สืบเนื่องจากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อย v plus" ได้มีการแชร์เรื่องราวผ่านการโพสต์คลิป เป็นเหตุการณ์ที่มีชายขี่รถจักรยานยนต์ นำหญิงชรามาปล่อยลงริมถนน เพื่อให้ไปนั่งขอเงินหน้าตลาดนัดทั้ง ๆ ที่ฝนตก โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 มิ.ย. 64 บริเวณหน้าตลาดนัดแห่งหนึ่ง ตำบลหนองเพรางาย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี เรื่องดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็มีกระเเสทั้งที่เห็นใจ และมีการตั้งข้อสังเกตและเข้าใจคิดว่าชายคนดังกล่าวบังคับให้หญิงชรามาเดินเรี่ยไรขอเงินหรือไม่นั้น
ล่าสุดเมื่อช่วงที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าว จึงพบว่าหญิงชราที่ปรากฎในคลิปคือ น.ส.ลูกชิ้น หรือ ยายลูกไก่ อายุ 79 ปี ส่วนชายคนขี่รถจักรยานมาส่งคือ นายคมสันติ อายุ 49 ปี ลูกบุญธรรมของ น.ส.ลูกชิ้น ที่เคยตกเป็นข่าวเมื่อช่วงปี 2561 เกิดกระแสดราม่ามีคนถ่ายรูปยายลูกชิ้น ขณะที่กำลังเดินเข็นรถที่มีลูกสุนัขหลายตัวเพื่อตระเวนเก็บของเก่าไปขาย จนกลายเป็นกระแสความสงสารได้เงินบริจาคไปร่วม 400,000 บาท แล้วก็หมดลงไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้น ช่วงปี 2563 ก็เกิดกระแสดราม่าขึ้นมาอีก เมื่อยายลูกชิ้นไปสร้างกระต๊อบอยู่กับลูกชายบุญธรรมในที่รกร้าง แล้วมีคนไปเห็นถ่ายลงโซเซียล จนได้รับเงินบริจาคไปอีกประมาณ 200,000 บาท
ล่าสุด วันที่ 2 ก.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางไปยังบริเวณ หมู่ 7 ตำบลหนองเพรางาย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี พบกับทางคุณยายลูกชิ้น และนายคมสันติ ลูกบุญธรรม พบว่า ทั้งคู่ยังอาศัยอยู่ที่เดิมภายในหมู่บ้าน จุดที่ทั้งคู่อยู่นั้นจะเป็นบริเวณพื้นที่รกร้างข้างถนน โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นเหมือนพื้นที่ทิ้งร้างไว้
ยายลูกชื้น ยืนยันว่าการไปเรี่ยไรเงินนั้นไม่เป็นความจริง เหตุการณ์วันนั้นจริง ๆ ตนไปหาของเก่าแถวตลาด พวกขวดน้ำหรือพลาสติก จังหวะที่คนถ่ายรูปนั้นเป็นข่วงที่ตนนั่งพัก ยืนยันไม่ได้เข้าไปขอเงินหรือนั่งรอคนมาข่วยเหลือ แต่มีคนบางคนที่คิดว่าตนนั่งขอเงินเลยเอาเงินมาให้เอง บางคนเขาสงสารเลยให้เงิน 20 บาทบ้าง 100 บาทบ้าง ลั่นส่วนตัวไม่เคยเอ่ยปากขอใครแน่นอน
กรณีที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ที่เหมือนมีคนเข้ามาข่วยเหลือโอนเงินมาให้หลังเห็นภาพที่ทั้งคู่มีชีวิตลำบาก ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงที่มีคนบริจาคเข้ามา แต่ตนไม่ทราบเรื่องยอดหรือจำนวนเงิน เพราะตนเองให้ทางลูกชายเป็นคนดูแล ความจริงที่มีการเปิดบัญชีเพื่อให้คนเข้ามาช่วยเหลือในช่วงปี 2561 ยอดบริจาคครั้งนั้นที่เข้ามาแค่ 1-2 แสนกว่าบาท ไม่ถึง 4 แสนตามที่หลายคนพูดกัน ตลอดจนยังมีเข้าของเครื่องใช้ อาหารและสิ่งจำเป็นประชาชนก็ต่างส่งมาช่วยเหลือ ขณะในช่วงปี 2563 ที่บอกว่าเปิดรับบริจาคอีกรอบยืนยันไม่เป็นความจริง
สมุดบัญชีเป็นชื่อ น.ส.ลูกชิ้น สาขาพระราม 3 ซอย 7 เป็นการยกยอดมาจากบัญชีเก่าที่เจ้าตัวอ้างว่าหายไปแล้ว เงินเข้าเริ่มแรกวันที่ 17 ก.ค. 60 จำนวนเงิน 176,640 บาท ก่อนที่จะมีการเบิกจ่ายเรื่อย ๆ จนต้องขึ้นเล่มใหม่ ระหว่างช่วงปี 2560 - 2563 โดยยอดที่โอนเข้ามายอดสุดท้ายเป็นวันที่ 12 มิ.ย. 63 จำนวน 300 บาท และถอนออกไปในวันเดียวกัน จนยอดที่คงเหลือในบัญชีมีเพียง 15.52 บาท
ทั้งนี้ เงินที่ได้มาก็นำไปซื้อข้าวสารอาหารแห้ง ซื้อมอเตอร์ไซค์ 2 คัน แต่ขายไปแล้ว 1 คัน คันแรกซื้อมาราคา 4,000 บาท ขณะที่คันปัจจุบันซื้อมา 3,000 บาท เป็นรถมือสอง ซื้อทองจำนวน 1 สลึง แต่ได้นำไปขายแล้ว เพราะไม่เงิน เมื่อถามถึงกรณีที่มีคนปล่อยบ้านให้เช่าเดือนละ 1,000 บาท แต่กลับไม่ส่งค่าเช่าบ้านจนโดนไล่ออกมานั้น ในส่วนนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องค้างค่าเช่า แต่ด้วยที่บางเดือนไม่มีเงินจ่าย
ขณะที่เงินรายได้ที่มีทุกวันนั้นได้แค่เดือนละ 700 บาทจากเงินผู้ชรา ขณะที่ทางลูกชายเองก็ได้บัตรสวัสดิการของรัฐได้เดือนละ 600 บาท 2 คนรวมกันได้ 1,300 บาท โชคดีที่บางเดือนก็เก็บของเก่าขายได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้สม่ำเสมอไป
"ยืนยันว่าเราทั้งคู่ไม่เคยเซ็ตฉากเรียกความสงสาร แค่เป็นเพราะคนที่สงสารยื่นมือมาข่วยเหลือเอง ตอนนี้เราทั้งคู่เองก็ไม่มีเงินติดตัวแม้เเต่บาทเดียว ส่วนถามว่าหลังจากนี้หากทางกระทรวง พม. จะเข้ามารับตัวไปอยู่ในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ยังไงก็ขอตายตามถนน ไม่ยอมไปอยู่บ้านใครทั้งสิ้น"
นายจำนงค์ คัมภิรานนท์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 เล่าว่า ตั้งแต่ช่วงปี 54 ที่ทางเจ้าตัวพร้อมลูกบุญธรรมมาจากจังหวัดอยุธยา มาทำงานรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่ละแวกนี้ แต่พองานก่อสร้างเสร็จเจ้าตัวกลับไม่เดินทางกลับบ้านเกิด แต่ใช้วิธีพักอาศัยตามจุดต่าง ๆ ในพื้นที่รกร้างสร้างเป็นเพิงที่พักขึ้นมา จนมาปี 2559-2560 มีการโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อช่วยเหลือกว่า 400,000 บาท ไม่รวมเงินสดและข้าวของเครื่องใช้อื่น ๆ ที่คนมาบริจาคให้
ต่อมาในช่วงปี 2563 ม่ลูกก็กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง ลักษณะออกไปนั่งเรี่ยไรเงิน ตนได้เห็นบัญชีเงินบริจาคเข้ามากกว่า 270,000 บาท ช่วงปี 2563 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังช่วยหาที่พักราคาถูกเดือนละ 1,000 บาทให้ด้วย แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมจ่ายค่าเช่า จนต้องออกไปเร่ร่อนอีกครั้ง ส่วนพฤติกรรมที่ทั้งคู่ทำหลังจากที่ไม่มีเงินบริจาคเข้ามา ลูกชายก็จะชอบขับรถมอเตอร์ไซค์ตระเวนพาแม่ไปส่งตามจุดที่เป็นชุมชนหรือตลาด ให้แม่ของเขานั่งขอทานหรือให้คนนำเงินมาให้ ชาวบ้านในพื้นที่รู้นิสัยกันหมดแล้ว
