กรณีเมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 26 ก.ค. 64 ร.ต.อ.วิรัตน์ มาศโอสถ รองสว.(สอบสวน) สภ.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ รับแจ้งจาก นายตาเหยบ พลพัง อายุ 60 ปี ชาวประมงพื้นบ้าน พบศพชายลอยอยู่กลางทะเล บริเวณใกล้กับเกาะกุหรง หมู่ 4 บ้านบ่อม่วง ต.ทรายขาว
สภาพศพลอยคว่ำหน้าอยู่ในทะเล สวมเสื้อลายทหารแขนยาว กางเกงสนามขายาวสีน้ำตาล เท้าขวามีรองเท้าผ้าใบสีดำ เท้าซ้ายไม่พบรองเท้า สภาพศพขึ้นอืด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 วัน จึงประสานให้ทหารเรือภาค 3 ประจำเกาะลันตา นำศพมาขึ้นที่ท่าเรือบ้านบ่อม่วง
คาดว่าเป็นศพของนายอูหมาด หวามาก อายุ 55 ปี ที่หายไปจากบ้านในพื้นที่ หมู่ 4 ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา จึงประสานให้ น.ส.สุพัตรา หวามาก อายุ 26 ปี ลูกสาวนายอูหมาด พร้อมกับนางบุหลัน กำกิจ อายุ 50 ปี ภรรยา มาดูศพเพื่อยืนยัน ญาติยืนยันว่าเป็นศพนายอูหมาดจริง
โดยตำรวจนำศพส่งไปตรวจพิสูจน์หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่แผนกนิติเวช รพ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากญาติติดใจสาเหตุการตาย อาจจะถูกฆาตกรรมโดยมีปมเหตุมาจากเรื่องหนี้สินหรือไม่นั้น
ล่าสุด วันที่ 27 ก.ค. 64 น.ส.สุพัตรา หวามาก อายุ 26 ปี ลูกสาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า ที่ต้องนำศพของพ่อมาชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.สุราษฎร์ธานี อีกครั้ง เพราะว่าทางครอบครัวติดใจการตาย เชื่อว่าต้องมีใครลงมือฆ่าพ่อแล้วก็นำศพไปทิ้งในทะเล
เนื่องจากสภาพศพของพ่อมีร่องรอยการถูกทุบที่บริเวณศีรษะ และรอยถูกมัดที่เท้า
ส่วนปมเหตุคาดว่าน่าจะเกิดมาจากเรื่องหนี้สินที่พ่อไปกู้ยืมคนอื่นมา ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตนเคยนำเงินไปปิดหนี้ให้กับพ่อมาครั้งหนึ่งแล้ว เป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท ให้กับกลุ่มเงินกู้เซลส์หมวกกันน็อกใน จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากที่ตนปิดหนี้ให้พ่อไปแล้ว ก็จะพยามเตือนพ่ออยู่ตลอดว่าให้พ่อเบาเรื่องกู้หนี้ยืมสิน และเรื่องเล่นการพนัน แต่พ่อก็บอกแต่ว่าเงินที่กู้มาเอามาหมุนในธุรกิจที่บ้าน โดยพักหลัง ก่อนที่พ่อจะหายตัวออกจากบ้าน เวลาพ่อโทรมาหาก็จะถามหาแต่พี่ชาย แล้วก็บอกว่า "ถ้าพ่อหายตัวไปคือพ่อโดนลักพาตัว พ่อไม่ฆ่าตัวตายแน่นอน คนอย่างพ่อไม่เคยคิดสั้นฆ่าตัวตาย"
สำหรับตนตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ตนได้คุยกับพ่อครั้งสุดท้าย พ่อพูดเหมือนจะสั่งเสียก่อนที่จะหายตัวไปว่า "ที่ผ่านมาพ่อขอโทษ ขอโทษที่ทำให้ครอบครัวพัง ขอโทษที่ต้องทำให้ลูก ๆ และครอบครัวต้องมาแบกรับภาระของพ่อ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อก่อไว้พ่อไม่อยากให้เกิดขึ้น พ่อพยายามแก้ไขแล้ว ยกโทษให้พ่อด้วย ไม่ว่าพ่อจะตายที่ไหนขอให้ลูกนำศพของพ่อไปฝั่งที่กุโบร์ใกล้บ้านเกิดของพ่อด้วย" อย่างไรก็ตาม ครอบครัวเชื่อว่าพ่อถูกอุ้มไปฆ่าทิ้งทะเลปมหนี้สินแน่นอน เชื่อว่าพ่อไม่มีทางฆ่าตัวตาย
ด้านนายธเนศ หวามาก อายุ 31 ปี ลูกชายของผู้ตาย บอกว่า ตนตัดสินใจโพสต์เฟซบุ๊กตามหาพ่อ และให้เพื่อนบ้านช่วยตามหาพ่อกับแม่จะอยู่ที่บ้านในจังหวัดกระบี่กัน 2 คน ส่วนตนกับน้องสาวจะทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ก็จะติดต่อกันตลอด ที่ผ่านมาตนกับพ่อจะไม่ค่อยได้พูดจาอะไรกัน เพราะว่าพ่อไม่ค่อยจะกล้าสู้หน้าตน ส่วนเหตุผลไม่ขอบอกว่าเรื่องอะไร แต่ถ้าหากตนอยากรู้เรื่องของพ่อก็จะโทรไปถามกับแม่แล้วก็รู้จากน้องสาวบ้าง เพราะหากว่าพ่อมีอะไรก็จะฝากบอกมากับน้องสาว
ซึ่งวันที่โพสต์เฟซบุ๊กประกาศตามหาพ่อ ยังไม่ได้เอะใจ แต่มาเอะใจคืนวันถัดมาก็คือวันที่ 23 ก.ค. 64 พ่อมาเข้าฝัน ในฝันเห็นพ่อแต่งชุดเหมือนกับวันที่พ่อหายตัวไป พ่อมายืนที่ตรงหน้าในห้องนอนแล้วก็บอกว่า "พ่อขอโทษนะลูก พ่อขอโทษนะลูก" ยืนบอกอยู่แบบนี้ จนตนตื่นจากฝัน จึงคิดว่าพ่ออาจจะมาบอกลาหรือมาบอกอะไรกับตนสักอย่าง
ส่วนผลชันสูตรศพพ่อที่ออกมาว่าไม่พบน้ำและทรายที่ปอดของพ่อแล้วก็ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย สวนทางกันกับที่ทางแพทย์ลงความเห็นสันนิษฐานว่าพ่อจมน้ำตาย ส่วนตัวคิดว่าถ้าพ่อจมน้ำตาย ต้องมีน้ำกับทรายอยู่ในปอดของพ่อบ้าง ตนมั่นใจว่าพ่อไม่มีทางฆ่าตัวตายแน่นอน ถ้าพ่อได้ยินอยู่ก็อยากจะบอกว่าไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว หลังจากนี้ผมจะดูแลแม่กับน้องและคนในครอบครัวต่อเอง ขอให้พ่อไปสู่ภพภูมิที่ดี
ขณะเดียวกัน ลูกชายและลูกสาวได้นำศพของนายอูหมาดมาถึงที่กุโบร์ มัสยิดบ้านนาทุ่งกลาง หมู่ 6 ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ในเวลา 14.00 น. บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติและคนในหมู่บ้านเดินทางมาร่วมพิธีฝังศพตามศาสนาอิสลาม เมื่อศพถูกนำลงจากรถ น้าของผู้ตายก็ร้องไห้ไม่หยุด ญาติต้องช่วยกันหามออกจากจุดที่ทำพิธีฝังศพ
จากนั้น มีการทำพิธีทางศาสนา โดยการนำทรายที่เตรียมมาไปปิดที่หน้าของผู้ตายโดยไม่ได้แกะผ้าห่อศพออก ซึ่งเป็นความเชื่อของทางศาสนาอิสลามว่าจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากร่างและวิญญาณของผู้ตาย ต่อมาเวลา 14.10 น. ชาวบ้านก็ช่วยกันนำร่างผู้ตายลงไปในหลุมฝังศพ นำไม้กระดานมาปิดทับที่ศพก่อนนะนำดินลงไปฝังศพของผู้ตาย หลังจากฝังศพผู้ตายเสร็จแล้ว ก่อนจะทำพิธีลูกชายและลูกสาวผู้ตายก็ได้มีการมากวาดหน้าดินฝังศพของพ่ออีกครั้ง ก่อนจะมีพิธีสวดตามศาสนาอิสลาม
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พร้อมตำรวจชุดสืบสวน จ.กระบี่ ลงพื้นที่มาที่บ้านของผู้ตายอีกครั้ง และได้มีการตรวจค้นหาหลักฐาน ร่องรอยลายนิ้วมือแฝง และสิ่งของที่อยู่ในรถของผู้ตาย เพื่อนำไปประกอบเป็นวัตถุพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อแกะรอยตามหาตัวคนร้าย จากการสอบถามภรรยาของผู้ตาย ให้ข้อมูลว่ารถกระบะคันนี้ เป็นรถที่ผู้ตายได้เคยนำไปจำนำ กับนายทุนคนหนึ่งใน จ.กระบี่ เพื่อจะหาลายนิ้วมือว่าใครเคยใช้รถคันนี้ ระหว่างที่สามีนำไปจำนำกับนายทุนคนดังกล่าว ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร เพราะว่าตัวสามีไม่เคยบอกว่าเอานำคันนี้ไปจำนำกับใคร
น.ส.บุหลัน กำกิจ อายุ 50 ปี ภรรยาของผู้ตาย กล่าวว่า วันที่สามีหายออกจากบ้าน 22 ก.ค.64 ตอนนั้นประมาณ 19.00 น. กว่าๆ ตนอยู่กับสามีที่บ้าน 2 คน ช่วงเวลาที่สามีหายออกไปจากบ้านเป็นช่วงเวลาที่ตนกำลังอาบน้ำซักผ้าอยู่ในห้องน้ำ ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำประมาณ 30 นาที พอออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เจอสามีแล้ว เดินไปดูที่หน้าบ้านก็เห็นรถที่สามีใช้ประจำจอดอยู่หน้าบ้าน ตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจ คิดว่าสามีคงจะออกไปทำธุระ เดี๋ยวก็คงจะกลับมา ตนก็รออยู่ที่บ้านจนถึงเที่ยงคืน แต่สามีก็ไม่กลับบ้าน ตนก็เลยโทรไปตามสามี แต่ก็โทรไม่ติดทั้ง 2 เบอร์ และขาดการติดต่อไป
เช้ามาเห็นท่าไม่ดี เพราะสามีเวลาจะไปไหนก็จะบอกตลอด แต่ครั้งนี้ไม่ได้บอก จากนั้นตนก็ปรึกษาผู้ใหญ่บ้านแล้วก็ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เกาะกลาง กระทั่งเมื่อวานชาวบ้านแจ้งว่าพบศพสามีลอยน้ำอยู่กลางทะเล ตนก็ตกใจ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าจะใช่สามีหรือไม่ จึงโทรบอกให้ลูกสาวพาไปดูศพที่ชายฝั่ง ลูกสาวไปเห็นก็บอกว่าใช่ แต่ตนไม่กล้าเดินเข้าไปดู เพราะรับไม่ได้หากเป็นศพของสามีจริง
หลังจากนั้น ลูกสาวก็นำศพของสามีไปชันสูตรที่นิติเวช รพ.สุราษฎร์ธานี ตนไม่เชื่อว่าสามีจะฆ่าตัวตาย โดยการกระโดดน้ำแน่นอน เพราะว่าสามีเป็นคนกลัวน้ำ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะมีใครมารับสามีที่บ้านแล้วก็หลอกพาไปฆ่าทิ้งลงทะเล ก่อนหน้านี้สามีก็มีบ่นให้ฟังบ้างว่าเครียด แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเครียดเรื่องอะไร แล้วก็บอกว่า "ไม่ต้องห่วงนะ ถึงจะเครียดยังไงก็ไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย"
ส่วนเรื่องที่สามีติดการพนัน ยอมรับว่าครอบครัวรู้ และเคยห้ามเคยบอกแล้ว แต่สามีก็ไม่ฟัง ลูก ๆ ต้องหาเงินไปตามใช้หนี้ให้ตลอด เพราะว่าพวกเงินกู้หมวกกันน็อกเคยมาตามที่บ้าน แต่มาพักหลังสามีก็เบาลง แล้วก็ไม่มีใครมาตามที่บ้านได้ 5-6 เดือนแล้ว ส่วนเรื่องส่วนตัวสามีก็ไม่เคยทะเลาะกับใคร ที่ตำรวจมุ่งประเด็นมาที่เรื่องชู้สาว ตนยืนยันว่าสามีไม่มีพฤติกรรมแบบนั้น สามีเป็นคนรักครอบครัว
นายวิทยา ทำสวน อายุ 52 ปี ชาวประมงที่พบศพ เล่าว่า วันที่ออกเรือไปพบศพเป็นช่วงประมาณ 19.00 น. กว่า ๆ ของคืนวันที่ 25 ก.ค.64 ตนก็ลงเรือออกหาปลากับภรรยาตามปกติ ออกเรือไปได้ประมาณ 1 กิโลเมตร พบเหมือนวัตถุลอยอยู่ที่กลางทะเล ตนกับภรรยาจึงขยับเรือเข้าไปใกล้ ๆ ก็พบศพที่ลอยคว่ำหน้าอยู่ แต่ไม่ได้ตกใจอะไรนัก เพราะว่าตนกับภรรยาเจอศพลอยที่กลางทะเลแบบนี้บ่อย แล้วก็ไม่กลัวผีด้วย
หลังจากนั้น ก็ได้พูดคุยกับภรรยากลับเข้าฝั่งแล้วไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านให้มานำศพขึ้นฝั่ง เพราะว่าตอนนี้ภรรยามีอาการป่วยอยู่ ซึ่งคิดในตอนนั้นว่าหากไปยุ่งเกี่ยวกับศพ อาจจะทำให้ภรรยาป่วยหนักกว่าเดิมตามความเชื่อส่วนตัว
ขณะที่ตนกับภรรยากลับเข้ามาที่ฝั่ง ก็ได้แจ้งกับทางผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นผู้ใหญ่บ้านกับชาวบ้านก็ออกเรือไปหาศพตรงจุดที่ตนกับภรรยาพบศพดังกล่าว แต่พอออกไปถึงจุดนั้นปรากฏว่าศพหายไปจากจุดนั้นแล้ว หากันอยู่ 2-3 ชั่วโมงก็ไม่พบศพ