กรณีพบศพหญิงสาวนิรนามอายุประมาณ 30-40 ปี ถูกฆ่าโหดมัดมือห่อศพทิ้งหมกพงหญ้าข้างถนนสายนาไคร้-มุกดาหาร บริเวณบ้านขุมขี้ยาง ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าถูกฆ่าเสียชีวิตมาจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้งอำพรางคดี
ล่าสุด วันที่ 5 ส.ค. 64 เมื่อเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ชุดสืบสวน สภ.กุฉินารายณ์ ชุดสืบสวนสภ.หนองสูง และชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 พบตัวนายรณรัฐ โพธิผล อายุ 50 ปี หรือ เอิร์ท ตำแหน่งเจ้าพนักงานสัตวบาลสำนักงานปศุสัตว์อำเภอหนองสูง จ.มุกดาหาร และเป็นสามีผู้เสียชีวิต ขณะกำลังขับรถเก๋งมาล้างบริเวณหน้า สภ.หนองสูง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมไว้
เบื้องต้น นายรณรัฐ รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุฆ่านางสาววาสนา ภรรยาจริง ก่อนเกิดเหตุมีปากเสียงกันกับวาสนาในรถเก๋งสีขาว และลงมือก่อเหตุที่จุดเกิดเหตุ เวลา 13.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาผู้ต้องหา ไปหาหลักฐานเพิ่มเติม เช่น เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ ที่บ้านเช่าหลังใหม่ของผู้ต้องหา ในพื้นที่ ต.หนองสูง อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร
โดยมีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอในรถเก๋งของผู้ต้องหา เพื่อเอาหลักฐานไปตรวจสอบต่อไป ใช้เวลาค้นหาหลักฐานที่บ้านเช่าหลังใหม่ประมาณ 2 ชั่วโมง โดยระหว่างเจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหามาชี้จุดที่บ้านเช่าหลังใหม่ มีนางอุดร เบ็ญมาศ น้าของผู้เสียชีวิต ติดตามดูบรรยากาศที่จุดดังกล่าว
เวลา 15.30 น. พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ และ พ.ต.อ.วิทยา เย็นจิตร รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้สอบปากคำผู้ต้องหา ในห้องสืบสวน สภ.หนองสูง
โดยผู้ต้องหาได้ให้การณ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า แท้ที่จริงแล้วไม่ได้ก่อเหตุอยู่ที่พบศพผู้ตาย โดยวันเกิดเหตุ 30 ก.ค. 64 เวลา 18.00 น. ตัวเองได้นั่งดื่มกินเหล้ากับนางสาววาสนา ผู้ตาย ที่บ้านคำชะอี ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร จากนั้นก็เกิดมีปากเสียงกัน เรื่องที่ผู้ตายหึงหวงตัวเอง ผู้ตายได้ใช้มือมาตบเข้าที่ใบหน้าตัวเอง 1 ครั้ง และด่าบุพการีตัวเอง เตะตามเนื้อตัวผู้ตาย และขึ้นคร่อมร่างของผู้ตาย จากนั้นก็ทำการบีบคอผู้ตายจนผู้ตายนอนแน่นิ่ง
พอผู้ตายนอนแน่นิ่ง ตัวเองได้ไปหาตะปู 1 ดอก และใช้ค้อนตอกตะปู ตอกเข้าที่ขมับด้านซ้ายของผู้ตายเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ตายเสียชีวิตแล้วจริง ๆ จากนั้นก็ทำการพันธนาการ และห่อผู้ตายด้วยผ้าห่ม นำใส่ด้านหลังรถเก๋งไปทิ้งที่จุดเกิดเหตุ บริเวณพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นตัวเองก็ขับรถกลับมาหาเพื่อนในพื้นที่ อ.หนองสูง เพื่อดื่มเหล้าด้วยกัน
ต่อมาเวลา 05.00 น. ของวันที่ 31 ก.ค.ตัวเองได้ขับที่ทิ้งศพอีกครั้ง เพื่อไปดูว่ามีคนมาเจอศพแล้วหรือยัง จากนั้นตัวเองก็ขับรถเก๋งเอาโทรศัพท์ และบัตรประจำตัวของคนตายไปเผาทิ้งในพื้นที่ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุทำไปเพราะทะเลาะวิวาทกับอดีตภรรยาที่มีเรื่องหึงหวงกัน
เวลา 15.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พาผู้ต้องหาไปชี้จุด และค้นหาหลักฐานที่บ้านหลังเกิดเหตุ ในท้องที่บ้านคำชะอี ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นบ้านหลังที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นบ้านหลังที่ลงมือก่อเหตุ ก่อนนำศพผู้ตายไปทิ้งอำพราง
บ้านหลังดังกล่าวลักษณะเป็นบ้านสองขั้น มีรั้วรอบขอบชิด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พาผู้ต้องหาไปชี้จุดที่เกิดเหตุในบ้าน พร้อมมีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บคราบดีเอ็นเอ และตรวจหลักฐานอื่น ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ผู้ก่อเหตุและผู้ตายซื้อไว้อยู่ด้วยกัน ประมาณ 2 เดือน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะฆ่าผู้ตายในวันที่ 30 ก.ค. และย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปเช่าบ้านหลังใหม่ ในพื้นที่ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจหาหลักฐานที่บ้านหลังเกิดเหตุประมาณ 1.5 ชั่วโมง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พาผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ทำการเผาโทรศัพท์ และบัตรประชาชนของผู้ตายหลังก่อเหตุที่ ต.โนนยาง อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพาผู้ต้องหาไปชี้จุดที่จุดทิ้งศพที่บริเวณป่าข้างทาง ถนนสมเด็จ-มุกดาหาร ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
โดยจุดนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายเอิร์ทว่า ที่ตอกตะปูตรงขมับด้านซ้ายของผู้ตายเป็นการสะกดวิญญาณหรือไม่ นายเอิร์ทไม่ไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนจะเดินไปขึ้นรถกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่ผู้ต้องหามาชี้จุดทิ้งศพ มีพ่อ น้า และหลานสาวผู้ตายมาดูเหตกาณร์ในครั้งนี้ด้วย นางอุดร เบ็ญมาศ น้าคนตาย กล่าวว่า กรณีที่ผู้ก่อเหตุตอกตะปูที่ขมับของหลานสาว ตัวเองคาดว่าเขาน่าจะมีความเชื่เรื่องการสะกดวิญญาณ และตัวเองก็คิดว่านายเอิร์ทน่าจะมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เพราะเขาฆ่าหลานสาวแล้วอาจกลัวหลานสาวมาหลอกหลอน หลังจากนี้ตัวเองจะมีการนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณ และเชิญวิญญาณหลานสาวกลับบ้าน
เวลา 17.50 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดรถเก๋ง คันที่นำศพผู้ตายไปทิ้งในวันก่อเหตุ เป็นรถเก๋งโตโยต้า โคโรลล่า อัลติสสีขาว โดยรถคันดังกล่าวผู้ต้องหาได้ทำการเอาไปล้างหลังก่อเหตุแล้ว ทำให้ไม่หลงเหลือคราบเลือด มีเจ้าหน้าที่หาหลักฐาน ตรวจสอบดีเอ็นเอ และคราบเลือด
จากการสังเกตพบว่าบริเวณฝาท้ายรถเก๋งคันดังกล่าว เป็นจุดที่วางศพผู้ตายนั้นมีการติดพระเครื่อง 2 องค์ ด้านซ้ายคือพระมหาธาตุแก่นนคร ด้านขวาติดพระสีวลี เถระ และในเบาะด้านหลังรถคันดังกล่าว ยังมีการพกยันต์สิงห์ไว้อีกด้วย
ขณะผู้ต้องหาให้การกับ มีนายจำเนียร หาหลัก พ่อคนตาย, นางอุดร เบ็ญมาก น้าคนตาย และหลานสาวคนตาย มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภ.หนองสูง โดย นายจำเนียร หาหลัก พ่อของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับนางสาววาสนา ลูกสาวของตัวเองคบหากับผู้ก่อเหตุได้ประมาณ 1 ปีกว่า ตลอดเวลาที่ลูกสาวคบหากับนายเอิร์ท ก็จะถูกนายเอิร์ททำร้ายร่างกายด้วยการตบตีเป็นประจำ เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว นายเอิร์ทได้ทำร้ายร่างกายลูกสาวจนลูกสาวบาดเจ็บ ลูกสาวได้โทรศัพท์มาบอกตัวเองว่า "มาเก็บลูกสาวไปด้วย" ตัวเองถือว่านายเอิร์ทเป็นคนที่มีพฤติกรรมรุนแรงมาก ยังเคยขู่ว่าจะฆ่าครอบครัวตัวเองล้างโคตรอีกด้วย ทำให้ลูกสาวได้เลิกรากับนาเอิร์ท ได้ประมาณ 2 เดือน
ทั้งนี้ 2 วันก่อน ตัวเองได้ดูข่าวสาวถูกฆ่าเอาศพทิ้งอำพรางในป่าข้างทาง จ.กาฬสินธุ์ ยังรู้สึกสะเทือนใจ กระทั่งวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เอาภาพถ่ายสภาพศพให้ของหญิงคนดังกล่าวให้ตัวเองดู จึงจำได้ว่าเป็นลูกสาวของตัวเอง ตัวเองดูจากผ้าห่ม เสื้อของลูกสาวที่อยู่ในศพ และรอยสักลายใบกัญชาที่ข้อเท้าด้านซ้าย ทำให้ตัวเองมั่นใจว่าศพดังกล่าวคือลูกสาว ยอมรับว่าตอนนั้นตกใจมาก และคิดว่าคนที่ก่อเหตุฆ่าลูกสาวก็คงเป็นนายเอิร์ท อดีตสามี เนื่องจากก่อนหน้านี้ลูกสาวก็เคยมาระบายให้ตัวเองฟังว่า "ถ้าหนูตายไป คนที่ฆ่าก็คือนายเอิร์ท"
สำหรับครอบครัวตัวเองติดต่อลูกสาวไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. จึงได้ไปแจ้งความคนหายที่ สภ.หนองสูง จ.มุกดาหาร เหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองก็ไม่ให้อภัยคนก่อเหตุ และอยากให้เขารับโทษให้ถึงที่สุด พ่อของผู้ตายเล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้ 2 วัน ลูกชายวัย 8 ขวบ ของผู้ตาย ได้เดินเข้าไปที่ห้องของนางสาววาสนา แม่ของเขา จากนั้นหลานชายก็พูดขึ้นมากว่า "ผี ผี ผี" ตัวเองจึงคิดว่า หลานชายตัวเองน่าจะเห็นแม่ของเขาที่เสียชีวิตแล้ว
นางอุดร เบ็ญมาศ น้าของคนตาย มาที่ สภ.หนองสูง จ.มุกดาหาร กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวว่าศพที่ถูกทิ้งข้างทางเป็นหลานสาว ยอมรับว่าตัวเองเสียใจมาก เมื่อเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจนำสภาพศพที่พบในที่เกิดเหตุมาให้ตัวเองดู ตัวเองจึงจำผ้าปูที่นอน และเสื้อยืดของหลานสาวได้
ส่วนคนก่อเหตุตัวเองก็รู้จัก เพราะว่าเขาเป็นอดีตสามีของหลานสาว ที่ผ่านมาเขาจะทะเลาะกับหลานสาวเป็นประจำ แต่ตัวเองก็ไม่คิดว่าเขาจะทำได้ถึงขนาดนี้ ตอนนี้ตัวเองก็ยังไม่รู้สาเหตุที่นายเอิร์ทเขาก่อเหตุกับหลานสาวตัวเองว่ามาจากเรื่องอะไร ตัวเองอยากให้เขาได้รับเวรกรรมในสิ่งที่เขาทำ สำหรับหลานสาวตัวเองที่เสียชีวิตนั้นก็เป็นคนนิสัยดี รักครอบครัว และญาติก็เคยเตือนผู้ตายว่าช่วงนี้ดวงตก ให้ระวังตัว ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุกับหลานสาวตัวเองเร็วขนาดนี้
นายจักรพันธ์ การสมพรต หรือ แจ็ค กุมารทอง เปิดเผยว่า สำหรับการตอกตะปูที่ศพนั้น เป็นความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณ คนที่เชื่อสายเขมรส่วนมากจะอยู่แถบภาคอีสาน โดยมีการตอกตะปูนั้น หมอ อาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ จะทำการตอกจุดกลางกระหม่อมของศพ
แต่จากลักษณะการตอกที่ขมับนั้นง่ายกว่า จากนั้นพิธีก็จะมีการสวดสะกดวิญญาณ ไม่ให้สามารถไปเข้าฝันบอกใครได้ และตามหลักแล้วจะต้องตอกทั้ง 2 ข้างของศพด้วย