บุกค้นยึดเสื้อชายปริศนาจ่อปิดคดีฆ่าสาวเปลือย ผัวคาดเมียเจอใครบางคนก่อนตาย (คลิป)

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพ น.ส.วราพร อิ่มอาหาร อายุ 40 ปี สาวสวยพนักงานโรงงานแห่งหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกคนร้ายใช้เสื้อผ้ารัดคอ ใช้ของแข็งทุบที่ศีรษะจนเสียชีวิต แล้วนำร่างทิ้งลงในคลองบางพระครู หมู่ 3 ต.ตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา และคนร้ายได้เผาเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตเพื่อทำลายหลักฐาน

ส่วนความคืบหน้าทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวคนก่อเหตุแกะรอยจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ร่างของน.ส.วราพร ได้มีพิธีฌาปนกิจศพไปแล้ว โดยพบว่าร่างของผู้เสียชีวิตติดโควิด-19 จึงได้ฌาปนกิจอย่างเร่งด่วน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 1 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นจุดที่พบร่างของผู้เสียชีวิตอีกครั้ง พบว่าชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานเพิ่มเติม และสอบปากคำบุคคลต้องสงสัยในละแวกจุดเกิดเหตุ ซึ่งทีมสืบสวน ได้มีการเก็บเอาหลักฐานบางอย่าง อาทิ เสื้อผ้า ของบ้านที่อยู่ในรัศมีจุดเกิดเหตุ 1 หลัง ไปดำเนินการตรวจสอบ เพื่อเชื่อมโยงเกี่ยวกับบุคคลต้องสงสัย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่า ทำไมถึงเก็บหลักฐานชิ้นดังกล่าวไป

หลังจากที่ทีมชุดสืบสวนเดินทางกลับออกจากบ้านหลังดังกล่าวแล้ว พบว่ามีการปิดบ้านเงียบ คนในบ้านยังไม่พร้อมให้ข้อมูลกับทีมข่าวเกี่ยวกับการเก็บหลักฐานเพิ่มเติมของชุดสืบสวน เพราะกลัวจะกระทบรูปคดี

ขณะเดียวกันความคืบหน้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด 2 จุด ซึ่งเป็นเส้นทางบริเวณด้านหน้าของเทศบาลตำบลมหาราช และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งช่วงเวลาตั้งแต่ 20.20-20.40 น. ไม่ปรากฏรถพีซีเอ็กซ์ของผู้ตายขับผ่านเส้นทางดังกล่าว และไม่พบรถกระบะต้องสงสัยที่ขับตามรถของผู้ตายตั้งแต่กล้องตัวแรก ดังนั้น ชุดสืบสวนจึงได้ขยายผล และย้อนเส้นทางอื่นที่มีความเป็นไปได้ ว่าฝ่ายหญิงอาจจะใช้เส้นทางคันนา หรือทางดิน ขับวนกลับไปที่จุดพบศพ หรือจุดพบรถมอเตอร์ไซค์ 

ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางดังกล่าว โดยพบว่ามีลักษณะเป็นถนนปูนบางช่วง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะทางลูกรัง สองข้างทางจะมีต้นไม้รกทึบ ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะบ้านพักของชาวไร่ชาวนา ไม่ใช่ทางหลักที่มักจะมีคนเดินทางสัญจร ซึ่งในตอนกลางคืนจะค่อนข้างมืด ไม่มีไฟส่องสว่าง และคนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ ก็จะเข้าบ้านก่อนช่วงเวลา 19.00 น.

แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นของชุดสืบสวน หากมีการเชื่อมโยงว่าคนตายขับรถพีซีเอ็กซ์เลี้ยวขวา ซึ่งเป็นเส้นทางกลับบ้านที่ไกลกว่าปกติ แต่ไม่ได้กลับบ้าน มีการใช้เส้นทางข้างทุ่งนา เพื่อย้อนกลับไปที่จุดพบศพ จะต้องขับรถผ่านบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ระหว่างเส้นทางลูกรัง โดยบ้านหลังดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ ชุดสืบสวนพบแสงไฟรถมอเตอร์ไซค์ปริศนาช่วงเวลาประมาณ 20.30 น. หรือมากกว่านั้น เพราะเวลากล้องวงจรปิดไม่ตรงกับเวลามาตรฐาน ขณะนี้ยังไม่คอนเฟิร์มว่ารถคันดังกล่าวจะใช่ของผู้ตายหรือไม่ เนื่องจากเห็นเพียงแค่แสงฟ้า และคาดการณ์ว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์อย่างแน่นอน แต่ไม่ชัดว่าเป็นรถของใคร มีการขับผ่านหน้าบ้านหลังดังกล่าวเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดพบศพ

ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านของสามีน.ส.วราพร โดยพบว่าวันนี้ทีมข่าวได้รับการประสานงานจากสาธารณสุข และทีมผู้นำชุมชน ขอให้ไม่เข้าไปสัมภาษณ์บุคคลที่อยู่ระหว่างการกักตัว เพื่อดูอาการเกี่ยวกับโรค โควิด-19 โดยขอให้มีการสัมภาษณ์หรือขอข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (2 ส.ค.64) จะให้ทางครอบครัวของผู้ตายไปตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 

นายวิษณุ อิ่มอาหาร สามีของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนอยู่ระหว่างการกักตัว ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพวงจรปิดล่าสุดบริเวณสามแยก ซึ่งเลยจากจุดประสบอุบัติเหตุของรถมอเตอร์ไซค์ พบเบาะแสผู้ตายขับรถเลี้ยวขวา ซึ่งเป็นเส้นทางกลับบ้านได้ แต่จะมีระยะทางที่มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนตัวมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ภรรยาจะขับรถเลี้ยวขวาไปทางดังกล่าว เนื่องจากสามารถไปทำธุระซื้อนมหรือซื้อวัตถุดิบเพื่อมาทำขนมขายในโรงงาน เพราะโดยส่วนใหญ่ภรรยาก็จะใช้เส้นทางดังกล่าวเพื่อไปร้านสะดวกซื้อ หรือเวลาที่ลูกหิวนมก็จะแวะซื้อนมให้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ยกเว้นว่าในวันดังกล่าว เป็นช่วงเวลาหลัง 20.00 น. และร้านสะดวกซื้อปิดแล้ว เนื่องจากปิดก่อนช่วงเคอร์ฟิว แต่ภรรยาอาจเลี้ยวขวาเพื่อไปนัดพบใครบางคน ตามที่มีการนำเสนอข่าว หรือมีคนเรียกให้ไปเคลียร์ใจกันบางเรื่อง ตนก็มองว่าทุกอย่างมีความเป็นไปได้ทั้งหมด แต่ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ หรือหากทีมข่าวมีข้อมูลอะไรที่ชัดเจน ตนก็อยากให้ช่วยในด้านการทำงานของเจ้าหน้าที่ อย่างน้อยทุกอย่างก็จะได้คลี่คลาย

ในวันนี้ตนได้มีโอกาสเปิดดูคลิปข่าวของอมรินทร์ ทีวี ยอมรับว่ามีบางคอมเมนต์ที่อ่านแล้วรู้สึกไม่สบาย ที่มีการกล่าวหาว่าตนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของภรรยา ส่วนตัวยังคงยืนยันว่าที่ตนไม่ร้องไห้หรือไม่เสียใจออกสื่อ ก็ไม่ใช่หมายความว่าตนไม่เสียใจ ทุกอย่างมีขอบเขต ตนก็ต้องเป็นเสาหลักให้กับลูก ซึ่งทุกวันนี้หากจะเอาแต่ร้องไห้ ลูกก็จะถาม ดังนั้นก็ต้องมีสติหรือช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่สำหรับกลุ่มคนที่กล่าวหาตน วันนี้ก็ถือว่าจะยอมให้อภัยก่อน แต่หากวันหนึ่งทุกอย่างปรากฏแล้ว หรือแม้แต่จับผู้ต้องหาได้แล้ว คนที่โจมตีหรือคอมเมนต์เสียหาย ก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง เพราะถือว่าเป็นการใส่ความคนอื่น

นายวิษณุ ยังเผยอีกว่า ในวันที่ภรรยาขาดการติดต่อ ตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ตนก็ทั้งส่งข้อความไปในเฟซบุ๊ก และยังมีการโทรศัพท์เข้าไปหาในเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว ซึ่งก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากที่หายตัวไป และเวลากล้องวงจรปิดที่มีการนำเสนอข่าว ยืนยันช่วงเวลาประมาณ 20.28 - 20.30 น. ซึ่งเป็นกล้องวงจรปิดตัวสุดท้ายที่เห็นเบาะแสภรรยาขับรถเลี้ยวขวา ตนก็นึกขึ้นได้ว่าในวันดังกล่าว ช่วงเวลาประมาณ 20.48 น. เฟซบุ๊กของผู้ตายยังขึ้นสถานะสีเขียว เหมือนคนกำลังใช้งาน แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับ

จากนั้นเวลา 21.12 น. หลังจากที่ตนพยายามติดต่อไปหาหลายสาย พบว่ามีข้อความส่งกลับมาว่า สามารถติดต่อได้แล้ว แต่สุดท้ายเมื่อโทรกลับก็พบว่าปิดเครื่องเหมือนเดิม ดังนั้นตนจึงตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดตอนสุดท้าย อาจมีการเปิดเครื่องหรือใช้งาน แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงติดต่อไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจออกตามหาตั้งแต่ได้รับ SMS

ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับน.ส.ชมพู (นามสมมติ) เพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิต ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงของการกักตัวตามมาตรการของหน่วยงานภาครัฐ หลังจากที่เดินทางไปร่วมงานศพ กล่าวว่า ในฐานะเพื่อนร่วมงาน ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปี ตนเคยอาศัยรถของผู้ตายเดินทางกลับบ้าน แต่ช่วงนั้นจำได้ว่ายังเป็นรถกระบะสีขาวคันเก่า โดยมีนายวิษณุ สามีผู้ตายเป็นคนขับ ตนอาศัยกลับบ้านเพราะเป็นเส้นทางผ่าน จึงได้ขอติดรถมาลงที่กลางหมู่บ้าน แต่ช่วงนั้นนายวิษณุ และน.ส.วราพร ก็ยังใช้รถคันเดียวกัน และไม่ได้มีปัญหาที่จะทำให้ถูกฆ่าตายแต่อย่างใด

กระทั่งช่วงระยะหลัง น.ส.วราพร ได้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ในการเดินทางจากโรงงานไปกลับบ้าน แต่ช่วงที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ จะมีบางครั้งที่ตนติดรถไปด้วย แต่ก็ไม่บ่อยครั้ง ซึ่งในวันนั้นตนปฏิเสธไม่กลับพร้อมน.ส.วราพร เพราะรอแฟนหนุ่มเลิกงาน แต่ในช่วงนั้นตนจะเป็นคนที่เลิกงานก่อนใคร และมานั่งเล่นรอแฟนอยู่ที่หน้าโรงงาน ก็ไม่ทันได้สังเกตว่ามีรถปริศนามาจอดรอ หรือสะกดรอยคนตายหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่รถจะมาจอดรอรับคนหลายคัน จึงแยกไม่ออกว่ารถใครเป็นใคร

ดังนั้น จึงตอบยากว่า น.ส.วราพร ขี่รถออกนอกเส้นทางในวันเกิดเหตุหรือไม่ และส่วนตัวแม้ว่าจะ รู้จักกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นจะรู้ว่ามีเรื่องส่วนตัวอะไรเกิดขึ้นบ้างก่อนที่จะพบเป็นศพ เพราะมารู้อีกทีก็เจอแต่รถเกิดเหตุอยู่ที่สามแยก ตอนนั้นไม่เจอร่าง ก็เลยไม่รู้ว่า น.ส.วราพร เสียชีวิต