เมื่อวันที่ 4 ก.ค.64 เวลา 12.20 น. ตำรวจ สน.บางนา รับแจ้งเหตุมีคนยิงกันเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ภายในบ้านซอยกุศลศิลป์ หมู่บ้านรุ่งเรือง ย่านบางนา ทาบชื่อผู้เสียชีวิต นายปิยะมิตร บันดาลุน อายุ 34 ปี หรือ ต้อง นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตภายในชั้น 1 ของบ้าน มีบาดแผลถูกปืนลูกโม่ ขนาด .38 ยิงขมับขวาทะลุซ้าย
ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ น้องกอหญ้า อายุ 13 ปี ถูกยิงที่ขมับซ้ายทะลุท้ายทอย ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพผู้เสียชีวิต ส่งไปชันสูตรอย่างละเอียดที่นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณภายในซอยกุศลศิลป์ เป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นติดกันหลายหลัง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดพื้นที่ไม่ให้เข้าไป จากการสำรวจพบว่าร่างของนายต้อง ยังนอนคว่ำคาประตูบ้าน มีรอยเลือด สวมใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงสีดำ
ต่อมาทางพิสูจน์หลักฐาน ได้เข้ามาพลิกชันสูตรศพ พบว่าภายในรังเพลิงพบปลอกกระสุนปืน 2 ปลอก กระสุน 4 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะนำตัวไปชันสูตรอย่างละเอียดที่นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ขณะนั้นผู้เป็นแม่ได้ยืนดูศพลูกชาย และบ้านของนายต้อง ห่างจากบ้านยายของผู้บาดเจ็บ 15 ม.เท่านั้น
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางบุญเรือง จั่นช้าง อายุ 64 ปี ยายของน้องกอหญ้า เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง หลานสาวได้เดินมาหาตนที่บ้าน ซึ่งปกติแล้วหลานสาวจะมาเที่ยวหาเป็นประจำ โดยภายในบ้านขณะนั้นมีคนอยู่ 4 คน ก่อนที่แม่ของผู้ก่อเหตุและผู้ก่อเหตุ จะมาเรียกที่หน้าบ้าน บอกว่าจะมีเรื่องคุยด้วย อยากเคลียร์ปัญหาที่ค้างคาใจกัน
โดยขณะนั้นตนกับหลานสาวก็ไม่อยากออกไปพบ เพราะผู้ก่อเหตุชอบพอหลานสาว แต่หลานสาวไม่ชอบ แต่ทางแม่ผู้ก่อเหตุได้รบเร้าให้ออกไป ขณะนั้นตนไม่ทราบว่าพกอาวุธมาด้วย หลานสาวนั่งอยู่ที่ประตูบ้าน และบอกให้ผู้เสียชีวิตเลิกยุ่ง ไม่ต้องมาคุกคามทางเฟซบุ๊ก โดยหลานสาวถูกคุมคามตั้งแต่อายุ 11 ปี ก่อนที่ตนจะได้ยินเสียงปืน 1 นัด
เมื่อตนเห็นร่างของหลานสาว ยอมรับว่ารีบวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ก่อนนำตัวไปโรงพยาบาล สำหรับลักษณะนิสัยของผู้เสียชีวิตเป็นคนเงียบ ๆ ส่วนหลานสาวเป็นเด็กที่ร่าเริงแจ่มใส ส่วนสาเหตุที่ผู้เสียชีวิตได้ก่อเหตุ ตนคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่หลานสาวตนไม่สนใจและไม่รับรัก และคาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะกดเก็บ ประกอบกับอาจเสพยาเสพติด ทำให้หลอน การกระทำครั้งนี้ตนคิดว่าน่าจะวางแผนมาแล้ว
นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิตยังเคยชอบพอพี่สาวของน้องกอหญ้า แต่พี่สาวของน้องไม่เล่นด้วย ก็หันมาชอบพอน้องกอหญ้า โดยครอบครัวของตนนั้นรู้จักกับครอบครัวผู้เสียชีวิตมานานเกือบ 20 ปี และแม่ของผู้เสียชีวิต เคยเลี้ยงดูหลานสาวของตนตั้งแต่เด็ก ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ยังไม่รู้ว่าจะสามารถพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิตได้หรือไม่ ส่วนเรื่องของคดีตนให้พ่อแม่ของหลานสาวเป็นคนตัดสินใจ และขณะนี้ตนยอมรับว่ายยังโกรธผู้เสียชีวิตอยู่ ส่วนในเรื่องของลางสังหรณ์ตนไม่มี
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามนางประยูรณ์ บันดาลุน อายุ 62 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ลูกชายบอกว่าจะนำของไปให้กับทางผู้บาดเจ็บ ซึ่งอยากให้ผู้ใหญ่อยู่ด้วย เพื่อให้ช่วยเคลียร์ปัญหาให้จบ และหลังจากนี้จะได้มองหน้ากันได้ ขณะที่ไปนั้นตนยอมรับว่าไม่ได้คิดร้ายอะไรกับทางผู้บาดเจ็บ เมื่อตนไปถึงบ้านทางลูกชายก็ได้มีการเจรจากับทางผู้บาดเจ็บ ส่วนตัวแล้วก็ได้ยืนข้างลูกชาย ยายของผู้บาดเจ็บก็เข้าไปในบ้านไปนั่งอยู่ในโซฟา
ต่อมาตนได้ไปเข้าห้องน้ำ พอเดินออกมานั่งที่หน้าประตูบ้าน ทางลูกชายบอกให้ตนลุก จากนั้นลูกชายก็ชักปืนออกมาจากกางเกง และได้ยิงผู้บาดเจ็บ ก่อนจะหันปืนมาจ่อขมับตัวเอง ตนพยายามเข้าไปดึงแขนลูกชาย แต่สู้แรงไม่ไหว ตนไม่ทราบมาก่อนว่าลูกชายจะพกอาวุธปืนมาด้วย ประกอบกับลูกชายสวมใส่เสื้อตัวใหญ่ด้วย เลยไม่ได้ผิดสังเกต ก่อนที่ลูกชายจะก่อเหตุไม่ได้มีคำลาอะไร และไม่มีลางสังหรณ์มาก่อน
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายมานพ แก้วจำรัสสุขสันติ อายุ 58 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเห็นว่านายต้อง นั่งสูบบุหรี่ที่หน้าบ้านของเขา พร้อมกับยกมือไว้ตน แต่ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร โดยนายต้องก็ดูนิ่ง ๆ คาดว่าน่าจะคิดอะไรอยู่ ผ่านไป 10 นาที ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 2 นัด จึงได้เปิดม่านดู ขณะเดียวกันทางยายของผู้บาดเจ็บ ได้วิ่งออกมาที่หน้าบ้าน พร้อมกับตะโพนบอกว่า "มันยิงหลานฉัน" ทำให้ตนทราบว่าเกิดเหตุยิงกัน จากนั้นพี่สาวที่เป็นฝาแฝดของผู้เสียชีวิตก็วิ่งออกมาดู และตนก็ได้เดินมาดู ก่อนที่พี่ชายของผู้บาดเจ็บจะอุ้มออกมาจากบ้าน และแม่ของผู้บาดเจ็บขับรถออมาพอดี จึงรีบพาตัวผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล
ส่วนสาเหตุที่ผู้เสียชีวิตก่อเหตุนั้น ตนไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร แต่คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องชู้สาว นอกจากนี้ 2 เดือนที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตได้ลากมีดยาวมาอาละวาดช่างก่อสร้าง อ้างว่าเด็กหนุ่มช่างก่อสร้างไปยุ่งกับผู้บาดเจ็บ เหตุการณ์ครั้งนั้นตนคิดว่าพี่ชายห่วงน้องสาวเท่านั้น ไม่คิดว่าผู้เสียชีวิตจะชอบผู้บาดเจ็บ
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ครอบครัวของผู้บาดเจ็บและครอบครัวของผู้เสียชีวิตรู้จักกันมานานแล้ว และครอบครัวผู้บาดเจ็บเคยให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตเลี้ยงดูผู้บาดเจ็บมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งที่ผ่านมาผู้บาดเจ็บมีลักษณะนิสัยที่เงียบ แต่อาจจะโตกว่าเด็กในวัย แต่ไม่เคยเห็นว่าเขามีใจให้กับผู้เสียชีวิต โดยผู้เสียชีวิตเป็นทหารอาสาสมัครชายแดน ก่อนที่จะย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพมหานคร สำหรับลักษณะนิสัยนั้นเป็นคนนิ่ง มีสัมมาคารวะไม่ก้าวร้าว และไม่เคยทำร้ายร่างกาย ส่วนการก่อเหตุครั้งนี้ตนมองว่ารุนแรงและสลดใจ และคาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะวางแผนในการก่อเหตุมาแล้ว ส่วนจะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือมีอาการป่วยหรือไม่ตนไม่ทราบ
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เดินทางมายัง สน.บางนา ซึ่งตำรวจได้เชิญทั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำ เบื้องต้น น.ส.ชูขวัญ (สงวนสกุล) แม่และพี่สาวของน้องกอหญ้าอยู่ในอาการที่โศกเศร้าเสียใจ ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุตนออกไปทำงาน และได้ทิ้งลูกสาวไว้ที่บ้าน ตนไม่ทราบว่าลูกสาวจะไปหาแม่ของตนที่บ้าน ต่อมาตนได้รับโทรศัพท์จากแม่ให้กลับบ้าน เนื่องจากว่าผู้เสียชีวิตมาที่บ้าน จากนั้นตนจึงรีบขับรถมาบ้านของแม่ พอจะเลี้ยวเข้าหน้าปากซอย ได้ยินเสียงปืน ตนรีบขับไปที่บ้าน ก่อนพบว่าลูกสาวถูกยิง จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
ส่วนตัวแล้วไม่ทราบสาเหตุที่ผู้เสียชีวิตก่อเหตุ แต่น่าจะเป็นเรื่องที่ชอบพอลูกสาวตน แต่ลูกสาวไม่เล่นด้วย และที่ผ่านมาตนไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิตชอบพอลูกสาวตนมานานแล้วหรือไม่ แต่เริ่มมีพฤติกรรมที่คุกคามเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา โดยผู้เสียชีวิตถือมีดมาเคาะหน้าบ้านผู้อื่น พร้อมกับอ้างว่าเป็นแฟนน้องกอหญ้า ซึ่งไม่เป็นความจริง น้องกอหญ้าไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าผู้เสียชีวิตเตรียมการมาก่อน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของตนกับของผู้เสียชีวิตนั้น ยอมรับว่าคงจะไม่เหมือนเดิม ยังคงโกรธ ในเรื่องขอคดีความนั้นยังไม่ขอพูดถึง ส่วนอาการของน้องขณะนี้ยังไม่พ้นวิกฤติ อาการ 50%
พ.ต.อ.มนต์เสก ตระกูลพานิชย์ ผกก.สน.บางนา เปิดเผยว่า คดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน จากการสอบปากคำญาติ เบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายแอบชอบน้องกอหญ้ามานานแล้ว แต่น้องกอหญ้าไม่เล่นด้วย ที่ก่อเหตุเนื่องจากหึงหวง ผู้ก่อเหตุถึงแก่ความตายทำให้คดีอาญาจบลง หลังจากนี้จะเรียกญาติของทั้งสองฝ่ายไปสอบปากคำเพิ่มเติม ญาติของน้องกอหญ้าสามารถเรียกร้องเงินเยียวยาได้ แต่ต้องพูดคุยกับญาติของผู้ก่อเหตุเสียก่อน