"เจมส์บอนด์" หนุ่มปริญาโทจบชีวิต ถูกมาดามเพื่อนรักทิ้งหนี้ให้ใช้ ภาพสุดท้ายหิ้วยาพิษขึ้นห้อง (คลิป)

คดีน้อง เจมส์บอนด์ จากกรณีเข้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิต ภายในห้องพักแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยแพทย์นิติเวชเข้าพื้นที่พร้อมกับมูลนิธิสว่างขอนแก่นสามัคคีอุทิศ เข้าตรวจสอบเบื้องต้น ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายวรภพ หรือเจมส์บอล อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่แพทย์จึงส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ที่เกิดเหตุพบน้ำยาล้างห้องน้ำ สายไฟ มีดคัตเตอร์ และมีรอยบาดแผลที่ข้อมือของผู้เสียชีวิต จากข้อมูลทราบว่าปมเหตุมาจากการที่ผู้ตายเครียดเรื่องหนี้สินที่มีการยืมเงินให้เพื่อนชื่อ "มาดามมาย" แต่ไม่ใช่หนี้ จึงต้องแบกรับความผิดชอบแทนนั้น ซึ่งเป็นกระแสข่าวจนมีการพูพดถึงอย่างมาก จนขึ้นเทรนของทวิตเตอร์

วันที่ 21 ส.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ หอพักในพื้นที่ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ลักษณะอาคาร 2 ชั้น โดยผู้เสียชีวิตอยู่ชั้น 2 ห้องริมสุดของตึก

นายแก้ว (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย บอกว่า ตนได้รับแจ้งจากลูกบ้าน ชั้นห้องข้างล่างติดกับห้องของนายวรภพ ผู้เสียชีวิต ว่ามีน้ำไหลออกมาจากห้อง ตนจึงตามเข้าไปดู และมีการเคาะประตูห้อง แต่ไม่มีใครเปิด และไม่มีใครตอบรับ จึงพบว่ามีความผิดปกติ

จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าหอพัก และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เข้ามาในพื้นที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ก็มีการเข้าไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตนไม่ได้เข้าไปดู แต่รู้ว่าผู้เสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ

ทั้งนี้ ตนรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นคนร่าเริง มักจะยิ้มทักทายกันตลอด และทางด้านเจ้าของหอพักก็จะมีการทำบุญอีกครั้งหลังจากนี้

ทีมข่าวได้รับข้อความจากแชตการสนทนาระหว่างเจมส์บอนด์ ผู้เสียชีวิต กับมาดามมาย ใจความการพูดคุยทำนองว่าผู้เสียชีวิตมีการพูดทวงเงินจากมาดามมาย และเครียดเรื่องที่มีเจ้าหนี้ชื่อ "พี่บี" ทวงเงิน ซึ่งมาดามมายระบุว่าจะรีบหาเงินมาคืน ก่อนที่จะเงียบไป ไม่ตอบกลับมา ส่วนผู้เสียชีวิตพยายามติดต่อพูดคุยด้วยตลอด

นอกจากนี้ มีแชตการสนทนาที่มาดามมายลงรูปทานอาหารอย่างดี บนอินสตาแกรม จนมีเพื่อนทักว่ากินดี ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าได้เงินมาจากการยืมเงินมาอีกที ต้องใช้เงินให้คุ้ม เพราะไหน ๆ ก็ยืมมาแล้ว

นางสาวพัชรภรณ์ สามหาดไทย อายุ 41 ปี แม่ค้าร้านสะดวกซื้อใกล้เคียงหอพัก เล่าย้อนว่าเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 64 ช่วงสาย มีลูกค้าเข้ามาที่ร้านค่อนข้างเยอะ มีผู้ชายสูงร่างใหญ่เดินมาที่หน้าร้าน และตะโกนสอบถามตนว่า "พี่มีน้ำยาล้างห้องน้ำไหมรับ" ซึ่งน้ำยาล้างห้องน้ำที่ร้านของตนหมด จึงบอกว่าไม่มี แล้วเขาก็เดินออกไป ซึ่งตนก็ไม่ได้แปลกใจ เพราะน้ำยาล้างห้องน้ำก็เป็นของใช้ประจำบ้าน ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเหตุลักษณะนี้ในพื้นที่ แล้วก็ไม่เคยเห็นหน้าผู้เสียชีวิตมาก่อน เนื่องจากไม่ใช่ลูกค้าประจำ หรือเขาอาจจะเคยมา แต่ตนจำไม่ได้ เพราะช่วงนี้คนก็สวมหน้ากากอนามัยเข้าร้านกันทุกคน จึงไม่ได้สังเกตใบหน้า

นายอัถพล หลาวเหล็ก อายุ 29 ปี รุ่นพี่ที่สนิทกับผู้ตาย บอกว่า ตนกับนายวรภพ ผู้เสียชีวิต รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยที่จ.หนองคาย ประมาณ 4 ปี ซึ่งนายวรภพเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี เป็นรอยยิ้มของกลุ่มเพื่อน และเป็นคนไม่ค่อยเล่าเรื่องความทุกข์ของตัวเองให้ใครฟัง เวลาเขามีความทุกข์จะเข้ามาปรึกษา โดนที่ตนไม่ต้องถาม ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ให้คำแนะนำการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก การใช้ชีวิต การเรียน หน้าที่ของการเรียน เขาเป็นคนที่ชอบสงสัยและถามและชื่นชอบในการทำกิจกรรม เป็นประธานสโมสรนักศึกษา เป็นประธานฝ่ายกิจกรรมเชียร์ เรียกได้ว่าเก่งรอบด้าน

ตนได้มีโอกาสเจอนายวรภพล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ส.ค.64 ที่ จ.หนองคาย ก็เป็นการพูดคุยและสังสรรค์ปาร์ตี้หมูกระทะปกติ ไม่มีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเหตุ ก่อนกลับนายวรภพก็บอกกับตนว่าต้องขอตัวกลับไปอ่านหนังสือ เพราะต้องเตรียมสอบ ป.โท สาขาวิชาสรีระวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แล้วก็บอกกับตนว่าไว้สถานการณ์โควิดดีขึ้น จะกลับมาเยี่ยมหาบ่อย ๆ ส่วนปมปัญหาเรื่องการกู้เงิน ไม่มีเพื่อนคนไหนทราบรายละเอียดทั้งหมด ตอนนี้ตนอยากให้มาดามมายออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำ และไม่ควรทำร้ายคนที่รักและไว้ใจกันแบบนี้ ควรจะออกมาขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต

สำหรับบนเฟซบุ๊กของผู้เสียชีวิต ก่อนหน้าเกิดเหตุมีการโพสต์ไว้หลายข้อความที่แสดงถึงความเครียดเรื่องหนี้สิน และปัญหาที่เกิดขึ้น

ที่วัดสว่างสุทธาราม ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีการจัดงานสวดอภิธรรมศพนายวรภพ อายุ 26 ปี ผู้เสียชีวิต มีเหล่าบรรดาเพื่อนพี่น้อง เดินมามาแสดงความเสียใจ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

นายประสิทธิ์ อายุ 50 ปี พ่อผู้เสียชีวิต บอกว่า ทางครอบครัวไม่เคยทราบว่าลูกมีการไปกู้เงินมาให้มาดามมาย เพราะลูกไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง เพิ่งมาทราบข้อมูลจากเพื่อน และจากข่าวในสื่อสังคมโซเชียลมีเดียว่าลูกเป็นหนี้ เพราะกู้มาให้เพื่อน เป็นจำนวนเงิน 97,800 บาท และต้องส่งเงินสัปดาห์ละ 12,000 บาท ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งถึงข้อเท็จจริงทั้งหมด

ส่วนตัวไม่ได้มีการรู้จักกลับมาดามมายเป็นการส่วนตัว เพิ่งจะมารู้จักก็ตอนที่เข้าไปดูเฟซบุ๊กลูกชาย พูดถึงเรื่องหนี้สินและแท็กคนนี้ไป แต่ตนก็ไม่อยากกล่าวหาใคร แต่มั่นใจว่าบุคคลผู้นั้นเป็นสาเหตุและปัจจัยหลักในการที่ทำให้ลูกชายของตนตัดสินใจลาโลก เพราะมีความเครียดกับหนี้สินที่ต้องใช้คืนโดยที่ไม่ได้ก่อ ที่สำคัญตนเลี้ยงลูกมา ลูกชายเป็นคนที่มีนิสัยร่าเริง อัธยาศัยดี เรียนเก่งและชอบทำกิจกรรม และมักจะมองโลกในแง่บวกเสมอ การคิดสั้นไม่น่าจะใช่ตัวตนของเขา แต่น่าจะมีแรงจุงใจที่บีบบังคับให้เขาต้องทำแบบนี้

ตนยืนยันว่าจะมีการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่หลอกให้ลูกชายตนไปกู้ยืมเงินมา ขอเวลาให้เจ้าที่ตำรวจติดตามรายละเอียดของหลักฐานก่อน ยืนยันว่าลูกจะต้องไม่ตายฟรี สภาพจิตใจของตนขณะนี้ค่อนข้างที่จะย่ำแย่ เพราะมีลูกชายคนเดียว ตั้งความหวังให้เขาได้เรียนสูงระดับปริญญาเอก ตอนนี้เสียใจพูดอะไรไม่ถูก อยากจะบอกให้ลูกไปสบาย ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว

ทางด้านมาดามมาย มีการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ใจความว่า "ขอแสดงความขอโทษและความเสียใจมาก ๆ จากใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ ไม่เคยมีความคิดใดที่จะให้เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้และเกิดขึ้นอย่างนี้เลย ไม่ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้จริง ๆ คงไม่มีใครอยากให้เกิด รู้ดีว่าคำขอโทษตอนนี้มันไม่มีความหมาย แต่ยังไงก็ยังอยากแสดงความรับผิดชอบและความเสียใจจริง ๆ จากใจ..."

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาดาม ม.ก่อหนี้ โพสต์รับตัวเองไม่ได้ หลังทราบข่าวรุ่นพี่จบชีวิต