กรณีตำรวจสน.บางเสาธง รับแจ้งพบศพถูกฆาตกรรมฝังไว้ใต้พื้นบ้าน ภายในคฤหาสน์หรูพื้นที่ 4 ไร่ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ โดยที่เกิดเหตุอยู่ในโซนที่กำลังสร้างร้านกาแฟขนาดใหญ่ ใต้พื้นบ้าน 2 ชั้น ด้านในสุดพบศพนายสิทธิโชค หรือ ช่างสน สาโรจน์ อายุ 42 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี นอนหงายอยู่ใต้พื้นบ้าน สวมผ้าขาวม้า กางเกงในสีแดง ถูกห่อด้วยผ้าม่านสีครีม และปิดบังด้วยแผ่นคอนกรีตสำเร็จ โบกปูนทับอีกครั้ง และนำฟูกที่นอนพิงกำแพงตัวบ้านไว้อีกชั้น
ภายหลังตำรวจ สน.บางเสาธง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายทรงพล ต๊ะปิง หรือ รุ่ง, นายธีรวัฒน์ สุขราช หรือ วัฒน์ พร้อมออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 1 รายคือ นายจะหวะ ลาหู่เมอเน่อ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ล่าสุดสามารถควบคุมตัวนายจะหวะ หรือ พงษ์ เทิดไท ได้แล้วนั้น
เมื่อเวลา 21.45 น. ของวันที่ 21 ก.ค.64 ตำรวจนำตัวนายจะหวะ ผู้ต้องหา ให้สวมชุด PPE ขึ้นเครื่องบินมายังสนามบินกองบินตำรวจ ก่อนนำส่งขึ้นรถตู้ของ บก.น.7 มายัง สน.บางเสาธง และสอบปากคำอย่างละเอียด ผู้ต้องหาระบุเพียงวาา "ขอโทษ และเสียใจ"
วันที่ 22 ก.ค. 64 เมื่อช่วงเช้า นายจะหวะถูกคุมตัวอยู่ภายในห้องขัง จากการตรวจภาพวงจรปิด พบนายจะหวะ สวมเสื้อสีเทา กางเกงสีกรมท่า สวมหน้ากากอนามัย ถอดชุด PPE ไว้ข้างตัว ทีมข่าวสอบถามสิบเวรหน้าห้องขังบอกว่า นายจะหวังนิ่งเฉย ไม่มีอาการเครียดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ชุดสืบสวนทำคดีนี้ จำนวน 7 คน ติดเชื้อโควิด 1 คน โดยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าติดเชื้อจากที่ไหน ซึ่งทำให้ตำรวจอีก 6 คน ถูกสั่งกักตัว พร้อมอยู่ระหว่างรอผลตรวจจากรพ.ตำรวจอีกครั้ง
วันที่ 22 ก.ค. 64 ช่วงบ่าย ที่คฤหาสน์หรูจุดเกิดเหตุ ภายในซอยบางเชือกหนัง 7 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเสาธง เขตตลิ่งชัน นำโดย พ.ต.อ.ศุภศักดิ์ โปรียานนท์ ผกก.สน.บางเสาธง คุมทีมพนักงานสอบสวน และร้อยเวรเจ้าของคดี พาตัวนายจะหวะ ผู้ต้องหา ทำแผนประกอบรับคำสารภาพ
การทำแผนในครั้งนี้ได้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ไม่มาก เพราะเนื่องจากเป็นพื้นที่ปิด ประกอบกับไม่ได้มีครอบครัวของคนตายเดินทางมาติดตามการทำแผน มีเพียงกลุ่มชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง มีทั้งหมด 15 จุด ซึ่งเป็นพฤติกรรมของการก่อเหตุ โดยมีนายจะหวะ เป็นคนคลุมและเริ่มก่อเหตุ ก่อนที่จะให้นายรุ่ง และนายวัฒน์ เข้ามาช่วยในการอำพรางและก่อเหตุด้วยกันในครั้งนี้
โดยเริ่มจุดที่ 1 นายจะหวะเดินทางมาถึงคฤหาสน์ ขี่รถมอเตอร์ไซค์ส่วนตัว จุดที่ 2 นายจะหวะกับผู้ร่วมก่อเหตุเดินไปเรียกผู้ตายรอบที่สอง ในช่วงเวลาประมาณ 21.15 น. เพื่ออกมาร่วมดื่มอีกครั้ง หลังจากที่ในช่วงหัวค่ำมีการร่วมวงดื่มสุราไปแล้ว ที่จุดโต๊ะนอกบ้าน จุดที่ 3 หลังจากนายจะหวะไปเรียกช่างสน เจ้าตัวยังคงนั่งดื่มอยู่ภายในห้องพัก นายจะหวะก็เลยนั่งดื่ม และคุยกันประมาณ 5-10นาที
จุดที่ 4 กล้องวงจรปิดจับภาพวินาทีที่ช่างสน คนตาย เดินตามหลังนายจะหวะ และนายรุ่ง ออกไปดื่มกินกันต่อที่บ้านพักคนงานชั่วคราว จุดที่ 5 นั่งดื่มกินกันภายในบ้านพักคนงานชั่งคราว บ้านหลังที่ยัดศพใต้ถุนบ้าน เป็นโต๊ะกินข้าวที่ตั้งอยู่กลางบ้าน โดยมีนายจะหวะ นายรุ่ง นายวัฒน์ และช่างสน นั่งด้วยกัน
จุดที่ 6 นายจะหวะ ออกไปที่ซิ้งล้างจานบริเวณครัวเปิดข้างบ้าน หยิบมีดและเดินเข้าไปในบ้าน ไปนั่งกินเหล้าร่วมวงกับช่างสน จุดที่ 7 นายจะหวะกับช่างสนทะเลาะกัน แล้วถูกฟันได้รับบาดเจ็บนอนจมกองเลือก จุดที่ 8 นายจะหวะยืนคุม และให้นายวัฒน์ไปหยิบค้อนจากร้านกาแฟที่กำลังก่อสร้างเอามาให้ในตัวบ้าน เพื่อทำร้ายร่างกายช่างสนช้ำ จุดที่ 9 นายจะหวะ ให้นายรุ่งและนายวัฒน์ไปหยิบเอาผ้าม่านบริเวณหน้าต่างที่ใกล้กับห้องของนายรุ่งมาคลุมร่างช่างสน จุดที่ 10 นายจะหวะ พร้อมพวก 2 คน ลากร่างช่างสรไปที่จุดยัดศพใต้ถุน
จุดที่ 11 นายจะหวะ สั่งให้นายรุ่ง ไปหยิบจอบที่โต๊ะกินเหล้าหน้าบ้าน เอามาขุดดิน ช่วงนี้ได้ยินเสียงช่างสนเหมือนยังหายใจ นายจะหวะตัดสินใจใช้จอบทุบช้ำ จุดที่ 12 นายจะหวะไปที่น้ำตกของร้านกาแฟที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หยิบเอาแผ่นกระเบื้องบริเวณปั๊มน้ำ ไปปิดรูยัดศพ และมีการโบกทับ
จุดที่ 13 นายจะหวะเอาที่นอนลากมาปิดทับรูยัดศพใต้ถุนบ้าน จุดที่ 14 นายจะหวะเข้าไปภายในบ้านเพื่อล้างคราบเลือด ตรงจุดที่มีการแทงช่างสน ส่วนนายรุ่ง นายวัฒน์ เดินแยกย้ายกลับเข้าห้องพัก จุดที่ 15 นายจะหวะไปเอารีโมตประตูไฟฟ้าที่ห้องคนดูแลคฤหาสน์ เอามาเปิดประตูรีโมตไฟฟ้า เดินออกไปเพื่อโยนมีดที่ใช้ก่อเหตุทิ้งในพงหญ้าตรงข้ามคฤหาสน์
ซึ่งตลอดการทำแผนผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายจะหวะ เจ้าตัวปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ตอบเกี่ยวกับรายละเอียดที่ประกอบในสำนวนกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น
การทำแผนในวันนี้ มีคนงานภายในคฤหาสน์ นายบูรณ์ (นามสมมติ) คนดูแลคฤหาสน์, นางสาวเดือน (นามสมมติ) ภรรยาของนายวัฒน์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับ ยืนดูอย่างใกล้ชิด อยู่ในอาการนิ่งเฉย ส่วนเจ้าของคฤหาสน์ ไม่ได้เดินทางมาร่วมติดตามการทำแผน
นางเดือน (นามสมมติ) ภรรยาของนายวัฒน์ หนึ่งในผู้ต้องหา เปิดใจว่า ในคืนวันเกิดเหตุ 8 ก.ค. ตนเองก็ยังคงนอนอยู่กับสามีที่ห้องตามปกติ แต่มีช่วงหนึ่งที่สามีลุกออกไปช่วงกลางดึก รู้ตอนหลังว่าไปนั่งดื่มเหล้ากับช่างสน คนตาย แต่ตัวเองก็ไม่ได้ถามว่ากลับมากี่โมง มีใครนั่งดื่มกินด้วยกันบ้าง เพราะตอนนั้นไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และที่สำคัญการกลับเข้ามาช่วงกลางดึกของนายวัฒน์ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต ไม่มีเลือดติดเสื้อผ้า
กรณีที่สามีรับสารภาพกับพนักงานสอบสวน ก่อนที่จะถูกออกหมายจับ ตอนนี้ถูกฝากขังที่ศาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซ่อนเร้นอำพรางศพนั้น ตนก็มารู้ตอนหลัง เพราะทีแรกตอนที่ไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนก็บอกไม่รู้ไม่เห็น แต่หลังจากคืนนั้นกลับมีการกลับคำให้การ ตนเองก็ตกใจว่าทำไมสามีถึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของช่างสน ทั้งที่ไม่ยอมพูดหรือเล่าอะไรให้ฟัง แต่ในประเด็นที่สามีให้การว่าถูกบังคับหรือข่มขู่ให้มีการร่วมกันก่อเหตุ ตนเองไม่รู้ข้อเท็จจริง ไม่รู้ว่าเกิดจากการบังคับหรือไม่ ขณะที่คำให้การของนายจะหวะ อ้างว่าสาเหตุที่ทำให้มีการก่อเหตุฆาตกรรมช่างสน เกิดจากเรื่องถูกเบี้ยวค่าแรง ตนเองไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ช่างโย (นามสมมติ) คนงานในคฤหาสน์ ที่นั่งดื่มเหล้ากินกับผู้ตายในช่วง 19.00-20.00 น. เปิดเผยว่า จากกรณีคำให้การของนายจะหวะ ที่อ้างว่าสาเหตุในการลงมือฆาตกรรมช่างสน เกิดจากถูกเบี้ยวค่าแรงหลักหมื่นบาท และถูกช่างสนต่อว่าทำให้เกิดความไม่พอใจ เรื่องของการทำงานการจ่ายค่าแรงของนายจะหวะ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับช่างสน เพราะส่วนใหญ่เวลาที่มีการจ่ายงานหรือจ่ายค่าแรงก็ต้องหัวหน้าใครหัวหน้ามัน ช่างสนจะเป็นคนรับเงินโดยตรงจากเจ้าของคฤหาสน์ แต่นายจะหวะรับเงินจากช่างนะ หัวหน้าคนงานของคฤหาสน์ ตนเองยทนยันว่าการถูกเบี้ยวค่าแรงจึงเป็นไปไม่ได้
ทั้งนี้ เท่าที่ตนเองเข้ามาทำงานภายในคฤหาสน์ เห็นมีการแบ่งตำแหน่งการทำงานที่ชัดเจน นายจะหวะจะเป็นคนทำงานเรื่องของช่างไฟ มีความชำนาญเกี่ยวกับการเดินระบบไฟฟ้า และติดตั้งไฟฟ้า ไม่เคยเห็นมีประสบการณ์ด้านของการเทปูนหรือการฉาบปูน ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะอ้างว่าถูกเบี้ยวค่าแรงในการผสมปูน ถ้าหากจะมีการว่าจ้างหรือใช้งานนอกรอบระหว่างช่างสนกับนายจะหวะตนเองก็ไม่รู้ว่าช่วงเลิกงาน หรือช่วงวันหยุดมีการว่าจ้างพิเศษกันหรือไม่
ส่วนกรณีที่นายจะหวะอ้างว่าไม่พอใจที่ถูกตำหนิหรือด่าทอนั้น ปกติตนเองก็ไม่เคยเห็นช่างสนด่าใคร ยกเว้นเวลากินเหล้ามักจะเป็นคนพูดจาเสียงดัง ตนเองก็เคยร่วมวงด้วยกัน เห็นช่างสนเมาแล้วใช้เสียงดังเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่เคยขึ้นมึงกูกับใคร
ที่ห้องของคนดูแลคฤหาสน์ นางยี่ (นามสมมติ) คนงานของคฤหาสน์ ภรรยาของนายบูรณ์ คนดูแลคฤหาสน์ เปิดเผยว่า ตนเองคือคนที่ให้กุญแจรีโมตไฟฟ้ากับนายจะหวะในคืนนั้น จำได้ว่าเป็นคืนวันที่ 8 ก.ค. ช่วงเวลาประมาณ 21.09 - 22.00 น. แต่คาดว่าเป็นช่วงหลังจากที่นายจะหวะก่อเหตุเสร็จแล้ว และได้มาเคาะประตูเพื่อขอกุญแจรีโมตไฟฟ้าไปเปิดประตูรั้ว ซึ่งพฤติกรรมวันดังกล่าวสังเกตว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เนื่องจากปกตินายจะหวะมักจะขอกุญแจแล้วเปิดออกไปซื้อเหล้าในตอนกลางดึกเกือบทุกวัน ประกอบกับชุดที่สวมใส่ก็ไม่พบคราบเลือด
ทั้งนี้ แม้ว่าห้องพักของตนเองจะอยู่ใกล้กับประตูทางออก อยู่ติดกับจุดที่มีการทิ้งมีดที่ใช้ก่อเหตุ ยืนยันว่าในคืนนั้นไม่ได้ยินเสียงคนโยนของหรือโยนมีดทิ้ง ปกติทุกคืนจะมีการเปิดโทรทัศน์และวิทยุเสียงดัง ทำให้ไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ฉะนั้นจึงไม่รู้ว่านายจะหวะ เปิดประตูรั้วแล้วเอาอะไรไปโยนทิ้งในคืนวันดังกล่าว ส่วนกุญแจรีโมตไฟฟ้าตนเองก็ได้คืนมาในวันรุ่งขึ้น 9 ก.ค. ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. แล้วก็ได้เก็บข้าวของหนีออกไปจากคฤหาสน์ทันที
อย่างไรก็ตาม การให้ปากคำของนายจะหวะที่อ้างว่ามีการก่อเหตุทำร้ายช่างสน เกิดจากความไม่พอใจที่ถูกเบี้ยวค่าแรงผสมปูน เองไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มีการว่าจ้างกันอย่างไร แต่เคยเห็นนายจะหวะไปช่วยช่างสนผสมปูน และปูกระเบื้อง ดังนั้นก็อาจมีความเป็นไปได้ว่านายจะหวะไปช่วยผสมปูนและปูกระเบื้องแต่อาจจะไม่ได้รับค่าแรงหรือไม่ ส่วนกรณีที่พักของช่างสนอยู่ตรงข้ามห้องของตนนั้น ตนเองยอมรับว่าตลอดช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่านายจะหวะมาทวงค่าแรง หรือมาทะเลาะมีปากเสียงกับช่างสน
นางสุวดี เพ็ชรแขก แม่ของช่างสน เปิดเผยว่า วันนี้ตนก็อยากจะเดินทางไปดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพคนที่ฆ่าลูกชาย แต่ติดที่บ้านต้องทำพิธีทางศาสนา ตามความเชื่อของคนที่นับถือศาสนาอิสลาม เรียกคืนวันนี้ว่า "คืนค่ำวันศุกร์" วิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปจะกลับมาที่บ้าน แม่เชื่อว่าวันนี้วิญญาณของช่างสนจะกลับมาที่บ้าน ถ้าแม่ได้ไปดูการทำแผนแม่ก็อยากจะถามว่าฆ่าลูกชายด้วยเหตุผลอะไร
เรื่องที่บอกว่าลงมือก่อเหตุเพราะช่างสนไปติดเงิน 10,000 บาท ตนไม่เชื่อ เพราะก่อนหน้านี้ช่างสนเคยเล่าให้ฟังว่า นายจะหวะมันขอยืมเงินไปส่งให้ที่บ้าน 15,000 บาท แล้วก็บอกว่าจะให้ช่างสนหักเงินคืนที่นายหัว ตนยังเตือนกับช่างสนเลยว่าไปไว้ใจให้เงินเขาได้อย่างไรกัน ส่วนที่บอกว่า ก่อนจะก่อเหตุมีปากเสียงกับช่างสนในวงเหล้า ตนก็ไม่เชื่อ เพราะตอนนั้นช่างสนนอนหลับแล้ว แต่นายนจะหวะไปเรียกช่างสน 3 ครั้ง คิดว่ามีการวางแผนเรียกช่างสนมานั่งคุยแล้วก็มอมเหล้าช่างสน แล้วก็อ้างว่ามีเรื่องทะเลาะกันเพราะบันดาลโทสะ สำหรับผู้ต้องหาอีก 2 คน ก็ไม่เชื่อว่าเขาไม่รู้เห็นตอนลงมือฆ่าช่างสน เชื่อว่าเขาทั้ง 3 คนมีส่วนรู้เห็นและลงมือวางแผนกัน
ส่วนเมื่อวานที่ตนฝันว่าช่างสนมาหา แล้วก็ขอให้แม่ชงกาแฟให้กิน เมื่อคืนนี้ก็ฝันว่าช่างสนมานั่งร้องไห้ที่หลังบ้าน บอกว่า "แม่ช่วยผมด้วย ผมคิดถึงแ"ม่ ภาพที่เห็นช่างสนนั่งใส่ผ้าข้าวม้า และไม่ใส่เสื้อ ที่น่าตกใจที่สุดก็คือเมื่อกลางวันที่ผ่านมามีเด็ก 3 ขวบ ที่อยู่บ้านติดกัน มาทักตนแล้วชี้ไปทางแก้วกาแฟที่ชงให้กับช่างสน บอกว่านี่กาแฟของช่างสนใช่ไหม หนูเห็นช่างสนนั่งกินกาแฟอยู่หลังบ้านเมื่อคืนนี้ ตนก็รู้สึกขนลุก เพราะเด็กคนนี้ไม่เคยรู้จักช่างสนมาก่อน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าตนชงกาแฟไว้ให้ช่างสน
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าจะไม่อโหสิกรรมให้กับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ถ้าจะให้อโหสิกรรม ก็ให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนมากราบเท้าขอขมาที่บ้าน แล้วก็ไปกราบขอขมาที่หลุมฝังศพของช่างสนด้วย