เปิดแล็บพิสูจน์ กะโหลกบาร์โคดเป็นแค่ไฟเบอร์เตาเผาผี พ่อโต้ลวงโลกขอเก็บเข้าโกศ (คลิป)

13 ส.ค. 64

กรณีนายสฐาพร พรแสน อายุ 26 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ชนรถเก๋ง แล้วถูกรถตู้ทับเสียชีวิต บริเวณถนนเลียบรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่ญาติจะเผาศพ และพบกับชิ้นส่วนประหลาด เป็นกระดูกมีรอยตอกตัวเลขโค้ด ญาติคาดว่าน่าจะเป็นกะโหลกของนายสฐาพร ผู้เสียชีวิต และแปลกใจว่าตัวเลขที่เห็นคือวันเกิดและวันตาย จึงอยากให้ช่วยไขปริศนานั้น

368516

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- จับปั้นเหน่งผีชนกะโหลกบาร์โคด "แจ๊ค" รู้ที่มาเลข ญาติอึ้งทะเบียนผีตายโหง
- เปิดเมรุพิสูจน์กะโหลกตอกบาร์โค้ด พระอึ้งไม่ใช่เศษปูนเผาผี "อ๊อด" ส่งแล็บคลายสะพรึง
-
สัปเหร่อช็อก เผาผีเจอบาร์โค้ดปั๊มกะโหลกตรงวันเกิด - ตาย พ่อเผย 3 เหตุโยงวันพระ

700955

ล่าสุด วันที่ 13 ส.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายัง บริษัท โคแอกซ์ กรุป คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยอาจารย์อ๊อดได้พาทีมข่าวมาชมกล้องจุลทรรศน์ที่มีการใช้ตรวจชิ้นส่วนดังกล่าว เป็นกล้องขนาดใหญ่ที่ใช้ในทางวิทยาศาสตร์ มูลค่ารวมทั้งชุด ประมาณ 9 ล้านบาท

167042

รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม ม.เกษตร เปิดเผยว่า ล่าสุดได้นำชิ้นส่วน 2 ชุด จากญาติ ทั้งกระดูกปริศนา และชิ้นส่วนกระดูกจริง ไปนำการวิเคราะห์โดยใช้กล้องจุลทรรศน์แบบส่องกราด ที่สามารถวิเคราะห์ธาตุที่อยู่ภายในชิ้นส่วนได้ เรียกว่า สแกนนิ่งอิเล็กตรอน ไมโครสโคป แบบ EDX ที่สามารถวิเคราะห์ธาตุได้ และใช้กำลังขยายสูงมาก

425425

โดยการนำทั้ง 2 ตัวอย่างเข้ากล้องจุลทรรศน์และเปรียบเทียบกัน ยอมรับว่าตอนแรกตกใจ เพราะชิ้นส่วนปริศนามีรูพรุน แต่เมื่อดูองค์ประกอบธาตุ เห็นว่าตัวอย่างของกระดูกปริศนามีส่วนของซิลิคอน และออกซิเจนค่อนข้างมาก ซึ่งจะไม่ใช่ธาตุที่พบในกระดูกมนุษย์ หรือสิ่งมีชีวิต ส่วนอีกชิ้นที่เป็นกระดูกจริงจะมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส ออกซิเจน และเกลือ ซึ่งเป็นธาตุประกอบอยู่มาก ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบหลักของกระดูกจริง

557939

จึงสามารถสรุปได้ว่าชิ้นส่วนปริศนานี้ไม่ใช่กระดูกแน่นอน ซึ่งธาตุที่พบมีส่วนคล้าย "ไฟเบอร์กลาส" ซึ่งตรงกับสมมติฐานที่ตนเองได้บอกว่าน่าจะเป็นฉนวนกันความร้อนที่หลุดออกมา แต่หากได้นำชิ้นส่วนฉนวนกันความร้อนในเตาจริงมาวิเคราะห์ด้วย ผลก็จะชัดเจนกว่านี้ว่าใช่ชิ้นส่วนในเตาจริงหรือไม่ รวมถึงตนเองได้คุยกับพระที่เผาศพแล้ว ความเป็นไปได้ที่เกิดแบบนี้ มองว่าน่าจะมีบางชิ้นส่วนในเมรุที่หลุดร่วงมา และรวมกับชิ้นส่วนของผู้ตาย ก็เป็นเหตุทำให้ญาติและพระเข้าใจผิด อีกประเด็นที่พระบอกว่าช่วงที่เปิดโลงก่อนเผา อาจจะมีเพื่อนญาติโยนบางอย่างลงไปในโลงก็มีความเป็นไปได้

559008

ส่วนของรอยปั๊มดังกล่าวยังไม่แน่ใจว่าการปั๊ม หรือการเกิดตัวเลขดังกล่าวเกิดขึ้นนานมากน้อยอย่างไร เพราะไม่ได้นำชิ้นส่วนที่มีตัวเลขมาส่องในกล้องด้วย ถ้าหากนำมาดูก็จะเห็นสัณฐานของวัสดุชัดเจนว่ากดทับก่อนหน้านี้ หรือกดทับภายหลัง

ทั้งนี้ ขอขอบพระคุณญาติที่นำชิ้นส่วนมาพิสูจน์และคลายข้อสังสัย ขอให้สบายใจได้ เพราะผลการพิสูจน์ที่ออกมาเป็นผลเชิงสร้างสรรค์ และไม่ก้าวล่วงเรื่องของความเชื่อ และขอให้ดวงวิญญาณผู้ตายไปสู่สุคติ

481655

ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของพ่อและแม่ผู้เสียชีวิต ในพื้นที่เคหะทุ่งสองห้อง นายสมใจ พรแสน อายุ 56 ปี และนางสาวทองดี อุ่นแก้ว อายุ 50 ปี พ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต ทำอาชีพเย็บกระเป๋าเก็บอุณหภูมิขาย พาไปดูห้องนอนของนายสฐาพรกับน้องสาว โดยปกติทั้งคู่จะนอนด้วยกัน หลังจากที่นายสฐาพรเสียชีวิต แม่ได้ขอให้นางสาวน้ำฝน แฟนสาวของผู้เสียชีวิต มาพักอาศัยในห้องนี้แทนลูกชาย

413508

พ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากผลการพิสูจน์ของอาจารย์อ๊อดออกมาว่าไม่ใช่กระดูกนั้น พ่อกับแม่มองว่าก่อนหน้านี้ครอบครัวก็อยากพิสูจน์อยู่แล้ว ตั้งแต่พระที่วัดให้ดูชิ้นส่วนนี้ พอมีตัวเลขที่สัมพันธ์กับวันเกิดก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้น ผลที่ออกมาวันนี้ ครอบครัวยอมรับและไม่มีผลกระทบใด ๆ ไม่เสียใจ และน้อมรับผลตรวจทุกประการ ส่วนพ่อมองว่าเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรก แต่ก็อยากรู้จึงให้พิสูจน์

ส่วนความเชื่อมองว่าลูกชายอาจจะอยากสื่อสารกับพ่อแม่ว่า เกิดมาแค่นี้ บุญมีแค่นี้ จึงให้ครอบครัวบังเอิญเจอชิ้นส่วนนี้ ซึ่งทำให้พ่อแม่สบายใจมากขึ้นหลังจากพบชิ้นส่วนนี้ และยืนยันว่าไม่ได้สร้างเรื่อง ไม่ได้หลอกลวง ขอวอนโซเชียลอย่าดราม่า ครอบครัวไม่ได้อุปโลกขึ้นมา ให้มองว่าเป็นความสบายใจของครอบครัวก็เท่านั้น หากย้อนกลับไปช่วงก่อนทำพิธีเผาศพ ก็มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น คือร่างกายและใบหน้าของลูกชายขาวนวลและใสมาก ทั้งที่ควรจะเขียวช้ำเพราะประสบอุบัติเหตุมา และตามความเชื่อพ่อกับแม่ไม่ได้ขึ้นไปเผาศพลูก เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งไม่ดี จะเป็นบาปกรรม

ความรู้สึกของพ่อแม่ในขณะนี้ เชื่อว่าลูกชายไปสู่ภพภูมิที่ดีแล้ว และตนเองก็ทำใจได้แล้ว และสบายใจขึ้นมาก ถือว่าลูกชายคงมีชีวิตมาแค่นี้ ส่วนเรื่องคดีความในส่วนที่ลูกชายประสบอุบัติเหตุก็ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป ต้องรอกระบวนการยุติธรรม และน้อมรับคำตัดสินทุกประการ ส่วนกระดูกลูกชายที่นำไปตรวจก็จะนำกลับมาใส่รวมกันในโกศดังเดิม และหลังจากสถานการณ์ดีขึ้นจะนำไปทำบุญ และนำไปไว้รวมกับอัฐิของบรรพบุรุษที่ จ.บุรีรัมย์ ต่อไป

193345

ด้านนางสาวปิยฉัตร ศิโรตม์พรพสุตม์ นักวิทยาศาสตร์ที่นำชิ้นส่วนตรวจ อธิบายขั้นตอนว่า ก่อนอื่นต้องนำตัวอย่างทั้ง 2 ชิ้น วางลงบนถาด โดยใช้ตัวคาร์บอนเทสเป็นแผ่นรองตัวอย่าง และนำเข้าไปในกล้องสแกนนิ่งอิเล็กตรอน ไมโครสโคป และรอให้ระบบสูญญากาศทำงาน จากนั้นมีการถ่ายภาพ ดูโครงสร้างของสิ้นช่วน และพื้นผิวของตัวอย่าง

981657

โดยมีการดูพื้นผิวตัวอย่างทั้ง 2 ชิ้น ด้วยกำลังขยาย 100 เท่า และ 500 เท่า จะเห็นว่าลักษณะทางกายภาพของชิ้นส่วนทั้ง 2 ชิ้นนั้นไม่เหมือนกัน ซึ่งหากจะดูว่าในชิ้นส่วนมีองค์ประกอบของธาตุใดบ้าง ต้องใช้ส่วนของ EDX (Energy Dispersive X-ray Spectrometer) ส่องดูต่อว่าจะปรากฏสารใดบ้างในชิ้นส่วน

550904

สำหรับชิ้นส่วนกระดูกปริศนา จะพบซิลิคอนไดออกไซค์เป็นองค์ประกอบหลัก ส่วนกระดูกจริง จะพบแคลเซียม เป็นองค์ประกอบหลัก หมายความทั้ง 2 ชิ้นส่วน ไม่ใช่วัตถุชนิดเดียวกัน ขั้นตอนการตรวจทั้งหมด จะใช้เวลาประมาณ 5 นาทีจะทราบผล และนำชิ้นส่วนออกจากกล้อง ก่อนหน้านี้ไม่เคยตรวจกระดูกมาก่อน จะมีก็แต่เซียนพระจะนำพระเครื่องมาตรวจว่าเป็นพระแท้หรือไม่ เป็นเนื้อชนิดใด ซึ่งจะดูในส่วนมวลสารด้านใน กล้องตัวนี้ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม