จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก
Inthira Hopad โพสต์ข้อความตัดพ้อ ถามโรงพยาบาลแห่งหนึ่งว่า "รพ. ไม่รักษา พ่อเราโดนตีหนักมาก ไม่รักษา ถึงโรงบาล 3 ทุ่มกว่า รอเลขบัตรประชาชน แบบนั้นก็ไม่รักษา จ่ายเงินสด ก็ไม่รักษา รอบัตรอย่าเดียว เพื่ออะไร #ห้องฉุกเฉิน อยากลงรูปให้ดูมาก พ่อโดนหนักมาก หน้าบวมมาก วันนี้พ่อโดนทำร้ายร่างกาย ที่บ้าน พอเราทราบเรื่องเราก็รีบมา #โรงพยาบาล ด่วน ตอนแรกเราก็ยืนรอพ่อหน้าห้อง ฉุกเฉิน พอเค้าเรียกเข้าไป เราก็เข้าไป พยาบาลสาวสวยทั้งหลายก็บอกว่าผู้ป่วยต้อง X-ray เราก็เข้าใจ แต่ที่เราต้องออกมาโพส พยาบาลบอกว่ามี ปปช. ผู้ป่วย เราก็บอกไม่มีไม่ได้เอามาหาไม่เจอ เค้าก็บอกว่าต้องเสียเงิน เราก็บอกว่ายอมเสีย แต่โรงพยาบาลช่วยเข้าใจหน่อยนะค่ะ ว่าผู้ป่วยนอนจมกองเลือดมานานแล้ว แต่ทำไมต้องรอแค่หมายเลข 13 ตัว (ตอนนี้....ยังข้องใจ 1 ชีวิตกับเลข 13 ตัว อะไรมันสำคัญมากว่า)"
วันที่ 27 ก.ย. 61 ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายจรัญ โห้เพ็ชร อายุ 67 ปี ผู้บาดเจ็บ ที่บ้านเขาตะโล ซอยหนองกระบอก สุขใจ 9 เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อไปถึงพบว่าลักษณะอาคารเป็นบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 9 หลังติดกัน หลังที่เกิดเหตุคือ หลังที่ 6 ภายในห้องพบคราบเลือดแห้งติดพื้นเป็นบริเวณกว้าง มีผ้าห่มและเสื้อเปื้อนเลือดวางอยู่ด้วย ใต้เตียงยังพบมีดตะขอด้ามยาว แต่ไม่ได้มีการใช้งาน นอกจากนี้ สังเกตเห็นว่ามีรอยเท้าเดินไปที่ห้องน้ำ คาดว่าผู้ก่อเหตุ น่าจะเข้าไปล้างมือที่ติดเลือด โดยในห้องมีกลิ่นเลือดเหม็นแห้งติดอยู่ที่พื้น ซึ่งบ้านหลังแรกที่ น.ส.วรประภาอาศัยอยู่ มาถึงหลังที่ 6 บ้านของพ่อน.ส.วรประถา จุดเกิดเหตุ ระยะทางห่างกันประมาณ 100 เมตร
น.ส.วรประภา โห้เพ็ชร ลูกสาวคนโตของนายจรัญ ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เหตุเกิดวันที่ 25 ก.ย. 61 เวลา 09.00 น. ตนได้ออกไปทำงาน ซึ่งตอนที่ออกไป เหตุการณ์ก็ปกติดี หลังจากนั้นเลิกงานมาประมาณ 20.00 น. ก็ขับรถกลับบ้านที่อยู่หลังแรก ไม่ได้แวะไปหาพ่อที่บ้านหลังที่ 6 ขณะที่มาถึงบ้านได้ไม่นาน ก็มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาหน้าบ้านพ่อ มีนางเขียว (นามสมมติ) คนที่คบหากับพ่อเป็นคนพามา จากนั้นตนเดินเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุพบว่า พ่อนอนจมกองเลือดอยู่ ซึ่งช่วงเวลาที่เจอเลือดที่ออกมาจากตัวของพ่อก็เริ่มแห้งแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาล
น.ส.วรประภา กล่าวว่า ตนยังติดใจอยู่ว่าใครเป็นคนทำพ่อ และนางเขียว มีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่ เพราะหลังจากเกิดเหตุ กระเป๋าเอกสาร ที่มีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และเอกสารที่อยู่ในกระเป๋าก็หายไป และนางเขียว ก็ได้หายไปด้วย จนถึงตอนนี้ทางครอบครัวยังไม่ทราบว่าหนีไปอยู่ที่ใด พร้อมตั้งคำถามว่า ถ้าไม่ได้ผิดจริง ทำไมต้องหนี ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าคนร้ายมีมากกว่า 2 คน สาเหตุที่พ่อถูกทำร้าย คาดว่าน่าจะมาจากเรื่องเงินนอกระบบ ซึ่งตนยอมรับว่าพ่อเคยกู้เงินนอกระบบจริง แต่ไม่เคยมีปัญหา และก่อนจะเกิดเรื่องก็ไม่มีสัญญาณเตือนแม้แต่น้อย
ส่วนเรื่องมีดที่มีอยู่ในบ้าน แต่ไม่ได้ใช้ในการต่อสู้ขณะเกิดเหตุนั้น เพราะพ่อตนเป็นคนที่ชอบเคลียร์ปัญหาด้วยการเจรจา มากกว่าการใช้กำลัง และถ้าพ่อตนหยิบมีดออกมา คนร้ายอาจจะแย่งมีดไป และใช้ทำร้ายได้ เพราะพ่อก็อายุมากแล้ว ตอนนี้ทางครอบครัวอยากให้จับตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะทุกวันนี้ กลัวว่าคนร้ายจะย้อนกลับมาแอบทำร้ายอีก
ขณะเดียวกัน
น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เห็นชายปริศนาที่ถามหานายจรัญ ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า วันเกิดเหตุ เวลา 14.00 น. มีชายปริศนาขับรถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยของหมู่บ้าน ก่อนจะจอดรถแล้วเดินเข้ามาหาตน และถามถึงคนชื่อนายจรัญ แต่ตนบอกว่าไม่รู้จัก ต้องมีรูปภาพมาให้ดู ไม่นานชายคนดังกล่าวก็เดินไปที่รถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพร้อมเปิดภาพให้ดู ปรากฏว่าเป็นคนที่ตนรู้จัก ตนจึงบอกว่านายจรัญอยู่ห้องแถวถัดไปจากบ้านตน โดยชายปริศนาคนดังกล่าวบอกตนว่า เป็นเจ้าหน้าที่ประกันภัยของบริษัท มาเก็บค่างวดรถของนายจรัญ อ้างว่านายจรัญเบี้ยวจ่าย หลังจากนั้นก็เดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ลักษณะของชายปริศนาส่วนสูงประมาณ 165 เซนติเมตร สวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ พูดไทยชัดเจน สีผิวดำ-แดง จากนั้น ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. นายจรัญก็ถูกคนร้ายบุกเข้าไปในบ้านแล้วรุมทำร้าย ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่ามาจากชายปริศนาคนที่เดินมาถามตนก่อนหน้านี้หรือไม่
ส่วนความคืบหน้าทางคดีนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งว่า ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่รู้เบาะแสคนร้าย ที่ทำร้ายนายจรัญแล้ว และกำลังไล่เช็กกล้องวงจรปิด เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังต้องรอให้อาการนายจรัญดีขึ้นก่อน และจะทำการสอบปากคำเพิ่มเติม เพราะตอนนี้คนที่รู้ดีที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น คือ นายจรัญ อย่างไรก็ตาม จะมีการพาผู้เสียหายไปชี้ตัวผู้ต้องสงสัย ถ้าตรงตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อมูล ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป