จากกรณีนายสฐาพร พรแสน อายุ 26 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ชนรถเก๋ง แล้วถูกรถตู้ทับเสียชีวิต บริเวณถนนเลียบรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่ญาติจะเผาศพ และพบกับชิ้นส่วนประหลาด เป็นกระดูกมีรอยตอกตัวเลขโค้ด ญาติคาดว่าน่าจะเป็นกะโหลกของนายสฐาพร ผู้เสียชีวิต และแปลกใจว่าตัวเลขที่เห็นคือวันเกิดและวันตาย จึงอยากให้ช่วยไขปริศนานั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดเมรุพิสูจน์กะโหลกตอกบาร์โค้ด พระอึ้งไม่ใช่เศษปูนเผาผี "อ๊อด" ส่งแล็บคลายสะพรึง
- สัปเหร่อช็อก เผาผีเจอบาร์โค้ดปั๊มกะโหลกตรงวันเกิด - ตาย พ่อเผย 3 เหตุโยงวันพระ
วันที่ 12 ส.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านผู้เสียชีวิต จ.ปทุมธานี นางสาวน้ำฝน ค้าคุ้ม อายุ 26 ปี แฟนสาวของนายสฐาพร ได้นำโทรศัพท์มือถือ รุ่น Samsung Galaxy A 10 ของนายสฐาพรมาให้ทีมข่าวดู บอกว่าเป็นโทรศัพท์ของนายสฐาพร ที่ใช้มาประมาณ 7 ปี และใส่ไว้บริเวณกระเป๋ากางเกงช่วงที่ประสบอุบัติเหตุ แต่โทรศัพท์ไม่มีร่องรอยความเสียหาย มีเพียงรอยถลอกเล็กน้อยที่เคสโทรศัพท์
นางสาวน้ำฝน เล่าว่า วันที่ 1 ส.ค. 64 ตนเองหยุดงาน และนายสฐาพรได้โทรศัพท์มาหาตนเองเวลา 07.00 น. แต่ไม่ได้รับสายเพราะแบตหมด ลืมสายชาร์จไว้ที่บริษัท จึงยืมสายชาร์จคนข้างห้อง โทรศัพท์กลับไปหานายสฐาพรช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. นายสฐาพรบอกว่าจะมาหาตนเอง อยู่ที่ถนนเลียบสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ตนเองถามว่ากินข้าวหรือยัง และให้แวะซื้อโจ๊กมากินด้วยกัน ตนเองบอกว่าอย่ารีบขี่ ให้ขี่ช้า ๆ และระมัดระวัง ก่อนที่จะวางสายไป
กระทั่ง 09.30 น. โทรศัพท์ไป 3 สาย แต่นายสฐาพรไม่รับสาย จนสายที่ 4 โทรศัพท์ไป เจ้าหน้าที่กู้ภัยเป็นคนรับสาย และบอกว่า นายสฐาพรประสบอุบัติเหตุ บริเวณสุวรรณภูมิ สาย 3 และขอเบอร์ญาติ ตนเองจึงโทรศัพท์ไปบอกแม่ของนายสฐาพร แม่ก็ตกใจ และโทรศัพท์ไปหากู้ภัยอีกครั้ง กู้ภัยแจ้งว่า ายสฐาพรเสียชีวิตแล้ว ตนเองตกใจมากจึงรีบโทรศัพท์บอกครอบครัวนายสฐาพร และไปยังโรงพักทันที
ก่อนเกิดเหตุเหมือนมีลางบอกเหตุ เพราะคืนวันที่ 31 ก.ค.64 ตนเองพูดคุยกับนายสฐาพรบอกว่าเหนื่อย ตนเองจึงถามว่าเป็นอะไร นายสฐาพรจะบอกว่า "ทำงานก็ทำเพื่อทุกคน" และวางสายไป ช่วงกลางคืนตนเองก็ฝันว่า นายสฐาพรจะไปกินเลี้ยงกับรุ่นพี่ที่รู้จัก จึงมาขอตนเองเพื่อที่จะไป ซึ่งรุ่นพี่ใส่ทองเต็มตัวดูรวยมาก แต่นายสฐาพรบอกว่าโกรธตนเอง เพราะตนเองไม่ให้ไป ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา และไม่รู้ว่าฝันนี้บ่งบอกถึงอะไร
จนกระทั่งมาพบว่าวันที่เก็บอัฐิมีชิ้นส่วนนี้อยู่ในเตาเผาก็ประหลาดใจมาก เพราะไม่เคยเจอมาก่อน ยืนยันว่าเสื้อ กางเกง และรองเท้า ที่ใส่ก่อนนำเข้าโลง ไม่มีตัวหนังสือและตัวเลขแบบนี้แน่นอน เพราะตนเองเป็นคนพาไปซื้อ รวมถึงเลขมาสัมพันธ์กับวันเกิดและวันที่เสียชีวิตก็ตกใจอีก
ส่วนรอยสักนายสฐาพรสักประมาณ 4 จุด คือท้อง เป็นตัวเลข 1995 หน้าอกเป็นรูปนก หัวไหล่ด้านซ้ายและขวาเป็นรูปสิงโต ไม่มีตัวเลขแบบนี้ ตนเองเชื่อว่าเป็นกระดูกของนายสฐาพร เพราะรู้สึกชื่นใจที่นายสฐาพรเหมือนมาบอกวันที่เสียชีวิต ให้ครอบครัวหมดห่วง ส่วนจะใช่กระดูกหรือไม่ก็ยอมรับ หลังนายสฐาพรเสียชีวิต ฝันว่านายสฐาพรพาไปเที่ยว 3 ที่ คือน้ำตก วัด และตากอากาศบางปู และยังฝันว่า ตนเองเหมือนคนบ้ามีเด็กเดินตามพระบิณฑบาต และแววตาเหมือนนายสฐาพรมาก นำขนมหวานมาให้ตนเองบอกว่า "หลวงตาเอามาให้ ไปก่อนนะ" ก่อนที่ตนเองจะตื่นขึ้น จึงถามพ่อแม่นายสฐาพรว่าตอนเด็ก ๆ นายสฐาพรเคยเป็นเด็กวัดหรือไม่ ก็ปรากฏว่าเคยด้วย และเชื่อว่านายสฐาพรมาบอกว่าตนเองไปดีแล้ว และไม่ได้ฝันถึงอีกเลย
นอกจากนี้ ครอบครัวสงสัยว่าจากอุบัติเหตุดังกล่าว ทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียชีวิตขับขี่นั้น มีความสัมพันธ์ของตัวเลข 73 ที่เชื่อว่าหมดอายุขัย และรถจักรยานยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุเลข 73 เมื่อรถล้มและสังเกตดี ๆ จะเป็นคำว่า "ผี"
ด้านนายจักรพันธ์ การสมพรต หรือ แจ๊ค กุมารทอง ผู้ศึกษาเรื่องไสยศาสตร์กุมารทอง เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ที่ศึกษาเรื่องปั้นเหน่ง ส่วนตัวคิดว่าชิ้นส่วนที่ญาติเอาไปตรวจคือกะโหลกมนุษย์ 90 เปอร์เซ็นต์ สังเกตจากเนื้อกะโหลก ถ้าเอาไปตรวจในห้องแล็บ ผลน่าจะออกมาบอกว่าเป็นแคลเซียมของสิ่งมีชีวิต หรือมนุษย์
จากรอยโค้ดตัวเลขไม่ใช่สิ่งเหนือธรรมชาติ หรือสิ่งที่มองไม่เห็น คิดว่าเป็นคนทำขึ้นมา มนุษย์ทำเพราะมีการตอกโค้ดลงไปในเนื้อกะโหลก เนื้อกะโหลกคนเมื่อตายใหม่ ๆ จะมีความเหนียว เวลาตอกลงไปอาจใช้ตัวตอกโค้ดที่ตอกกับหนังสัตว์ หรือโลหะ ถ้าเป็นสัญลักษณ์จากสิ่งที่เหนือธรรมชาติ อาจจะเป็นรอยคราบดำ หรือเขียว หรือสีน้ำตาลอ่อน จะไม่ขึ้นเป็นตัวเลขที่คมชัดขนาดนี้ บางคนอาจจะมองว่าเป็นสิ่งที่มาจากนอกโลก อาจจะมองว่าเกินไป ส่วนเรื่องตัวเลขที่เชื่อมโยงกับวันเกิด-วันตาย ชื่อ-นามสกุลของคนตาย เป็นมนุษย์ทำขึ้นมาแน่นอน อาจจะมีคนตอกเลขหรืออักษรภาษาอังกฤษลงไป อยากให้คนที่ดูข่าวนี้ใช้วิจารณญาณในความเชื่อด้วย