นายปรีดี ไชยสงค์ อายุ 70 ปี ผู้พิการตาบอด 2 ข้าง ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตัวเองกับต้นขนุนหลังบ้านเสียชีวิต เพราะเครียดที่ถูกแก๊งเก็บเงินรายวันมาขู่บังคับ ให้ไปหาเงินมาจ่ายแทนลูกสาวที่ไปกู้เงินมา แล้วหลบหน้าหลายครั้ง จนเครียดฆ่าตัวตายเหตุ เกิดเมื่อเวลา 06.00 น. ของวันที่ 8 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา
การเสียชีวิตของนายปรีดี ชาวบ้านต่างออกมาแสดงความเสียใจ และสงสาร เพราะนายปรีดีเป็นผู้พิการตาบอด ป่วยเป็นโรคเก๊าท์ กลับถูกกลุ่มเก็บเงินรายวันมาขู่ทุกวันนั้น
วันที่ 9 ส.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น อยู่ในพื้นที่ หมู่ 16 ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ จุดเกิดเหตุ เป็นต้นขนุนขนาดใหญ่สูงประมาณ 5 เมตร ปลูกอยู่หลังบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่นายปรีดีใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตัวเองปลิดชีวิต
ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดอัมพวันวิปัสนา ภายในงานถูกจัดงานฌาปนกิจศพของนายปรีดี มีญาติเดินทางทาร่วมแสดงความแสดงความเสียใจ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ โดยเฉพาะนางสาวพยุง ไชยสงค์ อายุ 35 ปี อยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ
นางสาวพยุง ไชยสงค์ อายุ 35 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า ตนมีการกู้เงินนอกระบบ 6 เจ้าหนี้ และกู้ทอง 2 เจ้าหนี้ เงินที่กู้มาเจ้าละ 6,000 บาท ส่งวันละ 300 บาท 6 เจ้าหนี้ ส่วนการกู้ทอง เจ้าแรกทอง 1 บาท ผ่อนจ่ายวันละ 1,140 บาท 30 วัน เจ้าที่ 2 ผ่อนจ่ายรายวัน 500 บาท 81 วัน ซึ่งตนค้าขายผักที่ตลาด และก็ส่งมาโดยตลอด เพิ่งขาดส่งไปช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส-19 ซึ่งตลาดปิด ทำให้ตนไม่มีรายได้มาส่งเงิน พ่อก็ตาบอด ทำงานไม่ได้ มีแค่แม่ที่ไปทำนา
โดยวิธีการเข้ามาเก็บเงิน จะมีการใช้รถเก๋งหรือรถกระบะไม่ซ้ำคันเข้ามา และแทบไม่ซ้ำหน้ากัน ไม่เชิงข่มขู่จะทำร้าย แต่ก็บอกว่าให้ไปหาเงินมาให้ได้ ตนก็หลบหน้าเจ้าหนี้ ทำให้พ่อเป็นคนรับหน้าเอง โดยที่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นใคร ใครคือเจ้าไหน
ส่วนตัวรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนมองว่าตัวเองคือต้นเหตุที่ทำให้พ่อคิดสั้นแบบนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกับพ่อว่าจะไปหางานทำที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ แต่ที่กรุงเทพฯไม่มีงานให้ทำ พ่อตนก็รับรู้ว่าตนมีหนี้เยอะ ตนเลยเคยคิดสั้นจะฆ่าตัวตายเพื่อจบชีวิตเหมือนกัน แต่เหตุการณ์นี้ตนไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าพ่อจะทำแบบนี้ก่อน
โดยช่วงวันเกิดเหตุ 8 ส.ค. 64 ช่วงเช้ามืด 05.00 น. ตนกับแม่ตื่นนอนมาไม่เจอพ่อ เลยออกตามหาพ่อ ด้วยการกระโกนเรียกก็ไม่เจอ เลยเดินออกมาข้างนอก ถึงกับต้องช็อก เพราะเห็นพ่อของตนใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตัวเองกับต้นขนุนอยู่หลังบ้าน ซึ่งไม่รู้ว่าพ่อไปก่อเหตุตอนไหน สุดท้ายนี้ ตนอยากจะบอกพ่อว่ารักพ่อมาก ไม่อยากให้พ่อทำแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้ ตนก็อยากจะเป็นคนที่ตายแทนพ่อ ส่วนเงินกู้ที่เหลือ ก็ยังไม่รู้จะเอาอย่างไรต่อไป
ข้อมูลในเรื่องของที่ดิน 11 ไร่ พ่อได้มีการขาย 4 ไร่ เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2564 ได้เงิน 400,000 บาท พ่อแบ่งให้ตนไปจ่ายหนี้ และเงินไปลงทุนขายของรวมประมาณ 150,000 บาท หลังจากนั้นไม่พอใช้ ก็ต้องเอาเงินนอกระบบมาอีก รวมถึงเพื่อนมีการให้เข้าไปค้ำประกันให้แล้วเพื่อนหนี ก็เลยเป็นหนี้เพิ่ม จากนั้นเดือนมิถุนายน พ่อได้มีการขายที่ดินที่ติดต่อกันอีก 4 ไร่ ได้เงิน 400,000 บาท พ่อก็ให้เงินตนไปช่วยจ่ายหนี้อีกประมาณ 1 แสนกว่าบาท แล้วเอาเงิน 200,000 บาท ไปไถ่โฉนดที่ดินที่จำนอนไว้ เพื่อมอบให้กับผู้ซื้อ
นายสุบิน คะเชนเชื้อ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 16 ต.หินโคน บอกว่า ตนเป็นเพื่อนกับนายปรีดี ผู้เสียชีวิต เป็นคนดีมีน้ำใจ รู้จักกันที่กรุงเทพฯ สมัยวัยรุ่นเป็นคนชักชวนให้มาอยู่ที่นี่ มีครอบครัวใหม่ที่ จ.บุรีรัมย์ โดยลักษณะของคนให้กู้นอกระบบ ส่วนใหญ่จะเป็นการแจกใบปลิวแถวตลาดตามเทศบาล ในหมู่บ้านของตนมีคนกู้ประมาณ 5 ราย มักจะเห็นคนแปลกหน้ามาเก็บเงิน ด้วยการขับรถเก๋ง รถกระบะ ไม่ซ้ำคันเข้ามาในพื้นที่ ถ้าเป็นรถของในหมู่บ้านตนจะจำได้แทบทุกคัน และตอนนี้ยิ่งเข้มงวดเพราะเป็นพื้นที่สีแดง ก็มีความเป็นห่วงในเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ส่วนตัวอยากให้มีการกวาดล้างพวกเจ้าหนี้นอกระบบให้หมดไป เพราะเหมือนกับว่าเป็นการหากินกับคนลำบาก ไม่อยากให้มีการสูญเสียแบบนี้อีก
ด้านนางสาวน้ำ (นามสมมติ) ชาวบ้านที่กู้เงินนอกระบบ บอกว่า ตนเป็นอีกคนมีความจำเป็นจะต้องกู้เงิน เนื่องจากนำเงินมาหมุนในการไปซื้อของมาขายที่ตลาด มีการกู้เงินไปทั้งหมด 4 เจ้าหนี้ จำนวนเงินเจ้าละ 6,000 บาท ส่งแบบรายวันวันละ 300 บาท
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าหนี้โทรทวงเงิน ตนบอกว่าไม่มีเงิน และกำลังอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหนี้ไม่เชื่อ จะมาเอาเงินให้ได้ และขู่ว่าถ้าหากไม่มีเงินให้ จะขับรถชนให้ตายถ้าเจอตน ต้ก็รู้สึกกลัวจึงได้มีการบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วก็มีการรวบจับเจ้าหนี้ไปแล้ว ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพ่อของนางสาวพยุง เพราะขายของที่ตลาดด้วยกัน ตนก็เคยคิดจะฆ่าตัวตายเหมือนกัน แต่พ่อกับแม่ห้ามไว้ และตนก็นึกถึงหน้าลูกชาย จึงตัดสินใจไม่ฆ่าตัวตาย
ทั้งนี้ ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการกวาดล้างหนี้นอกระบบให้หมดไป และขอแนะนำคนที่เดือดร้อนเรื่องเงินให้ไปกู้เงินในระบบจะดีที่สุด เพราะคนที่กู้หนี้นอกระบบใช้หนี้หมดยากมาก
ในขณะที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์นางสาวน้ำ เจ้าหนี้นอกระบบก็โทรมาต่อว่ากล่าวหาว่าตนตั้งใจหลอกให้เจ้าหนี้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวไป ซึ่งเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาทนั้น
จากนั้น ทีมข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังเจ้าหนี้นอกระบบ โดยทำทีว่าจะขอกู้เงิน บอกกับทีมข่าวว่าผู้กู้จะต้องเตรียมผู้ค้ำไว้ 1 คน โดยใช้เอกสารเพียงแค่บัตรประชาชนใบเดียว พร้อมไปถ่ายรูปบ้านและที่อยู่ อัตราในการกู้จะให้กู้หลักพันบาทขึ้นไป มีดอกเบี้ย 1,000 บาท ละ 50 บาท ส่งเป็นรายวัน 24 วัน บอกว่าไม่เคยมีข่มขู่จะทำร้ายลูกหนี้ และแนะนำให้ประเมินตัวเองก่อนที่จะทำการกู้เงิน ว่ายอดเงินเท่าไรที่จะพอส่งไหว ให้เอาเท่าที่ตัวเองไหว จะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง