จากกรณี นางเสาวลักษณ์ กล่ำเจริญ อายุ 44 ปี และน.ส.นัทชา กล่ำเจริญ อายุ 20 ปี ลูกสาว ได้เข้าร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.แหลมฉบัง เนื่องจาก น.ส.นัทชา ได้ตั้งครรภ์บุตร มีกำหนดคลอดลูกในวันที่ 23 มี.ค. 64 แต่ปวดท้อง คลอดก่อนกำหนดในวันที่ 22 มี.ค. กับโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่เพราะทนไม่ไหว จึงได้แวะคลอดธรรมชาติที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดฃใน ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งขณะคลอด น.ส.นัทชา มีเลือดไหลบริเวณช่องคลอดไม่หยุด ทีมแพทย์จึงได้นำผ้าก๊อซมาอุดไว้
กระทั่งผ่านไปประมาณ 15 วัน น.ส.นัทชา น้ำคาวปลา เริ่มมีกลิ่นเหม็น และทวีคูณความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนล้มป่วย หลังจากตรวจภายในจึงพบว่ามีผ้าก๊อซอยู่ รวมระยะเวลานานถึง 3 เดือน จึงได้ติดต่อไปยังทางโรงพยาบาลที่เกิดเหตุ ทางโรงพยาบาลได้แจ้งว่าให้นำเรื่องไปร้องทุกข์กับประกันสังคม แต่เมื่อเดินทางไปยังสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเอกสารไม่ครบ
วันที่ 21 ส.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ติดต่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เกิดเหตุ ชี้แจงว่ายังไม่ได้รับทราบเรื่องราวอย่างละเอียด แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกำลังรวบรวมข้อมูลมาให้ เพื่อทางโรงพยาบาลจะได้พิจารณาถึงความรุนแรงและผลกระทบต่อผู้เสียหาย ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้ใช้สิทธิประกันสังคมในการคลอดบุตร ทำให้การร้องเรียนหรือแจ้งเรื่อง ผู้เสียหายจะต้องไปแจ้งที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี สำหรับการลืมผ้าก๊อซไว้ในช่องคลอด ไม่อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง คาดว่าเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความบกพร่องของพยาบาล ทางโรงพยาบาลจะทำการตรวจสอบและดำเนินการตักเตือนลงโทษไปตามขั้นตอนต่อไป
นางเสาวลักษณ์ กล่ำเจริญ อายุ 44 ปี แม่ผู้เสียหาย บอกว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวเป็นอย่างมาก สามีลูกสาวเป็นทหาร ไม่อยู่บ้าน แม่ต้องคอยดูแล มีลูกชาย 1 ขวบ ลูกสาวเพิ่งคลอด หลังจากลูกสาวคลอดลูกก็มีอาการซูบผอมลงเรื่อย ๆ ไม่สดใส มีไข้สูงพร้อมอาการปวดท้อง ทำให้ให้ต้องลางานอยู่ตลอด จนสุดท้ายตนได้พาลูกสาวไปตรวจภายในที่โรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ จึงพบว่ามีผ้าก๊อซอยู่ภายในช่องคลอด
จากนั้นตนได้พูดคุยกับทางโรงพยาบาลที่ทำคลอด ผ่านทางโทรศัพท์ ตนบอกกับทางโรงพยาบาลว่า โชคดีแค่ไหนที่ลูกสาวไม่ติดเชื้อในกระแสเลือดแล้วเสียชีวิต ตนอยากพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่อีกฝ่ายไม่ตอบรับ แนะนำให้ตนนำเอกสารประวัติการฝากครรภ์จากโรงพยาบาลฝากครรภ์ไปยื่นที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี เพื่อรับเงินเยียวยา โดยไม่ต้องใช้เอกสารจากโรงพยาบาลที่ทำคลอด อ้างว่าทางสำนักงานประกันสังคมจะประสานติดต่อมาเอาเอกสารเอง
ตนติดใจว่าตนจ่ายเงินจำนวน 13,037 บาท ในการทำคลอดให้กับลูกสาว แต่ทำไมทางโรงพยาบาลที่ทำคลอดกับโยนความรับผิดชอบให้กับสำนักงานประกันสังคม อีกทั้งยังอ้างว่าโควิดแพร่ระบาด ไม่อนุญาตให้เข้าพบผู้บริหาร ในวันที่ 19 ส.ค. ตนเดินทางไปสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี รอคิวอยู่นาน เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า "ไม่ต้องมา ไปเอาเอกสารเพิ่ม" ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ดูเอกสาร
ตนคิดว่าไม่ยุติธรรมที่ลูกสาวตนต้องประสบเหตุการณ์แบบนี้ ลูกสาวต้องทรมานโดยที่ไม่ทราบว่ามีอะไรแปลกปลอมภายในตัว ตนพาลูกสาวตนไปตรวจภายใน พาไปสำนักงานประกันสังคม เสียเงินค่าเดินทาง เสียเวลาลางานของตนและลูกสาว การลางานอาจส่งผลต่อความรู้สึกของเพื่อนร่วมงานและรายได้ ตนคิดว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมไม่ควรพูดกับตนแบบนี้ เพราะหากโรงพยาบาลไม่ทำคนตาย แค่ค้างผ้าก๊อซไว้ ก็ไม่มีความผิดเหรอ ตนเสียใจที่ไม่มีหน่วยงานใดออกมาแสดงรับผิดชอบหรือสำนึกผิด
ด้าน น.ส.นัทชา กล่ำเจริญ อายุ 20 ปี ผู้สียหาย บอกว่า ตนรู้สึกผิดหวังกับการรักษาของโรงพยาบาลที่ทำคลอดให้ตน ตนไม่ได้ตั้งใจจะคลอดที่โรงพยาบาลแห่งนี้ แต่เนื่องจากเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ตนเดินทางไปโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ไม่ทัน ในวันที่ 22 มี.ค. วันทำคลอด ตนได้ยินพยาบาลคุยกันว่า "ดูต่อด้วยนะ ไปอีกเคสหนึ่งก่อน" จากนั้นพยาบาลอีกคนก็ได้มาทำแผลบริเวณช่องคลอดให้ตนและอบแผล แต่ตนไม่ทราบเลยว่าถูกนำผ้าก๊อซที่ซับเลือดตอนไหน ยืนยันว่าไม่มีการอธิบายหรือแจ้งว่าจะทำอะไรอย่างไรจากพยาบาล
จากนั้น ขณะที่ตนนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล ทางพยาบาลแจ้งว่าก่อนกลับจะมีแพทย์มาตรวจภายในให้ แต่ในวันที่ 24 มี.ค. ที่ตนจะต้องออกจากโรงพยาบาล ก็ไม่มีแพทย์มาตรวจให้ตน เมื่อตนกลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน รื่มมีน้ำคาวปลาไหลออกมาจากช่องคลอด แต่กลิ่นน้ำเหม็นมาก เมื่อผ่านมาได้ 1 เดือน น้ำคาวปลากก็ยังไหลไม่หมด อีกทั้งตนยังมีอาการปวดท้อง คล้ายจุกเสียด เหมือนมีอะไรเสียดสีอยู่ในช่องคลอด ตนจึงได้ค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต มีคนบอกว่าอาจจะมีการลืมผ้าก๊อซ แต่ตนไม่คาดคิดว่าจะมีผ้าก๊อซในช่องคลอดตนจริง ๆ กระทั่งปลายเดือนมิถุนายนพบว่ามีอะไรคล้ายผ้าโผล่ออกมา ลักษณะเป็นสีแดงดำคล้ำ ๆ ตนจึงได้เดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ในวันที่ 3 ก.ค. ต่อเนื่องจากค่ำแล้ว ทางโรงพยาบาลจึงนัดหมายแพทย์เฉพาะทางให้ในวันที่ 9 ก.ค.
โดยแพทย์ที่ตรวจให้ตนเป็นอาจารย์แพทย์ ได้ใช้ปากเป็ดสอดเข้าไปในช่องคลอด แล้วบอกกับตนว่า ไม่เคยพบเจอใครลืมผ้าก๊อซไว้แบบนี้ ซึ่งแพทย์เข้าใจและโกรธแทนตนที่ทางโรงพยาบาลทำคลอดสะเพร่า ตอนนี้ตนอาการดีขึ้น แต่ยังคงต้องกินยาฆ่าเชื้อให้หมด โดยตนคิดว่าตัวเองโชคดีที่ตรวจพบเร็ว ไม่เช่นนั้นตนอาจจะติดเชื้อในกระแสเลือด