หลังจากเพจ "หมอแล็บแพนด้า" แชร์โพสต์ ภาพเด็กทารกนอนดูขวดนม ซึ่งน้ำในขวดนม คือ น้ำกระท่อม และระบุจะส่งผลเสียต่อตัวเด็ก ต่อมามีชาวเน็ต ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยส่วนมากไม่เห็นด้วยกับการนำน้ำกระท่อมมาให้เด็กรับประทาน
วันที่ 28 ก.ย. 61
นายภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิกการแพทย์และแอดมินเพจหมอแล็บแพนด้า เปิดเผยว่า กระท่อมจัดเป็นพืชเสพติด (ประเภทที่ 5 ) พรบ.2522 ซึ่งมีสารไมทราไจนีนผสมอยู่ด้วย และมีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง หากใครมีไว้ในครอบครองถือว่ามีความผิด แต่กระท่อมมีข้อดีอยู่บ้าง ในทางการแพทย์ได้นำใบกระท่อมมาสกัดเป็นยา ซึ่งอยู่ในกระบวนการวิจัย ส่วนข้อเสีย หากนำมาต้ม หรือ รับประทานสด ๆ ก็จะมีอาการกระปรี้กระเปร่า ร่าเริง แต่ถ้ารับประทานไปเรื่อยๆ ก็จะเริ่มมีผลข้างเคียง เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายไม่ออก หรือถ้าออก อุจจาระก็จะแข็ง และหนักสุดคือมีอาการทางประสาท คือเห็นภาพหลอนเรื่อย ๆ แต่ถ้าหยุดรับประทานทันที ก็จะมีผลเสียต่อร่างกายคือ ตัวร้อน ความดันสูง ปวดตามเนื้อตัว กระดูกอย่างมาก และมีผลต่อระบบประสาทอย่างชัดเจน หรืออาจจะมีผิวคล้ำ ดำ แห้ง กระวน กระวายใจ จนในสุดก็เซื่องซึม หรือเรียกว่าซึมเศร้า ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นอาการที่เกิดจากผู้ใหญ่ แต่ถ้าเป็นเด็ก ซึ่งเด็กสามารถรับพิษได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ หากให้เด็กรับประทานน้ำกระท่อมไปเรื่อย ๆ อาจจะส่งผลเสียต่อเด็กได้ง่าย
นายภาคภูมิ เผยว่า นอกจากนี้ตนอยากแนะนำพ่อแม่ ผู้ปกครองที่มักจะนำอาหารผิดแปลก นอกเหนือจากนมให้เด็กรับประทานว่า พ่อแม่ และผู้ปกครองเด็กหลาย ๆ ท่านอาจขาดความรู้ ความเข้าใจ จึงนำอาหารแปลก ๆ ให้ลูกรับประทาน โดยยอมรับว่าเมื่อก่อนความรู้การเลี้ยงเด็กยังไม่พัฒนา แต่ปัจจุบันความรู้ คำแนะนำเกี่ยวกับเด็กมีมากมาย ขอร้องอย่านำอาหารแปลก ๆ ให้เด็กรับประทาน ซึ่งเด็กเล็กควรจะกินนม ถือว่าดีที่สุด แล้วอีกอย่างน้ำกระท่อมยังถือว่าผิดกฎหมายอยู่ หากมีการสกัดออกมาเป็นยา หรือถูกต้องตามกฎหมายค่อยว่ากันอีกที
ด้าน
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม บอกว่า สำหรับกรณีดังกล่าวบุคคลที่นำน้ำกระท่อมให้เด็กรับประทานถือว่ามีความผิดขั้นรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง พรบ.คุ้มครองเด็ก ที่ยุยงส่งเสริมให้เด็กไปเกี่ยวข้องกับคดีอาญา ซึ่งน้ำกระท่อมก็เป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง โดยการบังคับให้ผู้อื่นเสพยา หรือเสพน้ำกระท่อม ถือว่ามีความผิดตาม พรบ.ยาเสพติด และเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น
ในกรณีถ้าเด็กเสียชีวิต พ่อและแม่ก็จะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มอีกว่า เจตนาฆ่าให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย รวมทั้งสิ้น 4 ข้อหา โดยมีความผิด ตามพรบ.คุ้มครองเด็ก, พรบ.ยาเสพติด, ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และ เจตนาฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย หากผู้ใดพบเห็นการกระทำดังกล่าว สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีได้ทันที ส่วนการฟื้นฟูเยียวยา ในกรณีที่เด็กไม่มีผู้ดูแล สามารถติดต่อไปยังกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของแต่ละจังหวัดให้เข้ามารับเด็กได้
ต่อมาพ่อของเด็กก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า ใครจะให้ลูกตัวเองกิน โดยโพสต์ที่เผยแพร่ออกไปแค่โพสต์เล่น ๆ และในขวดเป็นเพียงชาเท่านั้น ไม่ใช่น้ำกระท่อมแต่อย่างใด พร้อมทั้งออกมาขอโทษถ้าหากทำอะไรผิดไปตนก็ขอโทษ และไม่ได้คิดจะสร้างกระแส