หลังจากได้รับการร้องเรียนจาก นางอ้อย อ่อนศรี อายุ 56 ปี แม่ค้าตลาดนัดเทพประสิทธิ์ พัทยาใต้ ว่า คดีคนร้ายก่อเหตุฆาตกรรม นายสนธยา อ่อนศรี อายุ 56 ปี ผู้เป็นสามี เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา แต่เรื่องกลับเงียบหาย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกว่า สำนวนอ่อน เลยร้องเรียนสื่อมวลชนเพื่อให้ติดตามความคืบหน้าของคดีเพื่อหาตัวคนร้ายมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม
ล่าสุด วันที่ 24 พฤษภาคม 2560 เวลา 18.50 น.
อ้อย อ่อนศรี ภรรยาผู้เสียชีวิต ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผ่าน
รายการต่างคนต่างคิด ว่า เมื่อช่วงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 ชาวบ้านได้เล่าให้ทางตนฟังว่า สามีตนได้นั่งดื่มสุรากับเพื่อนแถวบ้าน และเกิดมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งแล้วก็แยกย้าย ซึ่งพอเช้าวันรุ่งขึ้น (19 พ.ค.60 ) ลูกชายและตนได้ไปเจอศพสามีที่ถูกทุบศีรษะและนอนคว่ำหน้า จนคดีผ่านไปปีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองปรือก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ และเวลาไปสอบถามความคืบหน้าเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าสำนวนอ่อน ให้ไปหาข้อมูลมาให้ตำรวจเอง จนต้องออกมาร้องต่อสื่อมวลชนให้เร่งรัดตามคดีให้
อ้อย ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวอีกว่า ตั้งแต่สามีจากไปความเป็นอยู่ของตนเองและครอบครัวเป็นไปอย่างยากลำบากต้องหาเช้ากินค่ำ ยอมรับว่าเหนื่อยกับการตามคดี แต่เริ่มสบายใจเนื่องจากได้พบพบทนายสงกานต์ และรู้สึกดีใจที่ได้เข้ามาช่วยเหลือ
อนุสรณ์ อ่อนศรี ลูกชายผู้เสียชีวิต บอกว่า ทางตนมีใบชันสูตรพลิกศพที่บอกว่าสภาพภาพนอกของทางพ่อ มีร่องรอยเหมือนกะโหลกโดนทุบ ใต้หนังศีรษะพบรอยช้ำ ฐานกะโหลกร้าวหลายส่วน ส่วนที่ไม่ได้ถามเพื่อนบ้านถึงเรื่องที่เกิดเหตุ เนื่องจาก เพื่อนบ้านที่ตนคิดว่าเป็นคนทำร้ายร่างกายพ่อ
ดูจากประวัติแล้วเป็นผู้มีคดีติดตัวทุกคน จึงทำให้ตนเป็นห่วงที่บ้าน ไม่อยากไปสร้างปัญหากลัวคนที่บ้านจะเป็นอันตราย
สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กล่าวว่า
คดีดังกล่าวเป็นการฆาตกรรมอำพราง ในส่วนของคดีต้องมีการสอบสวนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ในความเป็นจริงต้องมีการตรวจลายนิ้วมือและลงพื้นที่หาหลักฐาน ยอมรับว่าหากครอบครัวใครเจอเรื่องราวเช่นนี้ต้องเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และสามีของคุณป้าจะไม่ตายฟรีแน่นอน
พ.ต.อ. จิระวุฒิ ตัณฑศรี ผู้กำกับการ.สภ.หนองปรือ ได้ชี้แจงว่า
ขณะนี้ยังไม่ได้พบพนักงานสอบสวนคนดังกล่าว แต่ในเบื้องต้นได้ตรวจสอบสำเนาพบว่ามีการทำคดีเป็นระยะ และยังไม่ปรากฎพยานหลักฐานที่ระบุหาคนผิดได้ ส่วนคำพูดที่บอกว่าสำนวนอ่อนนั้น คิดว่าน่าจะเป็นการสื่อสารไม่เข้าใจระหว่างทั้งสองฝ่าย ส่วนในการให้ประชาชนหาพยานหลักฐานเองก็เป็นสิ่งที่ไม่ควร และหากมีข้อมูลหรือหลักฐานเพิ่มเติมก็จะสามารถนำไปประกอบในการออกหมายจับได้ และหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบสำนวนอีกครั้ง