จากกรณีพบศพอาจารย์มหาวิทยาลัย ลอยอืดกลางแม่น้ำน่าน เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 3 ต.ค. 61 บริเวณริมตลิ่งใกล้กับคริสตจักรโรงสีเบญจพืช ต.วัดจันทร์ อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก ทราบชื่อคือ ผศ.ดร.อรรจน์ อิงคนินันท์ บัณฑิตย์ ประธานหลักสูตรสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์ และสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม นั้น (อ่าน :
ล่าหนุ่มมารับอาจารย์ราชภัฏก่อนเป็นศพ โรงแรมเห็นใส่เสื้อธีระธาดา ขับอีกคันพาขึ้นรถ)
วันที่ 8 ต.ค. 61 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลตำรวจตรีปริญญา วิศิษฐฎากุล รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมด้วย พลตำรวจตรีถาวร แสงฤทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก ได้ร่วมกันประชุม ติดตามคดีการเสียชีวิต ของ ผศ.ดร.อรรจน์ อิงคนินันท์ บัณฑิตย์ อายุ 55 ปี ซึ่งถูกพบเป็นศพเสียชีวิตในแม่น้ำน่านอย่างปริศนา เมื่อช่วงคืนวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ภายหลังการประชุม พลตำรวจตรี ถาวรแสงฤทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนยังคงกำหนดวิธีการสืบสวนในทิศทางการฆาตกรรมอยู่ แต่ขณะนี้ได้ภาพกล้องวงจรปิดไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตได้ว่าเป็นเหตุฆาตกรรมหรือการฆ่าตัวตาย ซึ่งจะต้องตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป ส่วนการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต พบว่าทรัพย์สินและของมีค่า ส่วนใหญ่ยังอยู่ครบ ยกเว้นทรัพย์สินที่ผู้ตายนำติดตัวไป
จากหลักฐานล่าสุดที่พบ คาดว่าผู้ตายเดินออกจากวัดคูหาสวรรค์ ผ่านเข้ามาที่ถนนจ่านกร้อง ก่อนที่จะหายไปเพราะไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดช่วงหน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกและสวนสาธารณะริมแม่น้ำน่านทั้งสองฝั่ง เบื้องต้นจึงให้ชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ตามหาหลักฐานของผู้ตายซึ่งอาจจะตกหล่นอยู่บริเวณริมแม่น้ำน่านแล้วแต่ยังไม่พบ
ล่าสุดชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่กู้ภัย ลงเรือล่องตามแม่น้ำน่าน ตั้งแต่หน้าค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไปจนถึงจุดที่พบศพ คือ สะพานพระสุพรรณกัลยา และจุดสุดท้าย คือ บริเวณคริสตจักรโรงสีข้าวเบญจพืช ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่พบ เสื้อผ้า 1 ชุด ประกอบด้วย เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ กางเกงสแล็คขายาวสีดำ สภาพเปื้อนดินโคลน วางอยู่ที่ตลิ่ง ทั้งนี้ ยังไม่ปักใจว่าเป็นของผู้ตาย โดยจะนำไปให้ญาติยืนยันก่อน เนื่องจากวันที่ อ.อรรจน์เดินทางไปปฐมนิเทศน์นักศึกษาที่จังหวัดอุตรดิตถ์นั้น อ.อรรจน์ใส่ชุดสูทสีดำ
ทีมข่าวสอบถาม น้องของผู้ตาย ทางโทรศัพท์ เล่าว่า เชื่อว่าพี่ชายของตนเองอาจจะถูกฆาตกรรม มากกว่าการฆ่าตัวตาย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้ชายที่ผู้ตายคบหาและไปกับผู้ตายในวันสุดท้ายออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อตอบคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนที่ครอบครัวจะเผาศพในวันศุกร์ที่ 9 ต.ค. นี้
ด้านนายมานิต ศิริวัฒน์ สัปเหร่อวัดคูหาสวรรค์ บอกว่าในวันที่ 2 ต.ค. 61 มีคนเห็นผู้ตายเดินเข้ามาในวัด แต่ไม่แน่ใจว่าผู้ตายนั่งรถโดยสารมาเองหรือมีคนมาส่งผู้ตายที่วัดคูหาสวรรค์ เพื่อมาพบเจ้าอาวาสแต่ไม่คลาดกันและเดินออกจากวัดไปจังหวัดพิษณุโลก