คดีพลิก! หนุ่มปืนลั่นดับที่แท้โดนซุ่มยิง เพื่อนหวั่นเป็นแพะถูกฉกปืนปลอมทิ้งจุดฆ่า (คลิป)

9 ก.ค. 64

เมื่อเวลา 21.26 น. ของวันที่ 4 ก.ค. 64 สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตที่ บ้านเลขที่ 178 หมู่ 5 บ้านตีนนา ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นายสิทธิชัย แป้นจันทร์ หรือ สีแก้ว อายุ 34 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง 1 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นปืนลั่น แต่เมื่อวานนี้เจ้าของปืนปลอมได้เข้ามอบตัวแล้ว และยืนยันว่าเป็นปืนที่ใช้งานไม่ได้

903406

ล่าสุด วันที่ 9 ก.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่ ม.5 ต.กำแพงเซา อ.เมืองนครศรีธรรมราช นายเค (นามสมมติ) อายุ 19 ปี เจ้าของปืน เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 2-3 เดือน ตนขอให้ผู้ตายช่วยหาเขาวัวให้ เพราะตนจะนำเขาวัวไปทำปลอกสวมบนยอดเขาอีกที

622174

กระทั่งวันที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 20.40 น. ผู้ตายได้โทรมาตามาให้ตนมาดูเขาวัวที่บ้านไม้ ตนจึงเข้าไปดู ตนไม่ได้เล่นปืนกับผู้ตาย เพราะปืนของตนเป็นปืนพลาสติก และไม่ได้พูดเรื่องปืน พูดเรื่องเขาวัวกัน แต่ผู้ตายถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องปืน เพราะตนนำปืนปลอมไปวางไว้ข้าง ๆ กับเขาวัว

465976

โดยตนนั่งฝั่งขวา ส่วนผู้ตายนั่งฝั่งซ้ายติดกับบันไดขึ้นบ้าน ระหว่างที่ดูเขาวัวเสียงปืนก็ดังขึ้น แต่ไม่ทราบว่าเป็นปืนของใคร และไม่รู้ว่าลั่นมาจากทางไหน ซึ่งคำสุดท้ายที่ผู้ตายพูดกับตนคือบอกให้ดูเขาวัวก่อน แล้วค่อยตกลงราคา ทั้งนี้ ตนรู้สึกตกใจมาก เลยไปตามชาวบ้านแถวนั้นมาช่วย แต่ตอนนั้นหยิบเขาวัวออกมาด้วย

382124260871

เมื่อตนขับรถออกไปแถวหน้าบ้านของผู้ใหญ่บ้านก็เห็นว่ามีกลุ่มคนนั่งอยู่ รวมถึงมีภรรยาของผู้ใหญ่บ้านอยู่ด้วย และภรรยาของผู้ใหญ่บ้านก็รับทราบ เพราะตนย้ำอยู่หลายครั้งให้โทรบอกมูลนิธิฯ ซึ่งทางนั้นก็ทำท่าจะโทร แต่ไม่โทรสักที ตนเลยขับรถไปที่คอกวัว เพื่อบอกให้พี่ที่คอกวัวช่วยโทรให้ แล้วขับรถวนกลับมาอีกครั้ง ตอนนั้นตนเห็นว่ามีรถมูลนิธิเข้ามาแล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปดู เพราะรู้สึกตกใจมาก

571012114860

หลังจากวันนั้น ตนก็รออยู่ที่บ้าน ไม่ได้ไปที่ไหน และคิดว่าต้องมีคนมาพาตนไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ก็ไม่มีใครมาหา จนเมื่อวานนี้ ตนจึงเข้าไปแสดงตัว และเข้าไปสอบปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับเขาวัว และปืนปลอม ตอนนี้อยู่โรงพักแล้ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกหดหู่ใจและเสียใจมาก เพราะรู้จักกับผู้ตาย อีกทั้งตนยังกลัวว่าจะเป็นแพะรับบาป จึงออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งหลังจากนี้ ตนคงจะต้องไปสอบปากคำอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะขอความเป็นธรรม สำหรับเรื่องที่บอกว่าปืนลั่นเป็นปืนของตน นั้นไม่เป็นความจริง

571616

ที่วัดปะธรรมาราม อ.ลานสะกา จ.นครศรีธรรมราช ญาติพี่น้องได้เดินทางมาฝังกระดูก และปลูกต้นทุเรียนให้ผู้ตาย ที่วัดในพื้นที่มีการฝังกระดูกไว้ใต้ต้นไม้ที่ผู้ตายชอบ เพื่อให้ผู้ตายอยู่อย่างร่มเย็น ทางครอบครัวเลือกต้นทุเรียน เพราะผู้ตายชอบทุเรียน หลังจากที่ปลูกเสร็จ นางหนูจินทร์ พี่สาวของผู้ตาย ได้เข้าไปลูบที่ดินบริเวณต้นไม้ ด้วยใบหน้าที่ยังรู้สึกโศกเศร้าเสียใจอยู่

นางหนูจินทร์ แป้นจันทร์ อายุ 50 ปี พี่สาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้มาทำพิธีเผาศพผู้ตายทั้งวัน และวันนี้ตนก็มาทำบุญให้ผู้ตาย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ทราบสาเหตุ และตนไม่รู้จะสงสัยใคร เพราะผู้ตายไม่มีเหตุจูงใจที่จะต้องมีปัญหากับใคร แต่ผู้ตายเคยมีปัญหาอยู่ครั้งเดียวเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน และเคยบอกว่ามีปัญหากับผู้มีอิทธิพล แต่ตนพูดไม่ได้ ตนก็บอกให้ผู้ตายทำใจตลอด อย่าไปยุ่งกับเขา ส่วนเรื่องที่อีกฝ่ายบอกว่า ผู้ตายเคยไปหาเรื่องคนอื่น ตนยืนยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะผู้ตายไม่ใช่คนก้าวร้าว และผู้ตายรู้ตัวดีว่าเป็นผู้น้อยกว่า

ทั้งนี้ ผู้ตายเป็นห่วงแม่มาก เพราะปกติผู้ตายจะเป็นคนดูแลแม่ ซึ่งเมื่อวานนี้ช่วงกลางคืน ญาติพี่น้องกำลังนอนดูโทรศัพท์ และหลานชายอายุ 2 ปีกำลังนอนหลับอยู่ ก็ละเมอบอกว่า "น้าแก้ว อย่ากอด ๆ" แล้วก็ดิ้นไปมา หลังเรียกชื่อผู้ตาย

ขณะนี้ตนยังรู้สึกกลัวความปลอดภัยของคนในครอบครัว ถ้าจับคนร้ายตัวจริงได้แล้ว ตนอยากจะถามว่าทำไมต้องฆ่ากันแบบนี้ และไปทำอะไรให้โกรธแค้น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้ได้รับโทษถึงประหารชีวิต

213868

ทีมข่าวเดินทางมาที่ บ้านพักของผู้ใหญ่บ้านซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของผู้ตาย ประมาณ 100 เมตร หัวมุมทางสี่แยก หน้าบ้านจะมีโต๊ะม้าหินอ่อนตั้งอยู่ ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ให้ข้อมูลว่า วันที่เกิดเหตุ ตนเลี้ยงหลานอยู่ในบ้าน มีกลุ่มวัยรุ่นนั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าบ้านประมาณ 2-3 คน หลังจากที่ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ตนไม่ได้เข้าไปดู แต่ตนได้ยินเสียงคนมาตะโกนบอกกลุ่มวัยรุ่นว่ามีคนถูกยิง แต่ตนไม่ได้ออกไปดู พราะเลี้ยงหลาน ส่วนผู้ใหญ่บ้าน ตอนที่เกิดเหตุอยู่ที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ส่วนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ถูกกล่าวหา ตนไม่มีอะไรจะพูด เพราะคนของเราไม่เคยมีปัญหากับเขา และไม่เคยทำแบบที่เขาบอก

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส