กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก สายไหมต้องรอด ประสานรถมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเข้าไปรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่นอนเสียชีวิตอยู่ชั้น 2 ของบ้านหลังหนึ่ง แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร สืบทราบว่านายบุญช่วย อายุ 61 ปี เจ้าของร้านบะหมี่หน้าปากซอย มีโรคประจำตัวความดันและโรคเกาต์ เสียชีวิตในบ้าน ส่วนภรรยาพักอยู่บ้านอีกหลังย่านวัชรพล
ล่าสุดวันที่ 8 ก.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ติดต่อไปหาญาติของผู้เสียชีวิต จึงได้คุยกับลูกสาว กล่าวว่า เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คุณพ่อไปหาญาติคนหนึ่งที่ลำลูกกา แล้วปรากฏว่าเมื่อวันที่ 28-29 มิ.ย.64 คุณพ่อเริ่มมีอาการไอ มีไข้ และต่อมาญาติคนนั้นโทรศัพท์มาบอกว่าติดโควิด-19 จึงคาดว่าคุณพ่อน่าจะติดมาอีกที
หลังจากนั้นประมาณคืนวันที่ 30 มิ.ย.64 น้องชายอายุ 15 ปี ก็เริ่มมีอาการไข้ ไอ แล้วต่อมาคืนวันที่ 1 ก.ค.64 ตนก็เริ่มมีอาการไข้และไอตามไปด้วย ซึ่งตอนนั้นทุกคนในครอบครัวไม่คิดว่าจะติดเชื้อโควิด-19 เพราะด้วยระยะเวลา มองว่าเชื้อยังไม่ฟักตัว ก็เลยคิดว่าคงเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่พอวันที่ 3 ก.ค.64 ทุกคนในบ้านเริ่มไม่ได้กลิ่น จึงพยายามโทรศัพท์ไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ บางที่ก็โทรไม่ติดบ้าง บางที่ก็บอกว่าน้ำยาสำหรับใช้ตรวจหาเชื้อหมด แต่ด้วยอาการของทุกคนเริ่มชัดเจน ตนก็เลยถามว่าโรงพยาบาลไปว่าขอวอล์กอินเข้าไปได้หรือไม่ ซึ่งทางโรงพยาบาลบอกว่าเข้ามาได้ แต่ไม่สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ได้ ทำได้เพียงแค่รักษาตามอาการเท่านั้น หรือหากจะเข้ามารักษาแนะนำผู้ป่วยโควิด-19 จริง ๆ ก็ต้องมีผลการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 มาแสดง
หลังจากนั้นตนก็พยายามโทรอัปเดตกับทางโรงพยาบาลทุกวัน พยายามหาที่ตรวจก็พบว่ามีบางคนไปตรวจที่คลินิกแถวบางจาก ตนก็เลยติดต่อไป แต่ทางคลินิกบอกว่าตรวจให้ได้ แต่หากพบว่าติดเชื้อจะไม่มีเตียงรองรับ ในวันที่ 5 ก.ค.64 ตนก็ไปตรวจและทราบผลช่วงค่ำของวันที่ 6 ก.ค.64 ว่าติดเชื้อโควิด-19 หลังจากนั้นนัดกับคลินิกว่าเช้าของวันนี้ เวลา 09.45 น. จะพาคุณพ่อกับน้องชายไปตรวจ
ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. คุณพ่อก็ขึ้นไปชั้น 2 ของบ้านเพื่อที่จะอาบน้ำ บอกตนว่าไปสตาร์ตรถรอ ต่อมาเวลาประมาณ 08.30 น. ตนก็มองว่าปกติพ่อจะแต่งตัวเร็ว แต่เวลาผ่านไปสักพักแล้วก็เลยให้น้องขึ้นไปดู พอน้องขึ้นไปเห็นว่าพอหลับอยู่บนเตียง น้องก็โทรศัพท์มาบอกตนว่า “พ่อหลับเฉย” ตนเอะใจจึงขึ้นไปตามเอง ปรากฏว่าภาพที่เห็นคือพ่อนอนหมดสติอยู่บนเตียง มือทั้ง 2 ข้างกางออก โดยที่สภาพยังอยู่ในชุดผ้าขนหนู
วินาทีนั้นตนกับน้องก็พยายามโทรหาสายด่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 1669 และเบอร์อื่น ๆ แต่ไม่มีใครรับสาย จึงโทรไปบอกแม่กับญาติให้ช่วยกันโทร ซึ่งเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีใครรับ ตนจึงทำ CPR ให้คุณพ่อ แต่ตอนนั้นหน้าพ่อเริ่มม่วง ตนก็เริ่มทำใจแล้วว่าพ่อคงต้องไม่รอดแน่ ๆ จึงโทรหารถโรงพยาบาล เพราะอย่างน้อย ๆ ก็คิดว่าในรถโรงพยาบาลคงจะมีเครื่องมือบางอย่างที่สามารถช่วยพ่อได้ แต่โรงพยาบาลที่ตนโทรไปบอกว่าหากเป็นโควิด-19 ก็ไม่สามารถเข้ามารับได้ ตนก็เลยโทรไปที่อื่นและร้องไห้ กระทั่งมีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งประสานไปยังโรงพยาบาลภูมิพล ให้ส่งรถเข้ามารับตัวคุณพ่อไปในที่สุด แต่สุดท้ายคุณพ่อก็เสียชีวิต โดยที่ยังไม่ได้รับการตรวจโควิด-19
หลังจากรถมูลนิธิเค้ามารับศพพ่อ ช่วงบ่ายน้องชายก็เข้ารับการตรวจที่คลินิก ผลก็จะออกในพรุ่งนี้ (9 ก.ค.64) โดยปัจจุบันน้องชายมีอาการอาการไอ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่ได้กลิ่น ส่วนตนมีอาการไอ ไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่ได้กลิ่นและเริ่มหายใจหอบ ตนทั้งคู่มีสิทธิบัตรทอง 30 บาทกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และมีประกันโควิด-19 กับบริษัทกรุงเทพประกันภัย และยังคงรักษาตัวเองอยู่ที่บ้านที่คุณพ่อเสียชีวิต โดยมีคุณแม่คอยส่งข้าวส่งน้ำ หรือบางครั้งก็ใช้บริการเดลิเวอรี่ เพราะยังไม่มีเตียงรักษา
ส่วนตัวยอมรับว่าการที่ขึ้นไปเห็นพ่อตัวเองนอนแน่นิ่งไปว่าช็อกแล้ว แต่ที่น่าเจ็บใจกว่าคือช่วงที่ตนพยามโทรหาสายด่วน ไม่มีที่ไหนให้บริการแบบ “ด่วน” เหมือนชื่อเลย ก็เลยทำให้ตนคิดว่าหากปัจจุบันสายด่านยังเป็นแบบนี้ หากมีคนที่ใกล้จะตาย แล้วพยามโทรหาสายด่วน สายด่วนไม่รับ เขาคงตายไประหว่างที่รอสายด่วนแล้วก็ได้ สุดท้ายในฐานะผู้ที่สูญเสียคุณพ่อ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ตนก็อยากฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยเข้ามารับตนกับน้องชายไปรักษา เพราะไม่อยากทิ้งใครไว้ในบ้านคนเดียว
“เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตคน มันเป็นเรื่องความเป็นความตาย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นภาคส่วนของรัฐบาลหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็อยากถามว่าที่บอกว่าน้ำยาหมด เพราะแค่ไม่ต้องการให้มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า และเรื่องที่รัฐบาลไม่ยอมสั่งวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเข้ามาสักที ก็อยากถามว่าจะต้องรอให้เกิดการเสียชีวิตอีกสักกี่คน รวมถึงเรื่องการให้บริการของสายด่วน ก็ไม่อยากคนอื่นเจอแบบนี้ ไม่อยากให้ต้องมีการรอนานถึงครึ่งชั่วโมง เพราะคุณไม่รู้เลยว่ามีใครที่เขากำลังจะตายรออยู่ที่ปลายสายหรือเปล่า” ลูกสาวของนายบุญช่วย กล่าว