กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก เผยแพร่ภาพใบสมัครงานเข้าเป็นครูโรงเรียนเอกชน ใน จ.ปทุมธานี ที่มีการระบุในใบสมัคร โดยเน้นตัวอักษรหนาว่า “ไม่รับบุคคลที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ” โดยเจ้าของโพสต์ระบุว่า “นี่คือการตัดสินการทำงานจากเพศ โดยไม่ได้มองศักยภาพในตัวของคนนั้นเลย ไม่คิดว่าการกรอกใบสมัครงานจะต้องมาเจอเหตุผลเเละคำถาม ที่ต้องตอบลงในใบที่สมัคร ถือเป็นการไม่ให้เกียรติอย่างรุนเเรง #นี่หรือคือประเทศไทยยุค 4.0 ยุคที่บอกว่าทุกคนทุกเพศมีสิทธิเท่าเทียมกัน เเต่ในโลกของความเป็นจริง!!มันไม่ใช่ มันคือความโหดร้ายที่สุด #โรงเรียกเอกชนเเห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี #ไม่รับบุคคลที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศเข้าทำงาน เป็นข้อความที่เห็นเเล้วสะเทือนใจจริงๆ!! เป็นการปิดกั้นโอกาสมากก” (อ่าน :
เปิดใจ นศ.จบใหม่ น้ำตาตกในเจอใบสมัครงาน “ไม่รับเพศเบี่ยงเบน” – กูรูชี้ ฟ้องเอาผิดได้)
วันที่ 6 ก.ย. 61 ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี
นายกฤษณะ เลิศวิชานันท์ รองศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า โรงเรียนเอกชนตามกฎหมายของ พ.ร.บ. โรงเรียนเอกชนโรงเรียนนั้น สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นเองได้ โดยไม่ต้องมารอทางศึกษาธิการจังหวัด ว่าจะออกกฎใด ทั้งนี้ ถ้าผู้สมัครเป็นครู แล้วเห็นว่าการกระทำของโรงเรียนเอกชนไม่ถูกต้อง หรือขัดกับกฎหมาย ก็สามารถฟ้องร้องเองได้
ส่วนการที่ใบสมัครงานครู ที่ระบุว่า ไม่รับเพศที่ 3 ก็ถือเป็นเรื่องของโรงเรียนที่พิจารณา ผู้ที่จะเข้ามาเป็นครู ทางศึกษาธิการจังหวัดไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ ซึ่งมองว่าทางโรงเรียนอาจจะต้องการแค่ครูผู้หญิง หรือผู้ชาย เท่านั้น ซึ่งทางโรงเรียนสามารถกระทำได้ แต่จะขัดกับกฎหมายหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาตรวจสอบอีกครั้ง โดยทางศึกษาธิการจังหวัดไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะโรงเรียนเอกชนดังกล่าว เป็นนิติบุคคล และเบื้องต้น ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนมาถึงศึกษาธิการจังหวัดแต่อย่างใด
นายเจม (นามสมมติ) ผู้โพสต์ อายุ 24 ปี เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจที่ได้เห็นข้อความบนใบสมัครงานเรื่องไม่รับเพศที่ 3 แสดงว่าทางโรงเรียนเอกชนดังกล่าว ไม่ได้มองที่ศักยภาพในตัวของบุคคล แต่มองเรื่องเพศเป็นหลัก โดยที่ตนโพสต์เรื่องดังนี้ลงเฟซบุ๊ก มีเพื่อนส่วนหนึ่งมาให้กำลังใจ และอีกส่วนนึกมาบอกว่าเป็นกฎระเบียบของทางโรงเรียนที่ตั้งไว้ ถ้าโรงเรียนไม่รับ ก็ให้ไปสมัครที่ใหม่ ในส่วนนี้ ตนอยากจะบอกว่า ถ้าตั้งกฎระเบียบแบบนี้ทุกโรงเรียน แล้วเพศทางเลือกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำงานในส่วนที่ตัวเองรักได้เลยหรือ ปกติโรงเรียนอื่นก็ไม่มีกฎแบบนี้ ตนรู้สึกเหมือนโดนทำร้ายจิตใจ ซึ่งตนก็รักที่จะทำงานในอาชีพครู จึงรู้สึกแย่กับกฎระเบียบดังกล่าว สุดท้าย อยากบอกกับผู้ใหญ่ หรือผู้ที่คิดนโยบายนี้ว่า ให้เปิดกว้างทางความคิด ไม่ปิดโอกาส ไม่ปิดกั้นความสามารถ เพราะทุกคนก็ล้วนมีความสามารถ จึงอยากให้เปิดโอกาสให้เพศที่ 3 ที่ทำงานได้ไม่ต่างกับชายจริง หรือหญิงแท้