จากกรณีเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 64 ผู้ใหญ่บ้านศาลาเชิงดอย หมู่ 6 ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เกิดเหตุสลดพบศพ 2 ผัวเมีย ในบ้านเช่าทำด้วยคอนกรีต 1 ชั้น ทราบชื่อผู้ตาย นายบุญเกิด อายุ 26 ปี เป็นสามี และ น.ส.สุรีย์ อายุ 22 ปี เป็นภรรยา ซึ่งทั้งคู่เป็นไบ้ นอนเสียชีวิตในสภาพนอนหงายหัวชนกัน
สามีสวมเพียงกางเกงขาสั้นสีดำตัวเดียว ไม่สวมเสื้อ นอนอยู่บนเสื่อน้ำมัน ส่วนภรรยาสวมเสื้อยืดสีชมพู นุ่งกางเกงขาสั้นสำเทา นอนอยู่บนฟูก และระหว่างศพทั้ง 2 คนพบขวดโพลาสิส 1 ขวด พร้อมน้ำสีดำครึ่งขวดวางอยู่ด้วย
ซึ่งทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คน ผู้หญิงอายุ 5 ขวบ ผู้ชายอายุ 1 ขวบ อยู่ระหว่างการตรวจเช็กพัฒนาการ โดยช่วงที่พบศพนั้นหนูน้อยทั้ง 2 คนอยู่กับย่าในบ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งจากที่ตำรวจ สภ.แม่สาย อาสาสมัครมูลนิธิวัดพระธาตุดอยตุง และแพทย์นิติเวช รพ.แม่สาย ได้มีการชันสูตรพลิกศพ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย มีเพียงแค่ร่องรอยน้ำลายฟูมปาก คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้ว 7-8 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงส่งศพไปพิสูจน์หลักฐานที่ รพ.แม่สาย ต่อไป
วันที่ 25 ส.ค. 64 ทีมข่าวได้ประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านที่เกิดเหตุ จึงทราบว่าทางครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการตาย เพราะเชื่อว่าทั้งคู่กินยาฆ่าแมลงผสมน้ำฆ่าตัวตาย จึงได้รับศพของทั้ง 2 คนออกจากโรงพยาบาลและนำไปเผาตามศาสนาที่สุสานบ้านห้วยน้ำรินในช่วงประมาณ 16.00 น.
นางพิมลรัตน์ ธีรอักษร อายุ 49 ปี แม่ของนายบุญเกิด ผู้ตาย เล่าว่า นายบุญเกิดได้คบหาและแต่งงานกับนางสาวสุรีย์ซึ่งเป็นใบ้ หูหนวกตั้งแต่กำเนิดเหมือนกัน เนื่องจากครอบครัวของนางสาวสุรีย์เป็นใบ้ตั้งแต่กำเนิดกันทั้งครอบครัว ทั้งหมด 3 คน เพราะเป็นกรรมพันธุ์ โดยช่วงที่ผ่านมาทั้ง 2 สามีภรรยาจากที่เคยออกไปขายขนมตามจุดต่างของชุมชน ได้กำไรวันละ 200 บาท ก็ตกงานมาได้ 2 ปี จึงพักอยู่แต่ในบ้านเช่าที่เกิดเหตุ
จนกระทั่งวันที่ 20 ส.ค. 64 ญาติโทรมาจากดอยแม่สะลอง จ.เชียงราย เพื่อขอเงินตนไปใช้ 2,000 บาท เพราะตรงนั้นไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกิน แต่ตัวเองไม่ได้ให้ไป พร้อมบอกเหตุผลไปว่า ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้ไม่ได้ไปทำงานปลูกต้นไม้มาเกือบเดือน รายได้วันละ 280 บาทจึงหายไป รวมทั้งยังต้องนำเงินที่ติดตัวอยู่ตอนนั้น 200 บาทเก็บไว้ซื้อนมเลี้ยงหลานทั้ง 2 คนอีก ทำให้นางสาวสุรีย์ไม่พอใจ เวลา 13.00 น. จึงหันไปทะเลาะกับสามี 1 รอบ ก่อนที่จะเอาลูกทั้ง 2 คนมาฝากไว้กับตนที่นั่งอยู่หน้าบ้าน แล้วออกไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน
ต่อมาเวลา 14.00 น. ทั้งคู่กลับมาบ้าน แล้วขอเงินตน 200 บาท เพื่อเอาไปซื้อขนม ซึ่งตัวเองยอมรับว่าวินาทีนั้นรู้สึกว่า 200 บาทนี้มันคือทุกอย่างของชีวิตแล้ว แต่ไม่อยากให้ทั้ง 2 คนทะเลาะกันจึงตัดสินใจให้ไปทั้งหมด เมื่อทั้งคู่รับเงินไป ก็ขับรถไปด้วยกัน เวลา 18.00 น. ผู้ตายทั้ง 2 คนกลับมาที่บ้าน พร้อมถุงพลาสติกซึ่งข้างในตนเห็นว่าเป็นขนมแล้วเดินเข้าบ้าน เข้าห้องนอนไป เวลา 21.00 น. ตนได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรง เวลา 23.30 น. ได้ยินเสียงลูกชายออกมาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกไป เวลา 00.00 น. ได้ยินเสียงกุกกักตอนนั้นก็คิดว่าลูกชายรื้อของในห้อง หลังจากวันรุ่งขึ้นตนตื่นนอน ไปเรียกทั้งคู่ให้ตื่นแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ก่อนจะทราบว่าเสียชีวิตแล้ว
ที่ผ่านมาแม้ว่าตนจะไม่มีเงิน แต่ก็คอยช่วยเหลือแม่ของลูกสะใภ้ตลอด อย่างน้อยก็ส่งไปให้เดือนละ 1,000 บาท แต่ช่วงนี้มันเป็นช่วงโควิด-19 ไม่มีงานทำ แม้เงินจะกิน จะเลี้ยงหลานก็ไม่มี บางครั้งได้ข้าวสารมาก็ส่งไปให้เขา หลังจากนี้ หลานทั้ง 2 คนนั้น ส่วนตัวอยากที่จะเลี้ยงด้วยตัวเอง แม้จะลำบากก็ตาม เพราะรู้สึกว่าหากเอาไปให้ญาติหรือคนอื่นเลี้ยง ความรักที่มีให้กับหลานทั้ง 2 คนคงจะไม่เท่าที่ตนมีให้แน่นอน