วันที่ 11 ก.ย. 61 ความคืบหน้ากรณีที่มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน บุกเข้าไปกระหน่ำยิงคนในบ้าน ภายในพื้นที่หมู่ 12 ต.สระแก้ว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะนั่งล้อมวงกินข้าวเย็น ทำให้กระสุนถูก นางสมหมาย พุทธา อายุ 64 ปี เจ้าของบ้าน และ นายคำจันทร์ แก้วพรม อายุ 54 ปี ผู้เป็นน้องชาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ ส่วน นายทองคำ พุทธา อายุ 59 ปี สามีของนางสมหมาย กระโดดหนีออกทางหน้าต่างได้ทัน จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ ต่อมานายคำจันทร์ น้องชายนางสมหมาย ซึ่งถูกยิงบริเวณกลางหลัง 2 นัด ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนางสมหมาย ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์
ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองหงส์ ก็ได้เรียกสอบปากคำพยานแวดล้อมเพิ่มเติมไปแล้วหลายปาก เพื่อเป็นข้อมูลเบาะแสในการติดตามตัวคนร้าย จากการสอบปากคำพยานก็ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทำให้ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว และกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายนุ อายุ 20 ปีเศษ เป็นลูกชายของอดีต สท.ดังต่างถิ่น ที่พึ่งย้ายมาเปิดอู่ซ่อมรถในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ได้เพียง 4 – 5 เดือนเท่านั้น อีกราย คือ นายต๊ะ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายนุ ที่เป็นคนจัดหาอาวุธปืนและขับรถเก๋งพานายนุ ไปก่อเหตุในวันดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สุรชัย สังฆพัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับชุดสืบภาค 3 และชุดสืบ สภ.หนองหงส์ กระจายกำลังออกติดตามไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะพฤติการณ์การก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน ส่วนปมการก่อเหตุในครั้งนี้พุ่งเป้าไปเรื่องการแก้แค้นส่วนตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้นายนุ ผู้ก่อเหตุ เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนายดำมี่ ลูกชายของผู้ที่ถูกยิงบาดเจ็บ ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง แต่พ่อนายนุ ได้วิ่งเข้าช่วยจึงถูกฟันบาดเจ็บที่แขน หลังจากนั้น 3 วันก็มีเหตุคนร้ายไปบุกยิงพ่อแม่ และน้าชายของ นายดำมี่ จนเสียชีวิต และบาดเจ็บดังกล่าว
อย่างไรก็ตามจากการไปตรวจสอบบริเวณอู่ซ่อมรถของอดีต สท. พบว่าถูกปิดเงียบไม่ได้เปิดให้บริการ จากการสอบถามชาวบ้านใกล้เคียงก็ให้ข้อมูลว่า ได้ปิดร้านตั้งแต่วันที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันแล้ว ทั้งนี้ชาวบ้านยังให้ข้อมูลว่าสองพ่อลูกได้ย้ายมาเปิดอู่ซ่อมรถได้ประมาณ 4-5 เดือนแล้ว แต่ก็ไม่ได้คุ้นเคยกันเพราะเป็นคนต่างถิ่นที่พึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ ก็พูดคุยสอบถามกันตามปกติ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดเหตุก็รู้สึกตกใจและไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในหมู่บ้าน เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเหตุอุกอาจแบบนี้ มีเพียงวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันเท่านั้น
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่านายต๊ะ หนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นคนจัดหาอาวุธปืน และขับรถพานายนุ ลูกอดีต สท.ไปกระหน่ำยิงในวันเกิดเหตุ ได้ติดต่อให้พ่อไปรับตัวที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อพาเข้ามอบตัวกับตำรวจ