กรณี อมรินทร์ ทีวี ได้รับเรื่องขอความเป็นธรรม จากนางสาวเรวดี พรุ่มรินทร์ อายุ 23 ปี ขอความเป็นธรรมให้กับน้องสาวของตัวเอง ชื่อนางสาววนิดา พรุ่มรินทร์ หรือ จิ๊บ อายุ 21 ปี ถูกแฟนหนุ่มรุ่นเดียวกัน ใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ .38 ยิงเข้าหน้าท้องทางขวา 1 นัด เสียชีวิต ซึ่งก่อนเสียชีวิตมีเพื่อนของแฟนหนุ่มแชตมาสารภาพว่าได้มีวัยรุ่น 14 คน รุมโทรมน้องสาวของตัวเอง ก่อนแฟนหนุ่มจะพากลับไปบ้าน แล้วใช้อาวุธปืนยิงหน้าท้อง 1 นัด
โดยเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ผู้ตายได้พยามตีตัวออกห่างจากแฟนหนุ่ม หลังจากทางบ้านรับนิสัยใจคอของแฟนหนุ่มไม่ได้ ที่มีอารมณ์ร้อน ติดยาเสพติด และมักจะทะเลาะเป็นประจำเรื่องความหึงหวง กล่าวหาว่าน้องจิ๊บไปนอนกับผู้ชายคนอื่น ทั้งที่น้องจิ๊บอยู่ที่บ้าน หลังจากนั้นแฟนหนุ่มได้โกหกว่าน้าของตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ให้ผู้ตายไปเยี่ยม ก่อนจะมาทราบอีกครั้งว่าถูกทำร้ายและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนุ่มเครียดตำรวจค้นบ้าน ถูกแชตลับแฉเรียงคิวสาวจับยิงทิ้ง ลั่นไม่ทำท้าเปิดหน้าชน
ล่าสุด วันที่ 12 ส.ค. 64 นายปัณณทัต เพชรพิศาล หรือ ปัน อายุ 26 ปี แฟนของผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า เรื่องเสพยาที่มีคนสงสัยนั้น ตนยอมรับว่าเสพยาจริง แต่คลิปที่ถูกเผยแพร่ออกไปมันเป็นคลิปที่ถ่ายเล่นกับจิ๊บนานแล้ว ตัวจิ๊บก็รู้มาตลอดว่าตนเสพยา แต่ตนขอยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติกรรมเสพยาจนหลอนอย่างที่เป็นข่าวออกไป ตนเสพครั้งสุดท้าย ก่อนวันเกิดเหตุ 4-5 วันแล้ว วันที่เกิดเหตุก็ยืนยันว่าไม่ได้เสพ "ขอบอกตรง ๆ เลย ว่าผมไม่เคยเสพยาจนหลอน เพราะยาสมัยนี้มันมีส่วนผสมเยอะ เวลาเสพเข้าไปก็ไม่ได้เหมือนเสพยาอะไร แค่มีกลิ่นเฉย ๆ ยืนยันยาที่เสพไม่เคยทำให้หลอน"
ส่วนเรื่องรุมโทรมที่มีมือดีกุเรื่องแชตออกมา ตนมีหลักฐานว่าตั้งแต่วันที่ไปรับจิ๊บ วันที่ 3 ส.ค. ถึงวันที่ 7 ส.ค. 64 วันเกิดเหตุ ตนไม่ได้พาจิ๊บออกนอกเส้นทาง แถวหลังบิ๊กซีคลองแหแม้แต่ครั้งเดียว หลักฐานที่ยืนยันได้ก็คือจีพีเอสที่ตนจะจับสัญญาณมือถือจิ๊บตลอดว่าจิ๊บไปที่ไหนบ้าง
อยากจะถามทางครอบครัวของจิ๊บว่าที่พยายามขุดเรื่องนั้นเรื่องนี้ออกมา ต้องการอะไรกันแน่ เรื่องเสพยาวันที่ตำรวจเรียกไปสอบ ตนก็ยินยอมให้ตำรวจตรวจปัสสาวะ และยอมรับกับตำรวจไปแล้ว เรื่องคดีก็บอกไปหมดแล้วว่าไม่ได้ตั้งใจยิงจิ๊บ
สำหรับกล้องวงจรปิดจุดสำคัญ น้องจิ๊บใส่เสื้อสีขาวมายืนรอนายปันที่บริเวณปากซอยเข้าบ้านของน้องจิ๊บ ในวันที่ 3 ส.ค.64 เวลาในภาพก็คือ 20.17 น. จะเห็นน้องจิ๊บยืนอยู่ตรงหน้ารถสิบล้อที่จอดอยู่ในกล้องวงจรปิด แล้วนายปันก็ขี่รถเข้ามารับน้องจิ๊บในเวลา 20.18 น. แล้วก็มีการพูดคุยกันที่หน้ารถสิบล้อ จนถึงเวลา 20.37 น. แล้วก็รับน้องจิ๊บขึ้นรถออกมาในเวลา 20.38 น.
ขณะเดียวกัน กล้องวงจรปิดร้านชำ ในคืนวันที่ 3 ส.ค.64 นายปันได้พาจิ๊บแวะไปซื้อของที่ร้านชำหน้าปากซอยบ้าน ก่อนจะพาจิ๊บเข้าไปที่บ้านของนายปัน จับภาพนายปันและจิ๊บขี่รถเข้ามาที่ร้านในเวลา 21.44 น. แล้วก็เดินเข้าไปเลือกซื้อของกันในร้านชำ ส่วนกล้องวงจรปิดตัวอื่น เป็นกล้องวงจรปิดภายในร้าน เห็นว่าทั้งคู่เดินเลือกซื้อของกัน แล้วก็จ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ในเวลา 21.48 น.
หลังจากนั้น กล้องวงจรปิดหน้าร้านก็จะจับภาพของทั้งคู่ขณะที่ซื้อของเสร็จและออกไปขึ้นรถ แล้วก็ขี่ออกจากร้านไปที่บ้านของปันในเวลา 21.49 น. ตรงกับไทม์ไลน์ในจีพีเอสที่จับสัญญาณโทรศัพท์ได้ในวันดังกล่าว ในวันที่ 6 ส.ค.64 เวลา 18.45 น. จะเห็นว่านายปันและน้องจิ๊บ ขี่รถมาซื้อของด้วยกัน ภาพที่จับได้ก็ยังมีภาพขณะที่ทั้งคู่เดินซื้อของกันอยู่ภายในร้าน และได้ออกจากร้านในเวลา 18.52 น.
นอกจากนี้ มีหลักฐานวันที่ 3 ส.ค. จับสัญญาณจีพีเอสโทรศัพท์มือถือจิ๊บ ได้ที่บ้านของจิ๊บตรงมาบ้านของนายปัน และแวะซื้อของที่ร้านชำปากซอยก่อนจะถึงบ้าน, วันที่ 4 ส.ค. จับสัญญาณจีพีเอสโทรศัพท์มือถือจิ๊บบริเวณบ้านของนายปัน แถวโรงเรียนวัดหูแร่ใกล้กับร้านชำ แล้วก็กลับไปที่บ้านนายปัน, วันที่ 5 ส.ค. ก็จับสัญญาณจากบ้านนายปันออกมาซื้อของที่ร้านชำหน้าปากซอยเท่านั้น
ส่วนวันที่ 6 ส.ค. จับสัญญาณของจิ๊บได้ช่วงค่ำเดินทางไปบ้านของจิ๊บ แล้วก็กลับมาที่บ้านของนายปัน โดยไม่ได้แวะไปที่อื่น โดยเส้นทางทั้งหมด ไม่ปรากฏว่าสัญญาณโทรศัพท์ของจิ๊บ เข้าไปในพื้นที่หลังบิ๊กซีคลองแห ตรงกับที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ได้ลงพื้นที่หาสัญญาณมือถือทั้งจิ๊บและปัน พบว่าวันเกิดเหตุไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือของทั้งคู่เข้ามาในพื้นที่หลังบิ๊กซีคลองแห ส่วนวันที่ 7 ส.ค ก็จับสัญญาณโทรศัพท์ของจิ๊บได้จากบ้านไปสู่โรงพยาบาล ก่อนจิ๊บจะสิ้นใจ
และตั้งแต่วันที่ 7-12 ส.ค. โทรศัพท์ของจิ๊บอยู่กับพี่สาวของจิ๊บแล้วและจะเห็นว่ามีการเคลื่อนไหวทางจีพีเอสแถวบ้านของจิ๊บ ใน ต.ควรลัง เท่านั้น
น.ส.เรวดี พรุ่มรินทร์ อายุ 23 ปี พี่สาวผู้ตาย บอกว่า วันนี้ตำรวจก็ได้เชื่อไปสอบปากคำเพิ่มเติมตั้งแต่เช้า และได้ขอหลักฐานเสื้อผ้าของจิ๊บเพื่อมาตรวจสอบ แต่ตนได้บอกกับทางตำรวจไปว่าเสื้อผ้าของจิ๊บถูกเผาไปแล้ว ที่บ้านของนายปัน หลังจากสอบปากคำเสร็จตำรวจคงจะเรียกครอบครัวของนายปันมาสอบเรื่องนี้ ทางครอบครัวของตนก็ยืนยันกับตำรวจไปแล้วว่าไม่ได้ติดใจเรื่องการเผาเสื้อผ้าของจิ๊บ เพราะว่าตนและแม่เป็นคนบอกให้แม่ของปันนำเสื้อผ้าของจิ๊บไปเผาเองที่บ้าน ก็ไม่ได้คิดว่าการเผาเสื้อผ้าของจิ๊บจะเป็นการทำลายหลักฐาน
ส่วนเรื่องคดีตอนนี้ไม่ได้ติดใจเกี่ยวกับเรื่องที่จิ๊บถูกรุมโทรมแล้ว เพราะว่าคิดไปคิดมา คนที่แชตมาเขาไม่มีตัวตนที่แท้จริง ทางครอบครัวจึงขอตัดประเด็นนี้ทิ้ง อีกอย่างสภาพศพของจิ๊บก็ไม่ได้มีร่องรอยการถูกทำร้าย ตอนนี้เสียจิ๊บไปก็เสียใจมากพอแล้ว ถ้าหากคนที่แชตมามีตัวตนจริง ก็ขอให้ออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจ แต่ทางครองครัวยังไม่ตัดประเด็นเรื่องการยิงจิ๊บ เพราะเชื่อว่าจิ๊บไม่ได้ถูกปืนลั่นใส่จนเสียชีวิต ส่วนประเด็นเรื่องยาเสพติดที่ปันเสพ ทางครอบครัวยืนยันว่าไม่เคยรู้มาก่อน เพราะจิ๊บไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับพรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปที่โรงพักตามที่ตำรวจนัดไว้ให้ไป ไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหายกับครอบครัวของนายปัน ตัวเลขที่จะเรียกร้องขอเก็บไว้ก่อน และจะมาเปิดเผยหลังจากไกล่เกลี่ยกับครอบครัวของนายปันในวันพรุ่งนี้ (13 ส.ค.64)