กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Return part 1" โพสต์เรื่องราวระบุว่า หญิงสาวรายหนึ่งถูกจับลิขสิทธิ์ เรียกค่าปรับนับแสน หลังจากที่โพสต์ขายโมเดลที่สะสมเอาไว้ จึงวิงวอนผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อความชัดเจนของคดีดังกล่าว
ล่าสุดวันที่ 31 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.ทิพย์ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี สาวที่ขายโมเดลวันพีซ (One Piece) เปิดเผยว่า เดิมทีตนเป็นคนที่ชอบสะสมโมเดลต่าง ๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เช่น โมเดิลรถ ตัวการ์ตูนอนิเมะ โดยเก็บสะสมมานาน 15 ปี เพราะความชอบสวนตัว กระทั่งช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้เศรษฐกิจค่อนข้างแย่ จากที่ตนทำธุรกิจขายอาหารทะเล ขายของไม่ได้ จึงจำเป็นต้องนำโมเดลที่สะสมไว้ นำมาขายเพื่อหารายได้ประทังชีวิต ซึ่งตนก็เริ่มขายมาประมาณ 2-3 เดือนแล้ว ก็ไม่เคยเจอปัญหาอะไร
กระทั่งวันที่ 28 ส.ค.64 ที่ผ่านมา ตนได้โพสต์ขายโมเดลของตนตามปกติ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก และในกลุ่มซื้อขายโมเดล โดยโมเดลที่ตนนำลงขายนั้นเป็น "ตุ๊กตาวันพีซ" มีทั้งหมด 2 เซตรวมทั้งหมด 12 ตัว เสนอขายในราคา 3,000 บาท ซึ่งเป็นตุ๊กตาโมเดลที่ตนได้ซื้อต่อมือสอง ผ่านจากเพจขายโมเดลมาอีกทอดหนึ่ง
หลังจากที่ตนโพสต์ขายสินค้าได้ไม่นาน ก็มีลูกค้าเป็นผู้หญิงไม่ทราบชื่อ ทักมาทาง Messenger เพื่อติดต่อขอซื้อโมเดล ตนจึงตกลงขายกันในราคา 3,000 บาท โดยผู้ติดต่อขอซื้อได้โอนเงินมัดจำให้ตน จำนวน 500 บาท ก่อนนัดรับโมเดล ย่านปากน้ำ จ.สมุทรปราการ
ช่วงเวลา 14.00 น. วันเดียวกันตนจึงได้จ้างรุ่นน้องที่รู้จักกัน ซึ่งทำงานเป็นพนักงานส่งสินค้า-อาหาร อยู่แล้ว ให้ไปช่วยส่งโมเดลให้กับลูกค้า หลังจากที่พนักงานส่งสินค้าไปถึงที่นัดหมายได้ไม่นานก็ได้โทรศัพท์ติดต่อกลับมาหาตนว่า "ถูกเจ้าหน้าที่ตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์ แสดงตัวจับกุม" จากการสอบถามผู้ที่เข้าจับกุม ทราบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นตัวแทน บริษัทลิขสิทธิ์ จาก บริษัทนิวสตาร์ มีเดีย จำกัด โดยโมเดลของตนที่นำมาขายนั้น เป็นโมเดลที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ (ของปลอม) และโพสต์ขายโดยที่บริษัทไม่ได้อนุญาติ
หลังทราบเรื่องตนจึงพยายามอธิบายว่า สินค้าที่ตนซื้อมาเป็นสินค้ามือสอง แต่กลับได้รับคำตอบว่า โมเดลที่ตนนำเสนอขายนั้น ยังคงมีกล่องและสติกเกอร์ของทางบริษัท จึงมีความผิด ซึ่งในส่วนนี้ตนมั่นใจว่า โมเดลที่ตนซื้อต่อมานั้น ไม่มีสติกเกอร์ตามที่บุคคลดังกล่าวได้กล่าวอ้างมาแน่นอน แต่ตนที่เป็นคนไม่รู้เรื่องกฎหมาย จึงไม่กล้าตอบโต้อะไรมากนัก
โดยบุคคลดังกล่าว ได้เสนอเรื่องยอมความด้วยการให้ตนชดใช้ค่าเสียหาย แลกกับการที่จะได้ปล่อยตัวพนักงานส่งพัสดุที่เป็นรุ่นน้องของตน ซึ่งบุคคลดังกล่าวได้เรียกเงินในราคาตอนแรก จำนวน 100,000 บาท และมีการเจรจากันเหลือ 50,000 บาท และ 30,000 บาท โดยพยายามเร่งรัดให้ตนรีบโอนเงินจำนวนนี้ไปให้ สุดท้ายตนก็ต้องต่อรองจนบุคคลดังกล่าวยินยอม เสียเงินให้ไปในจำนวน 18,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตนตัดสินใจถ่ายคลิป ขณะมีการสนทนาผ่านโทรศัพท์กับบุคคลดังกล่าวที่อ้างว่า เป็นตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์ แสดงตัวจับกุม เพราะตนมีความคิดว่า โมเดลที่ตนซื้อมาสะสมนั้นเป็นสินค้ามือสอง และซื้อมาด้วยเงินของตัวเอง แต่กลับมาเจอเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนตัวยังไม่ทราบแน่ชัดว่า บุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ของตัวแทนของบริษัทโมเดล ที่ตนเสนอขายจริงหรือไม่ ซึ่งที่ตนออกมาชี้แจงในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ อยากจะให้ตัวแทนของบริษัทดังกล่าว ช่วยชี้แจงรายละเอียด ให้ชัดเจนมากกว่านี้ ว่าตนมีความผิดในส่วนไหนข้อหาอะไร หรือตนทึ่ไม่มีความรู้ต้องแก้ไขอย่างไรได้บ้าง ไม่ใช่เพียงแค่บอกกับตนว่า "ต้องการเงิน" อีกทั้งเอกสารยืนยันของบริษัทผลิตโมเดลอยู่ตรงไหน ตนก็ยังไม่เคยเห็น
ทั้งนี้ หากบุคคลดังกล่าวเป็นตัวแทนของบริษัทลิขสิทธิ์มาจับตนจริง หากตนผิดก็เข้าใจได้ แต่อยากจะให้บริษัทดังกล่าว กระจายข่าวหรือประชาสัมพันธ์ว่า บุคคลที่ซื้อโมเดลในลักษณะนี้สามารถมีการซื้อขายอย่างไรได้บ้าง แต่หากบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลแอบอ้าง ตนก็รู้สึกว่าเขาทำนาบนหลังคน อีกทั้งมีการกล่าวหาและปรักปรำ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สมุทรปราการจับกุม พนักงานส่งพัสดุ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เรื่องด้วย จนต้องโดนจับไปอยู่ในห้องขังถึง 2 คืน
นอกจากนี้ เลขบัญชีการโอนเงินก็ยังเป็นชื่อของบุคคลที่มาแอบอ้าง ไม่ใช่เป็นชื่อบัญชีของบริษัทต้นสังกัดผลิตโมเดล ตนจึงอยากโพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นให้คนในสังคมได้ดูเป็นอุทาหรณ์ และจะขอสู้คดีให้ถึงที่สุด
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเกมส์ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี คนส่งพัสดุที่ถูกจับ กล่าวว่า ตนทำอาชีพเป็นพนักงานส่งพัสดุและอาหาร โดยในวันเกิดเหตุ วันที่ 28 ส.ค.64 ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ตนได้รับออร์เดอร์ให้ไปส่งพัสดุที่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง ในจ.สมุทรปราการ แต่ในขณะที่ตนจะเดินทางไปส่งของ น.ส.ทิพย์ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นพี่ที่รู้จักกัน ได้จ้างให้ตนไปส่งพัสดุ ตอนแรกไม่รู้ว่าคืออะไร ให้ค่าจ้างในราคา 200 บาท
แต่เมื่อตนไปถึงสถานที่นัดหมาย กลับพบว่าบุคคลที่ที่รอรับสินค้า จำนวน 4 คน ชาย 3 หญิง 1 อ้างตัวเป็นตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์แสดงตัวจับกุมตน โดยบอกว่าเป็นคนจากสรรพากร มาพรัอมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สมุทรปราการ อีก 2 คน รวม 6 คน จากการสังเกตพบว่าบุคคลที่แอบอ้างเป็นชายหนึ่งในนั้น ได้มีการห้อยบัตร เขียนว่า "กรมสรรพากร" แต่ตนก็ไม่รู้เป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ หลังจากที่บุคคลดังกล่าวได้ทำการแสดงตัว ก็ได้มีการสั่งให้ตนติดต่อมายัง น.ส.ทิพย์ (นามสมมติ) เพื่อให้มาชดใช้ค่าเสียหาย หรือมาเจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกัน
ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายมีการพูดคุยกัน ตนก็ถูกนำตัวไปโรงพัก ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าตกลงกันอย่างไร แต่ตนกลับกลายเป็นผู้กระทำผิด เพราะเป็นคนนำพัสุดมาส่ง จึงถูกนำตัวเข้าห้องขัง จำนวน 2 คืน (28-29 ส.ค.64) ก่อนถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องขัง หลังจากโอนเงินชดใช้กันเสร็จสิ้น ทั้ง ๆ ที่ตนไม่ได้รู้เห็นด้วย จึงรู้สึกว่าการที่ตนได้รับค่าจ้างส่งพัสดุ จำนวน 200 บาท ต้องแลกกับการติดคุก 2 คืนไม่คุ้มค่าเลย
กรณีทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตนยังไม่ทราบว่าบุคคลที่แอบอ้างเป็นตัวแทนของบริษัทลิขสิทธิ์นั้น จะเป็นตัวแทนจริงหรือไม่ แต่การที่มากระทำกับคนที่ไม่ได้รู้เรื่องแบบนี้ ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและอยากจะฝากเตือนว่า อย้าไปก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวกับบุคคลคนอื่นอีก เนื่องจากทำให้ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อน
จากนั้นทีมข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับ ตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์ บริษัทนิวสตาร์ มีเดีย จำกัด กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นจากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์ พบว่าโมเดล ที่น.ส.ทิพย์นำมาขายต่อเป็นโมเดลมือหนึ่งแกะกล่อง แต่เจ้าตัวสร้างเรื่องขึ้นมาว่าเป็นโมเดลมือสอง
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางตัวแทนบริษัท ลิขสิทธิ์ เสมือนบริษัททนายความ ได้รับการมอบอำนาจดำเนินการจาก บริษัท ดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์) จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์โมเดลให้มาดำเนินการ ซึ่งตนที่เป็นตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์อยากชี้แจงว่าทุก ๆ ขั้นตอนทำถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนจับกุมต้องมีข้อมูล เชิงพาณิชย์ ทางการค้าของผู้กระทำผิด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการกระทำความผิดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามขั้นตอน
โดยคดีละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นคดีอาญาที่สามารถยอมความได้ ตามพรบลิขสิทธิ์ มาตรา 66 พ.ศ. 2537 ดังนั้นตนเป็นบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจ จึงมีสิทธิ์ในการเรียกเก็บเงินค่าชดใช้ดังกล่าว ส่วนกรณีคนขับรถส่งพัสดุดังกล่าว เป็นญาติของผู้กระทำผิด โดยถูกว่าจ้างมาส่งพัสดุ ทางบริษัทจึงต้องมีการดำเนินการ ทั้งนี้ การซื้อโมเดลที่ไม่มีลิขสิทธิ์ซื้อกลับไปเล่นเองได้ ถือไม่มีความผิด แต่หากเมื่อใดนำมาทำการค้า ก็จะถือว่าเป็นผู้กระทำผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ผิดกฎหมาย