เมื่อวันที่ 8 ส.ค.64 เวลา 10.30 น. พ.ต.ท.นิธิ อุรารื่น สว.(สอบสวน) สภ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งจากอาสาสมัครหน่วยกู้ชีพกู้ภัย จ.สุรินทร์ จุดอ.ศรีณรงค์ ว่ามีเหตุยิงกันเสียชีวิตในเขตพื้นที่ ม.1 ต.ตรวจ อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ จึงรุดเดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พร้อมกับนายเฉลิมชัย ขุมทอง ปลัดความมั่นคงอำเภอศรีณรงค์ และนพ.อรรพล ชินวงค์ แพทย์เวรชันสูตรนิติเวช รพ.ศรีณรงค์
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อต่อมาน.ส.ฉวีวรรณ ตาเลิศ อายุ 53 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ข้าง ๆ โอ่งน้ำข้างบ้าน โดยมีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณหน้าอกด้านซ้าย 1 นัด กระสุนทะลุด้านหลัง ซึ่งอาวุธที่ใช้เป็นปืนลูกซอยยาว ส่วนผู้ก่อเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน และยืนรอมอบตัวด้วยอาการมึนเมา
นางกล่ำ กัมลา พี่สาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนนั่งอยู่ที่บ้าน กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับน.ส.ฉวีวรรณ น้องสาว หลังจากกลับมาจากใส่บาตรที่วัด และก็จะนำยาให้พ่อกินตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน จากนั้นน้องสาวก็เดินไปที่โอ่งน้ำ ตั้งใจว่าจะล้างโอ่งเพื่อเตรียมเอาไว้รองน้ำฝน ส่วนนายผล ม่วงศรี อายุ 85 ปี ซึ่งเป็นพี่เขยของน.ส.ฉวีวรรณ เดินเข้ามาด้วยอาการมึนเมา พูดจาเสียงดัง น.ส.ฉวีวรรณ จึงเตือนว่า "กินเหล้าทุกวันไม่ยอมหยุด โรคราก็ระบาดไม่รู้จักกลัว" เพราะหวังดีกับนายผล แต่นายผล กลับโมโหเสียงบ่น และก่อนหน้านี้ก็ทะเลาะ มีปากเสียงกันบ่อย
หลังจากนั้นนายผล ผู้ก่อเหตุ จึงเดินไปหยิบปืนลูกซองยาว และเดินมาจ่อยิงน.ส.ฉวีวรรณ ที่หน้าอก 1 นัด ทำให้เสียชีวิตคาที่ ตนก็ตกใจและรีบวิ่งพร้อมกับร้องตะโกนบอกญาติ ๆ ให้มาดู และพาน้องสาวไปหาหมอ แต่ก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้
นางสดสี ตาเลิศ พี่สะใภ้ กล่าวว่า ในวันที่ 3 ส.ค 64 ที่ผ่านมา น.ส.ฉวีวรรณ ในฐานะน้องสะใภ้ ขับรถมาเที่ยวเล่นที่บ้านของตน เพราะระยะทางไม่ไกลกัน แค่ประมาณ 3 กิโลเมตร และบ้านของตนก็เปิดร้านชำ เวลาไม่มีลูกค้าตนก็จะนั่งทอเสื่อกก น.ส.ฉวีวรรณ ก็มักจะแวะเวียนมาหาเสมอ ๆ และก็ยังพูดแซวเล่นด้วยว่า "ทอไว้ทำไมเสื่อกกนะ เอาไว้ห่อศพหนูเหรอ" และบอกด้วยว่า "ถ้าหนูตายให้พระสวดแค่คืนเดียวพอนะ เพราะช่วงนี้โควิตระบาด" เมื่อตนได่ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะน้องสะใภ้เป็นคนขี่เล่น ชอบพูดคุยสนุกสนาน ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์ยิงกันแบบนี้ และตนคิดว่าสิ่งที่ น.ส.ฉวีวรรณ พูดในวันนั้นอาจจะเป็นลางบอกเหตุหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่แพทย์เวรชันสูตรนิติเวช รพ.ศรีณรงค์ ได้ชันสูตรศพแล้ว จึงมอบให้ญาติ ๆ ผู้เสียชีวิต นำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีณรงค์ ได้ควบคุมตัวไปทำแผน และนำตัวไปฝากขังที่ สภ.ศรีณรงค์ เพื่อดำเนินคดีต่อไป