จากกรณีนายศักดิ์ชัย แน่นอุดร พ่อค้าอาหารอีสาน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท โดยอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยัดยาเสพติด และเรียกรับเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ในวันที่ 10 ส.ค. 61 โดยมีผู้เสียหายออกมาร้องเรียนว่าถูกกลุ่มตำรวจ บก.น.1 ชุดเดียวกัน กระทำพฤติกรรมในลักษณะคล้ายกัน ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น ล่าสุดวานนี้ (18 ก.ย.) นายแมน (นามสมมติ) ผู้เสียหายอีกราย ได้เข้าแจ้งความที่ สน.บางชัน แล้วนั้น (อ่าน :
เปิดวงจรปิดอีกมุม! หนุ่มเสพยาโชว์แผลกะโหลกร้าว ไม่ใช่เพราะล้ม ฉะก๊วน ตร. ทำแรงเกิน)
วันที่ 19 ก.ย. 61
นายแมน (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้มีการนำเสนอข่าวออกไป ตนก็รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่รับทราบเรื่องแล้ว ทั้งนี้ ภายหลังเป็นข่าวไม่มีใครมาข่มขู่ด้วย โดยวันนี้ตนโทรศัพท์ติดต่อไปยังโรงพยาบาล เพื่อสอบถามเรื่องภาพจากกล้องวงจรปิด โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ตนจะได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) โดยก่อนหน้านี้ ตนได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้บันทึกออกมา ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นชายที่อ้างว่าเป็นพลเมืองดีที่พามาส่ง ที่ตนทราบภายหลังว่าเป็นผู้ที่ทำร้ายตน จากภาพพบว่าเป็นชายใส่หมวกปิดบังใบหน้า แต่เมื่อเข้ามาในโรงพยาบาล ก็มีช่วงที่ถอดหมวกออก และเห็นใบหน้าชัดเจน คาดว่าเมื่อได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล ก็จะทำให้ทราบตัวคนที่ทำร้ายตนว่าเป็นใคร
ทั้งนี้ อาการขณะนี้ ยังเจ็บที่ศีรษะ แต่น้อยลงแล้ว แต่ยังมีปวดแขนและรู้สึกชาบ้าง แขนข้างขวายังยกไม่ขึ้น ซึ่งในวันที่ 25 ก.ย. นี้ แพทย์ได้นัดดูอาการที่แขน ตรวจกระดูกว่าต่อกันแล้วหรือไม่ หากต่อกันแล้ว อาจจะมีการแกะแม็คออก นอกจากนี้ จะมีการตรวจเส้นประสาทที่ต้นแขนขวาว่าได้รับผลกระทบด้วยหรือไม่
นายแมน ยอมรับว่า ภายหลังบาดเจ็บ ตนก็ไม่ได้ทำงาน เนื่องจากปกติจะทำงานฟรีแลนซ์ โดยซื้อรถจักรยานยนต์เก่านำมาประกอบใหม่ขาย มีรายได้เดือนละประมาณ 10,000 บาท แต่เมื่อแขนเจ็บจึงไม่สามารถจับอุปกรณ์หรือเครื่องมือได้ ทำให้ขาดรายได้ อย่างไรก็ตาม ตนจะรอดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยหากสามารถจับคนที่ทำร้ายตนได้ก็คงจะดี
นายโอโซน มีพัฒน์ อายุ 18 ปี อาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยร่มไทรที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ช่วงกลางดึกวันที่เกิดเหตุ (4 ก.ย. 61) ตนขับรถจากมูลนิธิฯ จะกลับบ้าน ผ่านซอยรามอินทรา 107 เห็นชายนั่งอยู่บนฟุตปาธ แล้วมีกลุ่มคนห้อมล้อม ทำให้คาดว่าน่าจะมีเหตุเกิดขึ้น จึงวนรถกลับมาอีกครั้ง จากนั้นตนจึงเดินเข้าไปถามว่า “มีอะไรกันเหรอพี่” แต่ชายที่ล้อมคนเจ็บ ตอบว่า “เป็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่” โดยลักษณะท่าทาง และการแต่งกายคล้ายตำรวจชุดสายสืบ เมื่อตนถามว่า "คนเจ็บเป็นอะไรมา" กลุ่มชายคล้ายตำรวจจึงตอบว่า "คนเจ็บสะดุดล้ม และให้ช่วยเรียกรถมูลนิธิมารับ" โดยไม่ได้บอกว่ามาจากหน่วยงานใด แต่มีบางคนใส่เสื้อกั๊กตำรวจ ที่มีข้อความระบุกลางอกเสื้อว่า “สืบ 1”
นายโอโซน กล่าวต่อว่า ขณะที่ตนเห็นเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ได้มีการปฐมพยาบาลแผลที่ศีรษะคนเจ็บเบื้องต้นแล้ว โดยได้นำสำลีและผ้าก๊อซปิดไว้ ทำให้ตนไม่เห็นบาดแผลภายในว่ามีลักษณะอย่างไร เพียงแต่เห็นว่ามีเลือดออกเยอะ แผลน่าจะลึก แต่เมื่อตำรวจบอกว่าผู้บาดเจ็บวิ่งมาสะดุดล้ม ตนก็ไม่แปลกใจ เพราะที่ทางเท้าก็มีเศษผมของผู้บาดเจ็บติดอยู่
ทั้งนี้ ขณะที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไม่ได้บอกตนว่ามาจับกุมคดีใด แต่คาดว่าเป็นการจับยาเสพติด เพราะหลังจากที่ตนมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมตัวเพื่อนผู้บาดเจ็บที่หลบหนีไปในตอนแรกได้ โดยใส่กุญแจมือ จากนั้นก็มีการพูดกับผู้ที่ถูกจับกุม ลักษณะคล้ายกับจะขู่ว่า “ของมันเยอะ มึงไม่รอดแน่ ติดตลอดแน่” แต่ตนไม่ได้เห็นของกลาง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ตนนำผู้บาดเจ็บขึ้นรถมูลนิธิกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลนั้น ไม่มีตำรวจตามมา ซึ่งตนยอมรับว่าแปลก เพราะก่อนหน้านี้ตำรวจยังวิ่งไล่จับผู้บาดเจ็บอยู่ โดยขณะที่ตนอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นตำรวจชุดดังกล่าวเลย
นอกจากนี้ จุดที่ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย คือ สโรชา แน่นอุดร ลูกของพ่อค้าส้มตำ และบอส อ้างว่าถูกควบคุมตัวมาที่ บริเวณร้านค้า ที่ บก.น.1 ก่อนจะถูกรีดทรัพย์ และมีการทำร้ายร่างกายนายบอส
ขณะที่ภายในตึก บริเวณบันไดทางขึ้น มีผู้เสียหายประกอบไปด้วย นายจาตุรงค์ แน่นอุดร นำเงินมาประกันตัวพ่อ 50,000 บาท, ทอง นำเงินมาประกันตัวลูกชาย 200,000 บาท, สมร นำเงินมาประกันตัวลูกชาย 40,000 บาท, นายธนา นำเงินมาประกันตัวลูกชาย 30,000 บาท และนายบอส ญาตินำเงินมาประกันตัว 20,000 บาท โดยให้ข้อมูลตรงกันว่า จุดนี้มีการเจรจาต่อรองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มดังกล่าว โดยตำรวจให้นำเงินมาส่งให้ ซึ่งบริเวณจุดนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด
โดยจุดถัดมาคือ ชั้น 2 ของตึก ที่นายศักดิ์ชัย พ่อค้าส้มตำ ระบุว่าถูกคุมตัวมาเพื่อเรียกเงิน จำนวน 50,000 บาท และให้รอเพื่อรับการปล่อยตัว หลังจากที่มีการนำเงินมาส่งให้กับตำรวจกลุ่มดังกล่าวแล้ว
ถัดมาจากชั้น 2 เป็นทางเชื่อม เป็นห้องสืบบก.น.1 โดยมีผู้เสียหาย 3 คน คือ ลูกชายของนายทอง, ลูกชายของสมร และนายศักดิ์ชัย แน่นอุดร ถูกควบคุมตัวไว้ที่ห้องดังกล่าว เพื่อรอให้ญาตินำเงินมาประกันตัว