พ่อร้อง ตร.ทำเกินเหตุ ยิงลูกป่วยจิต 4 นัด อ้างสกัดคลั่ง เจ้าตัวโดดขวาง เจ็บด้วย

วันที่ 28 ก.ย. 61ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา นายประกอบ รัตนดี พร้อมญาติได้เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในกรณีเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจดอนฉิมพลีกระทำการเกินกว่าเหตุโดยใช้อาวุธปืนยิง ตน 1 นัด และยิงนายถนอมศักดิ์ รัตนดี ลูกชายของตนจำนวน 3 นัดได้รับบาดเจ็บ

นายประกอบ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลาประมาณ 19.05 น. ของคืนวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนและครอบครัวซึ่งมาทำงานก่อสร้างและพักกันอยู่ในที่พักคนงานภายในโรงเรียนสุเหร่าดอนเกาะกาหมู่ 3 ต.ดอนเกาะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา หลังเลิกงานขณะกำลังนั่งทานข้าวร่วมกันอยู่นั้น นายถนอมศักดิ์ ลูกชาย ซึ่งพิการมีอาการป่วยทางสมองและมีอาการคลุ้มคลั่งได้คว้ามีดขึ้นมายืนร้องโวยวาย ด้วยความตกใจญาติได้พยายามพูดจาปลอบโยนและโทรแจ้งขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยควบคุมสถานการณ์แต่ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงนั้นทางญาติได้ช่วยกันเกลี้ยกล่อมนายถนอมศักดิ์ให้สงบสติอารมณ์ลงได้ และได้ให้ทานยาระงับประสาทก่อนนำตัวเข้ามุ้งนอน

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 4 นายได้เดินทางมาถึงและถามว่าผู้ก่อเหตุอยู่ที่ไหน ซึ่งตนได้ตอบไปว่าสงบสติและเข้านอนแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงบอกขอดูตัวหน่อยและได้เปิดประตูเดินเข้าไปในห้องพักเมื่อลูกชายเห็นตำรวจจึงตื่นกลัวและลุกขึ้นจากที่นอนจะวิ่งหนีออกไปนอกห้องจึงชนกับตำรวจที่เดินเข้ามาล้มลงจากนั้นได้ยินเสียงตำรวจที่มาด้วยกันร้องตะโกนว่ายิงเลยและมีเสียงปืนดังขึ้น ตนจึงได้ยกมือขอร้องให้หยุดยิงและถูกกระสุนปืนที่มือ 1 นัด และเห็นลูกชายถูกยิงที่ท้อง 2 นัด และที่ขาอีก 1 นัด จนล้มลงกับพื้น ก่อนที่ตนจะรีบนำตัวลูกชายส่งโรงพยาบาลบางน้ำเปรี้ยวและส่งต่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลพุทธโสธร

นายประกอบ ยังบอกอีกว่า ตนและญาติได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจดอนฉิมพลีเพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำการเกินกว่าเหตุแต่เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการลงบันทึกประจำวันเรื่องคดีโดยบอกเพียงจะสอบสวนเรื่องนี้ให้เท่านั้นผ่านมาแล้วเกิน 7 วันเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงได้นำเรื่องเข้าร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทราให้ช่วยเร่งรัดดูแล ด้านนายสมใจ นึกสังข์คำพันธุ์ นิติกรศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่าได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้วและจะได้ดำเนินการประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป