สาวหนี้ท่วมทำพ่อผูกคอตายโต้ติดพนันถลุงเงินมรดก ญาติโค่นต้นขนุนล้างอาถรรพ์ (คลิป)

จากกรณี นายปรีดี ไชยสงค์ อายุ 70 ปี ผู้พิการตาบอดทั้งสองข้าง ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตัวเองกับต้นขนุนหลังบ้านของตัวเอง เสียชีวิต เพราะเครียดที่ถูกแก๊งเก็บเงินรายวัน มาขู่บังคับให้ไปหาเงินมาจ่ายแทนลูกสาวที่ไปกู้เงินมาแล้วหลบหน้าหลายครั้ง จนเครียดฆ่าตัวตาย เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.00 น. ของวันที่ 9 ส.ค. 64 ที่ผ่านมานั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลูกสารภาพผิด ทำพ่อตาบอดผูกคอตายหนีแก๊งเงินกู้ เจ้าตัวปล่อยโฮถลุงมรดกเฉียดครึ่งล้านใช้หนี้

ล่าสุด พ.ต.อ.สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผกก.สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้หลักฐานของนายทุนผ่อนทองรายวันแล้วหลายรายการ โดยตำรวจจะเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ หากพบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการอย่างเฉียบขาดต่อไปทันที

วันที่ 10 ส.ค. 64 ชาวบ้านหินโคนหมู่ 16 ต.หินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้มาช่วยกันตัดต้นขนุนหลังบ้าน หมู่ 16 ต.หินโคน ซึ่งเป็นต้นไม้ที่นายปรีดี ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตาย ที่ผ่านมา ตามความเชื่อถ้าต้นไม้ที่มีคนผูกคอตายจะต้องตัดออก เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกในหมู่บ้าน

ล่าสุด นายอดิศักดิ์ สุโขพืช อายุ 41 ปี น้าชายของ น.ส.พยูง กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นญาติไม่โทษใคร เท่าที่รู้หลานไม่ได้เล่นการพนันตามที่เป็นข่าว ที่กู้เงินมาคาดว่าจะเอามาหมุนการค้าขาย แต่ขาดทุน เพราะเป็นช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม หลังฌาปนกิจศพลุงแล้ว ชาวบ้านได้มาร่วมกันตัดต้นขนุน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ลุงผูกคอตายออก เพราะตามความเชื่อว่าจะเป็นการปลดปล่อยวิญญาณออกไปที่เกิดเหตุ

นางสาวพยุง ไชยสงค์ อายุ 35 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า ตัวเองไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ หรือการพนันทุกอย่าง ซึ่งสามารถไปเช็กชื่อของตนทางระบบออนไลน์ หรือเว็บไซต์การพนันได้ แต่ยอมรับว่าตัวเองนั้นกู้หนี้ระบบเท่านั้น ขณะนี้ตนเป็นหนี้นอกระบบ 6 เจ้า นำมาหมุนเวียนค้าขายและใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนกรณีที่นำควาย 3 ตัวไปขายนั้น ได้เงินไม่ถึง 2 แสนบาท หลังจากนั้นนำเงินที่ได้มาไปซื้อวัวมาเลี้ยงแทน ตนไม่ทราบข่าวออกไปได้อย่างไรว่าตนนั้นนำเงินไปใช้จ่าย

ภายหลังจากเกิดเรื่องยังไม่มีเจ้าหนี้ติดต่อเข้ามาหา แต่ตนได้พูดคุยกับทางทนายและตำรวจในท้องที่แล้ว ก็อุ่นใจขึ้น ตนจะไม่หนีไปไหน จะไม่ไปแจ้งความดำเนินคดี แต่จะขอพูดคุยไกล่เกลี่ยกับทางเจ้าหนี้ ขอเวลาในการหาเงินมาชำระ ตนจะไม่หนีไปไหน แค่ขอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน ซึ่งตนเหลือหนี้ที่ต้องชำระเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากแล้ว

ที่ผ่านมามีเจ้าหนี้บางคนที่ส่งลูกน้องมาทวงเงิน ไม่ได้ข่มขู่ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย แต่จะมีการพูดเสียงดังและคำหยาบ ตนก็เข้าใจว่าพวกเขาก็ต้องมาทวงถามเพื่อให้พวกตนหวาดกลัว และชำระเงินให้กับเขา ตนไปกู้หนี้นอกระบบมาประมาณ 8 เดือนแล้ว ซึ่งตนถูกชักชวนจากเพื่อนที่ตนไปค้ำประกันให้ อย่างก็ตาม ตนขอขอบคุณเจ้าหนี้บางคนที่จะยกหนี้ให้กับตน แต่ตนก็ไม่ขอรับเอาไว้ หากตนตั้งหลักหาเงินได้แล้ว พร้อมที่จะจ่ายหนี้ให้ทั้งหมด ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ หากตนชำระหนี้หมดแล้ว จะไม่ขอไปยุ่งเกี่ยวอีก จะตั้งใจหาเงินค้าขายต่อไป