เมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 กลุ่มทะลุฟ้า หรือ ม็อบทะลุฟ้า ได้นัดรวมตัวชุมนุมกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อทำกิจกรรมขับไล่รัฐบาล โดยใช้ชื่อว่า "11 สิงหา ไล่ล่าทรราช" ซึ่งมวลชนเริ่มเข้ามารวมตัวกันบริเวณเกาะพญาไท ตั้งเเต่เวลา 15.00 น.
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล รวมถึงขั้นตอนการจับกุมตัวผู้ชุมนุมของตำรวจที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย ไม่คุมตัวไปยังโรงพักเจ้าของท้องที่ แต่กลับคุมตัวไปยังกองบังกองบังคับการตำรวจตระเวนชายเเดนภาค 1 จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสิง่ที่มวลชนไม่สามารถยอมรับได้
พร้อมกันนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้จัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยการนำศาลพระภูมิมาตั้งบนถนน ใจกลางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นนำหุ่นฟางมาไฟเผาเพื่อเเสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โจมตีการทำหน้าที่เกี่ยวกับคดีทางการเมือง
เวลา 15.50 น. มีกลุ่มควันพวยพุ่งกลางถนน ทำให้ตำรวจที่ประจำจุดโดยอยู่รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้ตั้งแถวเข้ามาประชิดผู้ชุมนุม ก่อนเผชิญหน้าและเกิดเหตุปะทะกัน โดยผู้ชุมนุมได้ปาถุงสีใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม ส่งผลให้ผู้ชุมนุมวิ่งแตกฮือไปคนละทิศคนละทาง
โดยเจ้าหน้าที่ได้วิ่งไล่จับกุมผู้ชุมนุมได้หลายราย ขณะเดียวกันยังมีเจ้าหน้าที่บางส่วน ประจำการจุบนสกายวอล์กยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม ทำให้การจราจรโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ต้องปิดไปโดยปริยาย ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเข้าสลายการชุมนุม มีหญิงรายหนึ่งได้นั่งลงกอดขาเจ้าหน้าที่ ขอร้องอย่าทำร้ายประชาชน
ต่อมาเวลา 15.55 น. หลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม ทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก ทะลุฟ้า – thalufah ได้ประกาศยุติการชุมนุม พร้อมกับระบุว่า "เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงปราบการชุมนุมอย่างไม่ชอบธรรม"
ขณะเดียวกันพบว่ามีผู้ชุมนุมรายหนึ่งถูกกระสุนยางเข้าที่บริเวณกลางหน้าท้อง จนได้รับบาดเจ็บเป็นเเผล โดยหญิงรายนี้เปิดเผยว่า วันนี้ตั้งใจมาร่วมการชุมนุม เเต่ระหว่างที่มีการปะทะกับตำรวจ ถูกเจ้าหน้าที่ยิงกระสุนยางใส่จนได้รับบาดเจ็บ
เวลา 16.30 น. หลังจากเจ้าหน้าที่ตัดสินใจรุกคืบเพื่อเข้าไปสลายการชุมนุม ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ตั้งขบวน ขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อจะเคลื่อนคาร์ม็อบไปยังกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 1 รอ.) ซึ่งภายในเป็นบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อต้องการที่จะขับไล่ให้ลาออกพ้นจากตำแหน่ง
แต่ระหว่างทางได้ถูกเจ้าหน้าที่สกัด โดยการวางตู้คอนเทนเนอร์ 2 ชั้น ขวางถนนไว้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อยู่บนทางด่วนดินเเดง ได้ยิงเเก๊สน้ำตาเเละกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ชุมนุมก็ยิงหนังสติ๊ก เเละพลุไฟขึ้นไปด้านบนเพื่อตอบโต้ พร้อมทั้งได้จุดไฟเผายางรถยนต์ด้านล่างทางด่วน เพื่อให้ควันลอยขึ้นไปด้านบนในจุดที่เจ้าหน้าที่อยู่
เวลา 18.00 น. มีการเผารถของตำรวจ ซึ่งเป็นรถยกอยู่บริเวณใต้ทางด่วนดินเเดง โดยสถานการณ์ขณะนี้ยังคงตึงเครียด มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
เวลา 19.00 น. บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า ค่อนข้างจะตึงเครียด แม้จะมีการประกาศยุติการชุมนุม #ม็อบ11สิงหา แต่มวลชนบางส่วนก็ยังไม่แยกย้ายกันกลับบ้าน เนื่องจากตั้งใจว่าจะเคลื่อนขบวรคาร์ม็อบไปที่บ้านพักของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภายในค่ายทหาร กรมทหารราบที่ 1 หรือ ร.1 รอ. แต่ถูกเจ้าหน้าที่นำรถและเครื่องกีดขวาง มาจอดเป็นแนวกำแพงปิดเส้นทางไว้ จึงทำให้เกิดเหตุปะทะและความวุ่นวาย และมีรถเจ้าหน้าที่ถูกเผา จำนวน 1 คัน
ขณะที่มวลชนต่างพากันโห่ร้องตะโกนด้วยความไม่พอใจเป็นระยะ ๆ เนื่องจากเจ้าหน้าที่พยายามที่จะกระชับพื้นที่มวลชนให้แคบ และยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตาหวังที่จะสกัดและขัดขวางการเคลื่อนกำลังของมวลชน ส่วดการจราจรยังคงติดขัด แม้จะเปิดเส้นทางให้ประชาชนสัญจรผ่านได้แล้ว แต่เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ต้องปิดถนน จึงทำให้มีรถของประชาชนติดสะสมอยู่บนถนนเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มผู้ชุมนุมยังพยายามขว้างปาสิ่งของใส่ตำรวจ ยิงพลุไฟเข้าใส่เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่เคลื่อนถอยออกมา ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามจุดระเบิดปิงปองแต่พลาด ระเบิดทำงานก่อนขวางใส่เจ้าหน้าที่ จึงได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะมีเพื่อน ๆ ขี่รถจักรยานยนต์มารับตัวออกไปจากพื้นที่
กรณีพบเด็กอาชีวะถูกยิงเสียชีวิต จากการร่วมชุมนุม #ม็อบ10สิงหา ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม แท้จริงแล้วผู้เสียชีวิตในภาพประสบอุบัติเหตุรถชน ไม่ได้เป็นเหตุยิงกันเสียชีวิตแต่อย่างใด โดยเมื่อวันที่ 10 ส.ค.64 เวลาประมาณ 21.00 น. สน.บุปผาราม ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ถนนประชาธิปก มุ่งหน้าสี่แยกบ้านแขก แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกไปตรวจที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ทะเบียน มฉก 479 กรุงเทพฯ มีนายสมยศ สอนเสาร์ อายุ 29 ปี นอนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
สาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้น เนื่องมาจากขับรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถดูดฝุ่นกวาดขยะของ กทม. พนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ที่ออกตรวจที่เกิดเหตุจึงถ่ายภาพที่เกิดเหตุ ทำแผนประกอบคดี แจ้งแพทย์ศิริราชร่วมชันสูตรศพ เบื้องต้นส่งศพไปชันสูตรที่ รพ.ศิริราช ตามใบรายงานชันสูตรศพระบุว่าศีรษะได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุจราจร
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังต่อไป
ส่วนกรณีรถบรรทุกของจากบริษัท อัจจิมาเอ็กซ์เพรส ทรานสปอเตชั่น จำกัด โชเฟอร์ได้ขับหลงเข้ามาในพื้นที่และฝ่ากลางม็อบดินแดง #ม็อบ10สิงหา ที่ผ่านมา โดยที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามรัวยิงกระสุนยางสกัดให้รถคันดังกล่าวหยุด จึงทำให้กลายเป็นกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสพูดคุยกับ นางอัจจิมา ดุลคนิต เจ้าของบริษัท อัจจิมาเอ็กซ์เพรส ทรานสปอเตชั่น จำกัด กล่าวชี้แจงว่า ตนทราบว่าลูกน้องของตน ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกคันดังกล่าว ได้ขับรถไปส่งของตามปกติ หลังจากรับของจากท่าเรือคลองเตย เพื่อจะไปส่งของที่นวนคร จึงเลือกขับรถวิ่งผ่านเส้นเอกมัย ออกมา และจะต้องผ่านสามเหลี่ยมดินแดง แต่บังเอิญว่าโชเฟอร์ไม่ทราบว่าในพื้นที่มีการชุมนุมของคาร์ม็อบ
เมื่อคนขับได้เข้าไปบริเวณนั้นแล้ว จึงทราบว่ามีการชุมนุมของม็อบจริง ๆ แต่มีมวลชนบางส่วนแจ้งว่าได้ประกาศยุติไปแล้ว และมีคนเข้ามาเปิดแผงกั้นเหล็กที่ขวางถนนออก ก่อนจะบอกให้คนขับผ่านไปช้า ๆ คนขับจึงได้ขับรถฝ่าเข้าไปได้ประมาณ 50 เมตร ก็พบเจอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกให้หยุดรถ แต่รถค่อนข้างหนักก็ยังไม่สามารถหยุดจอดได้ในทันที
แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เปิดฉากใช้กระสุนยางยิงในรถบรรทุกสินค้าเพื่อหวังจะสกัดให้หยุดรถ ซึ่งเมื่อรถหยุดนิ่ง เจ้าหน้าที่ก็ตะโกนให้คนขับเดินลงมาออกจากรถ เมื่อตรวจสอบก็ไม่พบเจอสิ่งปกติ เนื่องจากข้างในตู้คอนคอนเทนเนอร์บรรจุสิ่งของจำพวกเครื่องจักรขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงจัดพื้นที่ให้คนขับนั่งพักรอให้เหตุการณ์ความวุ่นวายสงบลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุการณ์สงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ได้ขึ้นรถบรรทุกไปด้วย เพื่อที่อำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย เพื่อไปส่งถึงรามอินทรา เป็นระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่าปลอดภัย จึงได้ลงจากรถและนั่งรถแทกซี่กลับ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้สำรวจความเสียหาย หลังจากสลายการชุมนุมกลุ่มคาร์ม็อบ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.64 พบว่าป้อมตำรวจถูกทำลายได้รับความเสียหายหลายจุด เริ่มจากบริเวณเเยกดินเเดง ซึ่งเป็นจุดที่มีการปะทะกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง พบว่าป้อมตำรวจถูกทำลายได้รับความเสียหาย 2 ตู้ โดยจุดเเรกเป็นป้อมตำรวจบริเวณใต้ทางด่วนดินเเดง สน.ดินเเดง ประตูถูกทุบจนเเตกละเอียด และถูกเผาวอดทั้งหลัง
ส่วนทรัพย์สินภายในได้รับความเสียหายหลายรายการ อาทิ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องวิทยุสื่อสาร ตู้ทำน้ำเย็น 1 กาต้มน้ำ โต๊ะ เก้าอี้ หม้อเเปลงไฟฟ้า โดยเจ้าหน้าที่ได้นำเชือกมากั้นไว้ เตรียมเข้าตรวจสอบ เเละประเมินความเสียหาย
ส่วนอีกป้อมอยู่บริเวณสามเหลี่ยมดินเเดง ฝั่งมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พบว่ากระจกหน้าต่าง เเละประตู ถูกทุบจนเเตกละเอียด ภายนอกถูกสาดสีเเละพ่นสเปรย์ ส่วนภายในมีทรัพย์สินทางราชการเสียหาย ประกอบด้วย วิทยุสื่อสาร คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง หม้อเเปลงไฟฟ้า โต๊ะ เก้าอี้ เละห้องน้ำ
จากนั้นทีมข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พบว่าตำรวจ สน.พญาไท พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบป้อมตำรวจที่ถูกทำลายได้รับความเสียหาย 2 ตู้ บริเวณเกาะพญาไท ซึ่งทั้ง 2 ตู้ อยู่ติดกัน โดยตู้หนึ่งเป็นของงานจราจร พบว่ากระจกหน้าต่างและประตูถูกทุบจนเเตกละเอียดทั้งหมด
ส่วนอีกตู้เป็นของพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ที่ตั้งชั่วคราวเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 พบว่ากระจกหน้าต่างและประตูถูกทุบเเตกละเอียด พร้อมกับถูกเผาได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนภายในมีทรัพย์สินทางราชการเสียหาย ประกอบด้วย โทรทัศน์ 2 เครื่อง เครื่องถ่ายเอกสารขนาดใหญ่ โต๊ะทำงาน 4 ตัว เก้าอี้ 10 ตัว วิทยุสื่อสาร คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ตู้เหล็ก 2 ตู้ โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ เอกสารทางราชการ กล้องวงจรปิด และเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง
นอกจากนี้ ป้อมดังกล่าวยังเป็นจุดติดตั้งเซิฟเวอร์กล้องวงจรปิดทั้งหมดของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งหลังจากถูกเผาทำลาย ทำให้ระบบกล้องวงจรปิดของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิทั้งหมด ใช้การไม่ได้ ขณะเดียวกันพบว่าป้อมตำรวจบริเวณเเยกพญาไท ถูกทุบทำลาย กระจกหน้าต่างและประตูเเตกละเอียด ส่วนทรัพย์สินภายในที่ได้รับความเสียหาย คือ เครื่องปรับอากาศ 1 เครื่อง
นอกจากนี้ ยังมีป้อมอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหาย ประกอบด้วยดังต่อไปนี้
-ป้อมตำรวจบริเวณเเยกประตูน้ำ
-ป้อมตำรวจบริเวณเเยกราชเทวี กระจกหน้าต่างเเละประตู ถูกทุบจนเเตกละเอียดทั้งหมด
กระทั่งเวลา 19.27 น. ผู้สื่อข่าวรายว่า ตำรวจควบคุมฝูงชนพร้อมรถจีโน่ ได้ตั้งกำแพงเป็นแนว และพยายามรุกคืบพื้นที่ เพื่อเดินหน้ากระชับเข้าไปในจุดที่มวลชนปักหลัก พร้อมกับยิงกระสุนยางเสริมสกัดมวลชนที่วิ่งเข้ามาปะทะ อีกทั้งมีการประกาศให้ชาวบ้านและสื่อมวชนหลบอยู่ในแนวปลอดภัยหรือหลังแนวเจ้าหน้าที่
ส่วนรถจีโน่ หรือรถฉีดน้ำแรงดันสูง ได้เคลื่อนเข้ามาในพื้นที่ จำนวน 2 คัน แม้ว่าส่วนใหญ่มวลชนจะสลายตัวไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีอีกส่วนที่คงปักหลังสังเกตการณ์ในพื้นที่ และยังไม่ยอมถอยร่นออกไป
Advertisement