วันที่ 28 ก.ย. 61 พ.ต.ท.สนทร พิทักษ์สุข สว.(สอบสวน)สภ.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เผยว่า เมื่อวาน (27 ก.ย.) ได้รับแจ้งว่า มีเหตุฆ่ากันตายในร้านขายของชำริมถ.เพชรเกษม ม.7 ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านปูนชั้นเดียวเปิดเป็นร้านค้าขายของชำและสินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไปอยู่ริมถ.เพชรเกษมขาล่องใต้ ภายในร้านพบศพทราบชื่อ นายธีระ สุวราช อายุ 51 ปี สภาพศพนอนหงาย ใส่เสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีฟ้า นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ที่ศีรษะใบหน้าถูกตีด้วยของแข็งอย่างแรง เป็นแผลฉกรรจ์จนกะโหลกร้าว เลือดไหลนองพื้นโดยมีลูกและญาติ ๆ ร่ำไห้อยู่ข้างศพ
สอบสวนนางบุญธรรม ศรีชู อายุ 88 ปี เจ้าของร้านชำให้การว่า ช่วงเย็นนายธีระ ผู้ตาย มักจะมาซื้อของที่ร้านอยู่เป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุก็ได้เดินเข้ามาซื้อของที่ร้าน ขณะกำลังเลือกหยิบสินค้าอยู่ ได้มีชายวัยกลางคนเดินมาจากศาลาที่พักผู้โดยสารริมถนนอยู่ห่างจากร้านค้าตนประมาณ 30 เมตร แล้วคว้าเอาครกที่มีสากคาอยู่มาทุ่มใส่ศีรษะของนายธีระจนล้มลง แล้วชายคนดังกล่าวไปคว้าท่อนไม้มาตีซ้ำอีกหลายครั้ง จากนั้นได้วิ่งหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังกันออกติดตามไปจับตัวคนร้ายไว้ได้ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก ขณะใช้เท้าถีบประตูกระจกหน้าสำนักงานที่ทำการ อบต.หงษ์เจริญ จนกระจกแตกและบาดขาเป็นแผลฉีกขาด คนร้ายมีอาการเหมือนคนประสาทหลอน เอะอะโวยวาย พูดจาวกวนไม่รู้เรื่อง คล้ายคนเมายาบ้า เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไว้แล้วพาไปรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลท่าแซะ ก่อนพาไปควบคุมตัวไว้ที่โรงพัก
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหาที่ก่อเหตุชื่อ นายสันติสุข ศรีใส อายุ 29 ปี ก่อนเกิดเหตุชาวบ้านที่อยู่ในละแวกดังกล่าวได้เห็นรถทัวร์มาจอดที่บริเวณศาลาที่พักผู้โดยสารริมถนนใกล้กับร้านขายของชำจุดเกิดเหตุ แล้วคนขับได้ไล่นายสันติสุข ลงจากรถทัวร์ ให้เข้าไปนั่งพักอยู่ในศาลาผู้โดยสาร จากนั้นไม่นาน นายสันติสุขได้ก่อเหตุสยองขึ้นดังกล่าวขึ้น
ส่วนสาเหตุสันนิษฐานว่า นายสันติสุข อาจจะเสพยาบ้ามานาน จนเกิดอาการประสาทหลอนหวาดระแวงกลัวคนจะทำร้าย ขณะนั่งอยู่ที่ศาลาได้เห็นนายธีระผู้ตาย ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเดินเข้าไปซื้อของที่ร้านค้า จึงเกิดความหวาดระแวงได้เดินตามเข้าไป แล้วคว้าครกที่วางหน้าร้านค้าทุบไปที่หัวนายธีระจนเซล้มลงแล้วหยิบท่อนไม้ตีซ้ำจนตายแล้ววิ่งหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานายสันติสุขฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาไว้ก่อน และหลังจากที่สงบสติอารมณ์ลงจะได้นำตัวไปตรวจหาสารเสพติด และสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป