กรณีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุรุมทำร้ายนายจรูญ อินต๊ะ อายุ 60 ปี เจ้าของหอพักในพื้นที่ ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ช่วงกลางดึกวันที่ 28 ก.ย. 61 โดยเนื่องจากผู้ตายเข้าไปห้ามปรามเหตุทะเลาะวิวาท ระหว่างผู้เช่าห้องพักที่เป็นวัยรุ่นคนไทยกับคนงานชาวไทยใหญ่ แล้วถูกกลุ่มวัยรุ่นคนไทย ที่ต่อมาทราบว่าเป็นกลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบ รุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งกล้องวงจรปิดในหอพักสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ ล่าสุด 3 ผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวแล้ว รวมผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมได้ทั้งหมด 6 ราย ทั้งนี้ ตำรวจคาดว่ามีผู้หลบหนีอีกอย่างน้อย 4 ราย (อ่าน :
แก๊งโจ๋กระทืบลุงวัย 60 ดอดมอบตัวอีก 3 – ตร.ล่ามือโพสต์ด่าคู่กรณี ก๊วนปล่อยกู้นอกระบบ)
วันที่ 2 ต.ค. 61 ทีมข่าวลงพื้นที่หอพักดังกล่าว โดยในหอพักดังกล่าวมีผู้พักอาศัย ได้แก่ ห้องเบอร์ 1 นางน้อย ผู้ที่โทรศัพท์แจ้งนายจรูญ ให้มาที่เกิดเหตุ, ห้องเบอร์ 2 นายอนิวัฒน์ รุจิวงศ์ หรือ ดำ ผู้ต้องหา และแฟนสาว ที่โทรเรียกพวกมารุมทำร้าย, ห้องเบอร์ 3 นายเคิ้ง ลูกน้องนายแดง (ห้องเบอร์ 4) ไม่ออกจากห้องขณะเกิดเหตุ, ห้องเบอร์ 4 นายแดง กับนางจันทร์ ผู้บาดเจ็บ, ห้องเบอร์ 5 นายชัย พนักงานร้านสะดวกซื้อ ไม่ออกจากห้องขณะเกิดเหตุ, ห้องเบอร์ 6 นายดาว และแฟนสาว, ห้องเบอร์ 7 นายบรรจง โกสุโท หรือ แบงค์ ผู้ต้องหา, ห้องเบอร์ 8 ชาวไทยใหญ่ไม่ทราบชื่อ ไม่ออกจากห้องขณะเกิดเหตุ และห้องเบอร์ 9 ห้องว่าง
นายเทพ (นามสมมติ) พ่อของนายบรรจง เล่าว่า หลังเกิดเหตุ ตนก็เพิ่งมาทราบจากข่าวว่าลูกมีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็มีตำรวจมาหาที่บ้าน ซึ่งตนเลี้ยงดูลูกชาย จนถึงประมาณประถมศึกษาตอนปลาย นายจงก็บอกว่าอยากบวชเรียน ตนจึงส่งบวชเรียนที่กรุงเทพฯ กระทั่งชั้น ป.6 นายจงบอกว่าไม่อยากบวชเรียนแล้ว จึงหางานทำแทน ซึ่งเท่าที่ตนทราบคือ ลูกชายทำงานเป็นช่างทาสีบ้าน รับทำฝ้าเพดาน กับหัวหน้ารับเหมาก่อสร้าง ซึ่งนาน ๆ จึงจะกลับมาเยี่ยมตน ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่เคยทราบมาก่อนว่า ลูกทำงานกับแก๊งทวงหนี้ และตนไม่เคยสงสัยมาก่อน
หลังจากลูกชายโดนคดี สำหรับเรื่องที่ทำให้เจ้าของหอเสียชีวิต ยอมรับว่า ตนก็คิดว่าลูกชายอาจจะมีส่วนจริง เพราะไปกับกลุ่มเพื่อนด้วยกัน แต่ตนไม่เคยเห็นหน้าเพื่อนลูกพวกนี้มาก่อน ตนยืนยันว่า ที่ผ่านมาลูกตนไม่เคยไปก่อเหตุใช้กำลังข่มขู่ใคร เป็นเด็กนิสัยดี ส่วนเรื่องที่นิสัยโหดเหี้ยมหรือไม่นั้น ตนคิดว่าลูกไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่อยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เป็นแบบนั้น ซึ่งอาจมีการยุแยงแบบหนุ่มวัยรุ่น ทั้งนี้ เวลาตนโทรไปถามช่วงที่ลูกไปดื่มสุรา ก็จะบอกแต่ว่า "ดื่มอยู่หอครับ" ตนจึงไม่ทราบว่าเวลาเขาเมาจะอาละวาดใส่ผู้อื่นหรือไม่
นายเทพ กล่าวว่า หากเรื่องนี้พิสูจน์แล้วว่าลูกตนมีความเกี่ยวข้องจริง ตนก็จะให้ลูกรับสารภาพผิด ตนไม่คิดจะไปประกันตัว เพราะถือว่าเป็นบทเรียน ลูกทำตัวเอง ตอนนี้ตนอยากถามลูกว่าทำแบบนั้นทำไม หากทำผิดจริงก็อยากให้ไปกราบขอโทษครอบครัวผู้ตาย ส่วนตัวก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเจ้าของหอพักด้วย
นางจันทร์ (นามสมมติ) ภรรยาของนายแดง คู่กรณีกลุ่มผู้ก่อเหตุ พักห้องหมายเลข 4 เล่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุว่า ก่อนที่สามีตนกับนายบรรจงจะชกต่อยกัน นายดาว น้องชายของสามีได้วิ่งมาบอกสามีว่าให้ไปช่วยเคลียร์กับนายบรรจงให้หน่อย แต่อีกฝ่ายกลับอาละวาดแล้วบอกว่า “มึงอยากมีเรื่องกับกูหรือ” โดยนายบรรจงอ้างว่า นายดาวเปิดประตูเสียงดังทำให้รำคาญ จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ตนได้ยินเสียงแฟนของคู่กรณีโทรศัพท์ไปเรียกคนมาช่วยเหลือ
จากนั้นเพียง 5 นาที กลุ่มเพื่อนของนายบรรจงก็ขับรถจักรยานยนต์มาที่เกิดเหตุ แล้วกลุ่มผู้ก่อเหตุก็เข้ามาพังประตู พร้อมด่าตนกับสามีในห้องว่า "แฟนมึงผิด" แล้วก็มารุมทำร้ายสามีตนจนสาหัส ซึ่งตอนนั้นตนเห็นว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุอีกประมาณ 20 คน ตามมาร่วมด้วย ตนจึงรีบวิ่งอุ้มลูกน้อยขึ้นไปหลบบนหลังคา ส่วนเหตุการณ์ที่ลุงจรูญโดนทำร้ายนั้น ตนเห็นลุงพยายามเข้ามาเจรจากับนายบรรจง ที่ห้องเบอร์ 7 แต่นายบรรจงยังไม่เปิดประตูก็ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาทำร้ายเสียก่อน แล้วเมื่อลุงขับจักรยานยนต์ออกไปก็ถูกวัยรุ่นอีกกลุ่มทำร้ายซ้ำ ขณะเดียวกันสามีตนก็ถูกรุมกระทืบด้วยเช่นกัน
นางจันทร์ เล่าต่อว่า ตอนที่ลุงจรูญโดนทำร้าย ตนได้ยินกลุ่มผู้ก่อเหตุพูดคุยกันว่า "เอาให้ตายเลย ทำให้ตาย ถ้าไม่ตาย ไม่ต้องไป" และมีการถามกันด้วยว่า "ตายหรือยัง" ซึ่งทำให้ตนรู้สึกตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งลุงจรูญถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุซ้อมอยู่ราว 15 นาที ลุงพูดขอร้องว่า “อย่าทำผม” จากนั้นลุงก็สลบไป ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นจะขับรถออกไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สามีตน อาการค่อนข้างสาหัส มีเลือดคั่งในสมอง ต้องอาศัยการผ่าตัด และรักษาตัวจนกว่าจะดีขึ้น ซึ่งสามีตนจดจำรูปพรรณของคนร้ายได้เป็นอย่างดี โดยมีตำรวจไปสอบปากคำทุกวัน ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า กลุ่มคนร้ายที่มาก่อเหตุ ตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน และไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน ตนก็รู้สึกเสียใจที่ลุงจรูญต้องมาเจอเหตุเช่นนี้ ตนอยากขอโทษทางครอบครัวของลุงจรูญ และขอให้คนร้ายถูกจับได้โดยเร็ว เพราะตนก็ห่วงความปลอดภัยของตน
นอกจากนี้
นางน้อย (นามสมมติ) ผู้เช่าห้องเบอร์ 1 กล่าวว่า ตนมาพักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าตั้งแต่เดือน ม.ค. ซึ่งเป็นชาวไทยใหญ่ทั้ง 2 ห้อง มาพักก่อนหน้าตนแล้ว ก็ไม่เคยเห็นว่ามีปัญหากับใคร แต่ยอมรับว่า นายแดง ที่อยู่ห้อง 4 เป็นคนมีนิสัยพูดจาเสียงดัง ตนก็จะสนิทกับแฟนของนายแดง เพราะทั้ง 2 คน ค่อนข้างมีน้ำใจ ส่วนนายดาว น้องชายนายแดง ที่อยู่ห้องเบอร์ 6 ก็เป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ดูเป็นคนเงียบ ๆ แต่ตนไม่ทราบว่านายดาว เคยมีปัญหาอะไรกับนายบรรจงหรือไม่
สำหรับเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ตนก็พักอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงนายแดงกับนายบรรจง มีปากเสียงกัน ด่าทอกันด้วยคำหยาบ ในลักษณะที่นายบรรจงคล้ายกับมีอาการเมาสุรา และพูดจาท้าทายอีกฝ่ายว่าทนไม่ไหวแล้ว อัดอั้นมานาน แต่ตนไม่ทราบรายละเอียด กระทั่งได้ยินทั้ง 2 ฝ่ายต่อยตีกัน ก่อนที่นายแดงจะวิ่งมาเคาะห้องตน แล้วให้ตนช่วยโทรศัพท์ไปบอกเจ้าของหอพัก เพื่อให้มาระงับเหตุ ขณะนั้น ตนก็ไม่ได้เปิดประตูออกไป แต่ตอบขานรับไปว่าจะโทรแจ้งให้ เนื่องจากเจ้าของหอพัก มักบอกตนว่าหากมีปัญหา ให้โทรแจ้งเจ้าของหอได้ทันที ตนจึงโทรศัพท์ไปบอกลุงจรูญ ให้เข้ามาช่วยระงับเหตุ
จนกระทั่งแฟนตนเปิดประตูไปดู ก็พบว่ามีรถจักรยานยนต์จำนวนกว่า 10 คัน ขับเข้ามาในที่หอพัก แล้วภรรยาของลุงจรูญก็มาขอความช่วยเหลือ ให้ตนโทรแจ้งตำรวจ ซึ่งขณะนั้นตนและภรรยาลุง ไม่ทราบเลยว่าลุงกำลังถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้าย เหตุการณ์สงบลง แฟนตนจึงเข้าไปดู ก่อนจะพบว่ามีผู้บาดเจ็บสาหัสคือลุงจรูญ กับนายแดง ตอนนั้นสภาพของลุงจรูญ คือยังมีสติ แต่ท้องบวม ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด
ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า ลุงจรูญเป็นคนมีน้ำใจ ตนก็รู้สึกรักมาก คนในหมู่บ้านต่างก็รักลุง เพราะลุงเคยเป็นอาสาสมัครของชุมชนมาก่อน ซึ่งลุงและภรรยา อนุญาตให้นายบรรจงและพวกเข้าพักในห้องเช่า เพราะอ้างว่าทำอาชีพอู่รถ ซึ่งทางเจ้าของหอก็ไม่ทราบมาก่อนว่าจริงแล้ว กลุ่มดังกล่าวเป็นพวกแก๊งทวงหนี้ ส่วนตัวไม่ค่อยสนิทสนมกับนายบรรจงและพวกมากนัก เพราะต่างฝ่ายต่างอยู่ ตนก็เห็นพวกเขาอยู่กันเงียบ ๆ ไม่เคยเห็นมีพฤติกรรมข่มขู่เพื่อนข้างห้อง หรือมีอาวุธแต่อย่างใด เวลาพวกเขาออกไปข้างนอก ตนก็เห็นเขาสวมใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ไม่ได้มียูนิฟอร์มของบริษัท ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเขาทำงานอะไร และไม่ได้สังเกตเห็นว่าเขาไปทำงานกี่โมง เพราะบางครั้งเขาก็ออกไปเช้าบ้าง ตอนเย็นบ้าง ไม่เป็นเวลา
ขณะที่บรรยากาศงานสวดอภิธรรมศพของนายจรูญ อินต๊ะ เป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยมีบรรดาญาติและเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกันมาร่วมงานกันอย่างไม่ขาดสาย ภายหลังการสวดอภิธรรมเสร็จในเวลาประมาณ 20.30 น.
นางศรีวรรณ สมบูรณ์ ภรรยาของนายจรูญ และนายภานุพงศ์ อินต๊ะ ลูกชายนายจรูญ เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบแล้วว่าคนร้ายถูกจับกุมแล้ว 6 คน แต่ตนไม่เชื่อที่คนร้ายปฏิเสธว่าไม่ได้ลงมือทำร้ายพ่อ เพราะภาพกล้องวงจรปิดได้บอกทุกอย่าง อยู่ที่ใครจะรู้ว่าคนไหนทำบ้าง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าคนร้ายทุกคนที่ถูกออกหมายจับนั้นก่อเหตุจงใจลงมือฆ่าพ่อของตน เพราะพวกเขาเตรียมตัวกันมาอย่างดี มีการวางแผนตั้งแต่โทรหากัน แล้วเตรียมกันมาเป็นชุดใหญ่หลายคน
ทั้งนี้ พ่อตนไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับเขา ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องก่อเหตุรุนแรงกับพ่อตน อีกทั้งพ่อตนก็ไม่ได้โต้ตอบพวกเขา ตอนนี้ตนอยากให้คนก่อเหตุที่โดนฝากขังไปได้มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพด้วย เพราะตนอยากรู้ว่าแต่ละคนก่อเหตุลงมือกันอย่างไร ใครทุบตีพ่อ ทำร้ายพ่อ เพราะตนเชื่อว่าคนลงมือรวมกันเป็น 10 กว่าคน
ขณะนี้ตนเองรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้มาก ที่ผ่านมาพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว ตนเอง แม่และยายอยู่ได้ก็เพราะมีพ่อ ส่วนที่พ่อของผู้ต้องหาหนึ่งใน 6 คน ได้ขอโทษผ่านสื่อมานั้น ตนเองขอไม่รับคำขอโทษ เพราะตนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่สั่งสอนลูกตัวเองให้ดีกว่านี้ ควรดูแลลูกให้ดีกว่านี้ ลูกเขามากระทำการเกินกว่าเหตุกับคนที่ไม่รู้จักกันได้อย่างไร
ด้าน
นางศรีวรรณ ยอมรับว่า ไม่รู้สึกสบายใจขึ้นเลย แม้ตำรวจจะจับคนร้ายได้แล้วเป็นบางส่วน เนื่องจากยังทุกข์ใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนกับลูกชาย ตอนนี้ตนขอให้ตำรวจจับคนร้ายได้ทุกคนโดยเร็ว