จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊มอย" โพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมข้อความระบุว่า "#บุกเข้ามาทำร้ายถึงในบริเวณบ้าน จะด้วยสาเหตุใด คุณก็ไม่มีสิทธิพาพวกมารุมทำร้ายใคร ควรคุยกันด้วยเหตุผล ยิ่งทำผู้หญิงมันดูไม่สมควรอย่างยิ่ง ออกมารับผิดชอบด้วย วัดลาดปลาดุก บางบัวทอง ผู้ชายมากัน 4-5 คน บุกรุกมาหน้าร้าน บอกว่าลูกน้องไปเบิ้ลรถใส่เค้า"
วันที่ 13 ก.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่อู่รถวิรัตน์ หมู่ 6 ซอยวัดลากปลาดุก ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จุดที่เกิดเหตุอยู่บริเวณโต๊ะไม้ด้านหน้าอู่รถ
นายประสิทธิ์ เจริญศรีพัฒน์ อายุ 42 ปี เจ้าของคลิป เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. หลังจากที่เลิกงาน และนายโอฬาร ลูกน้องของตนที่เป็นเจ้าของเสียงเบิ้ลรถได้กลับบ้านไป ตนได้นั่งเล่นอยู่หน้าร้านตามปกติ ขณะนั้นลูกน้องของคู่กรณีได้เดินมาหา และมาถามเกี่ยวกับเรื่องที่นายโอฬารไปเบิ้ลรถใส่ ตนจึงตอบกลับว่า ตอนนี้เป็นช่วงหลังเวลางานแล้ว ตนไม่รู้ว่าลูกน้องของตนไปทำตอนไหน และลูกน้องของคู่กรณีก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ให้ไปกล่าวเตือนเอง
จากนั้น ลูกน้องของคู่กรณีได้ท้าทายให้ตนต่อยตัวต่อตัว ตนเลยถามว่า ทำไมตนจะต้องไปต่อยกับเขาด้วย เพราะตนไม่อยากจะไปมีเรื่อง กระทั่งมีการต่อปากต่อคำสักพักหนึ่ง นายสุริโย คู่กรณีก็เข้ามากระโดดถีบตน ตนเลยกระโดดลงจากโต๊ะ แต่ถูกลูกน้องของคู่กรณีรวมถึงนายสุริโยลากไปทำร้ายร่างกาย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยืนยันว่า ก่อนที่จะถูกต่อยตนไม่ค่อยได้พูดอะไร แต่กรณีที่อ้างว่าลูกน้องของตนไปเบิ้ลรถใส่ ตนมองว่า ไม่น่าจะเกี่ยว เพราะคู่กรณีมาคุยกับตนหลังลูกน้องกลับไปแล้ว ตนมองว่าน่าจะจงใจหาเรื่องตนมากกว่า ทั้งนี้ ตนไม่เคยข้ามไปยุ่งกับฝั่งของคู่กรณี เพราะตนเป็นคนที่ไม่ไปวุ่นวายกับคนอื่นอยู่แล้ว แต่คู่กรณีสร้างความรำคาญให้ตนตลอด ส่วนเรื่องที่คู่กรณีกล่าวหาว่า ตนไปเตะ ตนไม่เคยทำ และอยากจะถามว่าตนไปเตะตอนไหน
ทั้งนี้ ตนกับนายสุริโยเคยร่วมงานกันมาก่อน โดยตนเป็นช่างเครื่อง ส่วนคู่กรณีทำงานเกี่ยวกับช่วงล่างของรถ ซึ่งเป็นงานละส่วนกัน ตนเลยแยกตัวออกมาเปิดร้านเอง และบางครั้งตนก็ส่งงานให้คู่กรณีทำบ้าง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งงานมีปัญหา จนลูกค้ามากล่าวตำหนิตน ทำให้ตนกับคูกรณีเลยมีปัญหาระแคะระคายกันมาอยู่เรื่อย ๆ อีกทั้งคูกรณีอาจจะไม่พอใจ ที่ตนมีงานเยอะกว่าด้วย นอกจากนี้ คู่กรณียังเป็นคนที่ไม่ค่อยยอมรับความจริง และชอบยกเรื่องอื่นมาอ้าง เช่น บอกว่าสุนัขของตนของไปขีดข่วนรถของลูกค้า ซึ่งไม่ใช่สุนัขของตน แต่เป็นสุนัขจรจัด
อย่างไรก็ตาม ตนอาศัยอยู่กับภรรยา 2 คน จึงกลัวว่าจะมีปัญหากระทบกระทั่งกันอีก และอยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการ ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นขอให้สังคมพิจารณาจากในคลิปกล้องวงจรปิด ส่วนเรื่องที่คู่กรณีกล่าวขอโทษที่ต่อยก่อน ตนยังไม่ขอให้อภัย เพราะเหตุเกิดหลายครั้งแล้ว ถ้าครั้งนี้ตนยอม แล้วครั้งหน้าคู่กรณีไปทำกับคนอื่นอีกจะทำอย่างไร อีกทั้งถ้าคนในครอบครัว หรือภรรยาของตัวเองโดนต่อยบ้างจะยอมหรือไม่
ทีมข่าวได้เดินทางมาที่ร้านโยโช๊คอัพ อยู่ตรงข้ามกัน ห่างกันประมาณ 10 เมตร นายสุริโย ชูสกุล อายุ 40 ปี คู่กรณี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 64 เวลาประมาณ 20.00 น. ตนกับลูกน้องนั่งเล่นกันอยู่ในร้าน ระหว่างนั้นลูกน้องของเจ้าของคลิปได้ขี่รถผ่านหน้าร้านของตน และมีการเบิ้ลรถคล้ายกับท้าทาย ลูกน้องของตนทำท่าจะไปกล่าวตักเตือน แต่ตนเกรงว่าจะมีปัญหากันเลยปรามไว้ และบอกว่าให้ไปคุยกับนายประสิทธิ์ ซึ่งเป็นหัวหน้างานดีกว่า
จากนั้น ลูกน้องของตนได้เดินไปพูดคุยกับนายประสิทธิ์ แต่ทางนายประสิทธิ์พูดไม่ดีใส่ จนมีการพูดจาเสียงดัง ตนเลยเดินเข้าไปดู และเจ้าของคลิปได้ท้าต่อยกับนายทรงภพ ลูกน้องตน ตนเลยเดินออกมาห่าง ๆ เพื่อให้ทั้งคู่ต่อยกันตามประสาลูกผู้ชาย แต่คู่กรณีกลับคำตัวเอง ตนเลยทำท่าจะเดินกลับอู่ของตัวเอง แต่คู่กรณีกลับด่าว่า "หมาอย่ามาเห่าบ้านกู ไปเห่าบ้านมึง" ตนเลยบันดาลโทสะ และเป็นฝ่ายทำร้ายทางนายประสิทธิ์ก่อน ไม่ได้มีการรุมเกิดขึ้น
ตนกับนายประสิทธิ์รู้จักกันมานานแล้ว เพราะทำงานอยู่ในวงการเดียวกัน เมื่อประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว นายประสิทธิ์ตกงาน และโดนคนอื่นโกงมาเลยเรียกให้ตนไปรับ และขอมาทำงานด้วย ช่วงแรกที่ตนเปิดอู่ อู่ของตนไม่ค่อยมีงาน เลยไม่มีเงินเดือนจ่ายให้ แต่นายประสิทธิ์บอกกับตนว่าขอแค่ที่นอนกับข้าวกินก็พอ แต่นายประสิทธิ์ทำงานกับตนได้เพียง 4-5 เดือนก็ย้ายไปทำงานกับอู่รถที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
นอกจากนี้เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนนายประสิทธิ์เคยมาทำร้ายร่างกายตน โดยครั้งนั้นนายประสิทธิ์ได้ทะเลาะกับภรรยาตัวเอง แล้วก็เปิดเครื่องเสียงดังรบกวนคนอื่น ก่อนหน้านี้ลูกน้องของนายประสิทธิ์ก็เคยเบิ้ลรถใส่แล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตนเคยตะโกนใส่ทำนองว่า "เบิ้ลอะไรนักหนา" ลูกน้องของนายประสิทธิ์จึงยอมหยุด แต่นายประสิทธิ์กลับไม่ยอม ส่วนตัวขอโทษนายประสิทธิ์ที่เป็นเป็นฝ่ายต่อยก่อน ซึ่งตนไม่ได้อยากจะทำ เพราะทำไปก็เจ็บตัว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเคยรู้จักกัน แต่ความรู้สึกที่มีต่อนายประสิทธิ์นั้นเสียมาตั้งนานแล้ว ตนอยากจะบอกกับนายประสิทธิ์เพียงว่าขอให้ลดเรื่องคำพูดคำจาและฟังคนอื่นบ้าง ไม่ใช่ว่าเอาแต่ใจตัวเอง