงานของตำรวจ และตอนนี้ยังติดต่อน้องชายไม่ได้"

นายสง่า คงสุทธิ์ อายุ 54 ปี หัวหน้าฝ่ายกิจการสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ญาติของคนตาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยากที่จะทำใจได้ ตนเองเดินทางมาร่วมรดน้ำศพนางสุชาวดี ภรรยาของนายก่อเกียรติ ลูกพี่ลูกน้องของตนเอง ซึ่งก็ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรเป็นพิเศษ ได้แต่ให้กำลังใจ เรื่องของความคืบหน้าทางคดี ตนเองก็ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ได้ดูกล้องวงจรปิดวินาทีก่อเหตุกลางสี่แยกไฟแดง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะจริงเท็จแค่ไหน น้องชายของนายก่อเกียรติ คือ นายอู๊ด เป็นคนลงมือก่อเหตุ เพราะที่ผ่านมายอมรับว่าเป็นปัญหาในครอบครัว แต่ก็ไม่รู้ว่าทะเลาะกันรุนแรงหรือไม่ ถึงขั้นที่จะบุกเข้ามาทำร้ายกันกลางถนน

แต่เท่าที่ทราบ ในวันเกิดเหตุทุกคนได้ไปรวมตัวกันในงานฌาปนกิจศพของญาติผู้ใหญ่ แล้วทางด้านของนายอู๊ด น้องชายของนายก่อเกียรติ ก็ได้เดินทางไปร่วมงานเช่นเดียวกัน ทราบข้อมูลภายหลังว่านางสุชาวดี คนตาย กับน้องชายของนายก่อเกียรติ ได้มีปากเสียงกันที่ร้านจอดรถของวัดก่อนที่จะขับออกมาแล้วถูกยิง

ส่วนกรณีเรื่องของการโพสต์ทำนองตัดพ้อ และเล่าระบายความในใจก่อนที่จะก่อเหตุ ตนเองก็ยังไม่ได้ดูรายละเอียดอย่างแน่ชัด ว่ามีการเขียนข้อความไว้ว่าอย่างไร แต่ประเด็นที่บอกว่าถูกกลั่นแกล้ง หรือมีการรวมหัวกันเพื่อจะตัดนายอู๊ดออกจากเรื่องบางอย่างนั้น ตนเองก็ไม่ทราบ เพราะเป็นเพียงแค่เครือญาติ แต่ไม่ได้อยู่อาศัยด้วยกันในบ้านหลังดังกล่าว ทุกวันนี้หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ก็ยังไม่รู้ว่านายอู๊ดไปอาศัยอยู่ที่ไหน ส่วนใหญ่ทุกคนก็วุ่นอยู่กับการจัดงานศพ ไม่มีใครได้สนใจว่าเจ้าตัวหนีหรือไปอยู่ที่ไหน หากนายอู๊ดเป็นคนก่อเหตุจริงก็ต้องรับสารภาพ เพราะคงหนีไม่พ้น

ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ ต.ทุ่งเตาใหม่ อ.นาสาร จ.สุราษฎร์ธานี บ้านพ่อและแม่ของนายอู๊ด น้องชายของนายก่อเกียรติ สามีของนางสุชาวดีคนตาย พบว่าบ้านหลังดังกล่าวยังคงปิดเงียบ ข้อมูลของชุดสืบสวนทราบรายงานว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลบหนีอยู่นอกพื้นที่

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวเฟซบุ๊กของนางสุชาวดี ผู้เสียชีวิต ก่อนเสียชีวิตนั้นมีการโพสตืเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง โควิด-19 และเรื่องส่วนตัวทั่วไป