จากคดีดัง ผู้กำกับโจ้ กับ 6 ตำรวจ คลุมถุงหัว นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หลังจากถูกจับคดียาเสพติดที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ โดย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ โจ้ ผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ รับสารภาพว่าใช้ถุงดำคลุมหัวจนตาย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 64 และสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมก่อเหตุ หลังมีคลิปวงจรปิดเผยพฤติกรรมออกมาเป็นนาทีก่อเหตุ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 64 เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้ง 7 รายแล้วนั้น
วันที่ 2 ก.ย. 64 ช่วงเช้ามีปฏิบัติการรุ่งสาง ค้นบ้านตำรวจชุดปราบปราม ยาเสพติด 05 ซึ่งเป็นตำรวจชุดตรวจยาเสพติดของอดีตผู้กำกับโจ้ จากคำสั่งของ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากการค้นห้องพักของอดีตผู้กำกับโจ้ พบอุปกรณ์การเสพยาเสพติด และเศษผงยาเสพติดนั้น และรายงานว่าการลงพื้นที่ตรวจค้นบ้าน ด.ต.วิสุทธิ บุญเขียว หรือ ดาบโบ้ โดยพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งอยู่ภายในห้องพักส่วนตัวแฟลตตำรวจ
นางละมุน (นามสมมติ) อดีตภรรยาของดาบโบ้ เปิดใจว่า ตนเองเลิกลากับดาบโบ้ได้ประมาณ 10 ปีกว่า จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีก เพราะมีลักษณะเลิกกันขาดแล้ว ที่สำคัญไม่ได้มีลูกร่วมกัน ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำมาหากินมีครอบครัวใหม่ แต่ย้อนกลับไปช่วงที่เคยคบหากัน ดาบโบ้ก็มีลักษณะมีความเป็นตำรวจที่ดี รักในอาชีพตำรวจ ทำหน้าที่ในชุดของปราบปรามยาเสพติดนครสวรรค์มานานแล้ว เปลี่ยนหัวหน้าชุดมาแล้วหลายคน จนกระทั่งมาเจอกับหัวหน้าชุดนี้
ซึ่งในสมัยที่คบหากัน ตัวเองเคยไปที่ทำงานของดาบโบ้ โรงพักเมืองนครสวรรค์ ตอนนั้นยังไม่มีห้อง 05 และไม่มีห้องที่เกิดเหตุ เป็นอาคารตัวเดิม ภายใต้ชื่อของการทำงานก็คือชุดปราบปรามยาเสพติด และมีการสอบผู้ต้องหาตามปกติ ไม่ได้มีการใช้ความรุนแรงตามที่ปรากฏเป็นข่าว การสอบสวนก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะใช้คำพูดที่รุนแรงหรือดุดัน มีการกดดันด้วยการใช้คำพูดที่อาจมีหยาบคายบ้าง ซึ่งก็มองว่าเป็นเรื่องปกติ
ภายหลังที่มีตำรวจชุดสืบสวนมีการตรวจค้นห้องพักส่วนตัวของดาบโบ้ พบยาเสพติด นางละมุน บอกว่า ช่วงที่คบหากันเจ้าตัวไม่ได้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด ทั้งการค้าขายและการเสพ เพียงแต่เป็นชุดปราบปรามยาเสพติดเท่านั้น ทุกครั้งที่มีการจับยาเสพติดได้ก็จะนำส่งห้องเก็บของของกลาง ไม่ได้มีการนำมาเก็บเอาไว้ส่วนตัวที่ห้องพัก จึงไม่รู้ว่ายาเสพติดที่เจอมาได้อย่างไร และมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวดาบมากน้อยแค่ไหน
สำหรับการเผยแพร่คลิปในโลกออนไลน์ยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ เพราะในคลิปตนเองจำได้แม่นว่าคือดาบโบ้ เจ้าตัวสวมใส่เสื้อสีเขียวลายขาว ช่วยร่วมก่อเหตุกับตัวของผู้กำกับ ตอนนั้นถึงกับอึ้งและทำใจไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าเจ้าตัวจะใช้ความรุนแรงกับตัวของผู้ต้องหาแบบนั้น
กรณีมีผู้เสียหายออกมาร้องและแฉพฤติกรรมของดาบโบ้ว่ามักจะใช้ความรุนแรง บางครั้งถึงขั้นนำที่ช็อตไฟฟ้าช็อตอวัยวะเพศเด็กผู้ชาย เพื่อให้ยอมรับสารภาพ หรือแม้แต่การอุ้มเด็กผู้หญิงไปเพื่อกระทำอนาจารให้ยอมรับสารภาพ ตนเองไม่รู้ว่าช่วงระยะหลังดาบโบ้มีพฤติกรรมดังกล่าวหรือไม่ แต่ตอนที่รู้จักกันเจ้าตัวเป็นคนดี เป็นคนตั้งใจทำงาน และไม่เคยมีพฤติกรรมเรื่องของพวกนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติกรรมรีดไถ เพราะถ้าหากสมัยที่คบหากันมีการที่ถ่ายหรือเรียกรับเงินก็คงมีเงินมาให้ครอบครัวหรือตนเองใช้ แต่ตนเองจะได้รับเงินเดือนละ 1,000-2,000 บาท สมัยนั้นก็คงจะไม่มีการกู้เงินของสหกรณ์ 100,000 บาท แต่หลังจากที่เลิกกันก็คาดว่ามีการชำระครบแล้ว
ก่อนหน้านี้ตัวของผู้กำกับโจ้ออกมารับสารภาพเองว่าเป็นคนสั่งการลูกน้องให้กระทำผิด ร้อมจะยอมรับผิดด้วยตนเองซึ่งลูกน้องไม่เกี่ยวข้องนั้น ตนเองดูข่าวก็ยอมรับว่าตัวของผู้กำกับมีการปกป้องลูกน้อง แต่ระยะหลังเหมือนจะมีการกลับคำให้การ ตนเองก็มีความกังวล เป็นห่วงตัวของดาบโบ้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการสู้และพิสูจน์กันตามกระบวนการของชั้นศาล
นางบวรลักษณ์ พงษ์สุกฤฏิ แม่ของหมู่ต้อม หรือ ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า กรณีที่มีการโอนคดีรับผิดชอบให้กองปราบปราม และมีการทำเรื่องขอย้าย 7 ผู้ต้องหาเรือนจำพิเศษพิษณุโลก ไปที่เรือนจำในกรุงเทพฯนั้น ส่วนตัวไม่ทราบขั้นตอนทางกฎหมาย ระเบียบและวิธีการกำหนดเอาไว้อย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น
การตรวจค้นบ้านเป้าหมาย กลุ่มของผู้ต้องหาชุด 05 พบอุปกรณ์เสพยาเสพติด และยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง ภายในบ้านของผู้ต้องหา ตนมองว่าคนที่ทำงานด้านการปราบปรามยาเสพติดเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีของกลางเก็บไว้ในตัว บางครั้งอาจจะไปปฎิบัติหน้าที่และยึดของกลางเอามาเก็บไว้ แต่ยังไม่ทันได้ส่งคืนของกลางให้กับส่วนกลางตำรวจ หรือยังไม่ได้นำไปจัดเก็บในพื้นที่ของกลาง
อย่างไรก็ตาม เรื่องเงินกู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตำรวจในช่วงวิกฤตที่ตัวของหมู่ต้อมมีการไปกู้ยืมเอามาใช้ พร้อมทั้งให้เพื่อนตำรวจช่วยค้ำประกัน ก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน อะไรช่วยเหลือกันได้ก็ต้องช่วยเหลือกันไป ถ้าหากตนจะไปนั่งจ่ายเงินรายเดือนเพื่อชำระยอดหนี้ดังกล่าวก็คงไม่ไหว เพราะตอนนี้ที่บ้านก็ไม่ได้มีรายได้หลัก ก่อนหน้านี้ตอนที่หมู่ต้อมเข้ามารับราชการในตำแหน่งนี้ เงินเดือนก็เพียงแค่หลัก 10,000 กว่าบาท ฉะนั้นตนเองก็ต้องให้กลุ่มของเพื่อนตำรวจที่ค้ำประกันร่วมรับผิดชอบไปด้วยกัน เพราะหมู่ต้อมก็ต้องไปค้ำประกันให้กับกลุ่มเพื่อน เพื่อนตำรวจก็ต้องมาค้ำประกันให้กับหมู่ต้อม อะไรที่ดิ้นได้ก็ต้องดิ้นไปก่อนวันนี้ ไม่ใช่ว่าปัดความรับผิดชอบ แต่เป็นการช่วยเหลือกันมากกว่า สำหรับกู้ยืมเงินจากกองทุนวิกฤตตำรวจ ยอดเต็มประมาณ 1 งล้านบาท เฉลี่ยผ่อนรายเดือนประมาณ 2,000 กว่าบาท หักจากเงินเดือน มียอดค่าใช้จ่ายผ่อนรถ 6,000บาท ผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 600-1,000 บาท
ทีมข่าวเดินทางมายังบ้านเกิดของดาบโบ้ ในพื้นที่ ต.หนองกรด อ.บรรพรตพิสัย จ.นครสวรรค์ นางเตือนใจ (นามสมมติ) น้องสะใภ้ของดาบโบ้ ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับแม่ของดาบโบ้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว จึงไม่มีใครอยู่บ้าน ส่วนดาบโบ้ก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านเกิดเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ตัวเองขอยืนยันว่าช่วงเช้าวันนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจค้นที่บ้านเกิดของดาบโบ้แต่อย่างใด ยอมรับว่าหลังจากทราบข่าวว่าดาบโบ้ตกเป็นผู้ต้องหา ตัวเองก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาดาบโบ้เป็นคนดีมาตลอดหลอด ไม่เคยได้ยินเรื่องดาบโบ้รีดเงิน หรือใช้ไฟฟ้าช็อตผู้ต้องหามาก่อน ส่วนกรณีเสพยาดาบโบ้ก็ไม่เคยเสพยา มีแต่ทำงานปราบปรามยาเสพติด ส่วนเรื่องการเยี่ยมดาบโบ้ในอนาคตนั้น ครอบครัวก็อยู่ระหว่างปรึกษาหารือกัน
ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานทนายเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เปิดเผยว่า เรื่องแรกถูกตั้งคำถามว่าตำรวจเหล่านี้ยุ่งเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดหรือไม่ เรื่องที่ 2 จากในคลิปวงจรปิดคลุมถุงดำที่อดีต ผกก.โจ้ พูดว่า "ของอยู่ไหน" เจตนาคือ ต้องการปราบปรามยาเสพติด หรือต้องการนำยาเสพติดเหล่านี้ไปขาย เพื่อหาเงินเข้าตัวเองหรือไม่ หากมีไว้ในครอบครอง ผู้ต้องหาเหล่่านี้ก็อาจจะโดนแจ้งข้อหาเพิ่ม เกี่ยวกับ พ.ร.บ. ยาเสพติด และถ้าหากโดนคดียาเสพติด มองว่าผู้ต้องหาเหนื่อยแน่ ๆ เพราะจะโดนโทษเพิ่มเป็น 2-3 เท่าแน่นอน
ส่วนการย้ายสำนวนมาที่กองปราบฯ มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอดีตผู้กำกับโจ้กับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในกองบังคับการปราบปราม จะทำให้ประชาชนไม่มีความเชื่อถือหรือไม่ ตนเองมองว่าคงจะไม่มีใครช่วย เพราะพยานหลักฐานชัดเจนทั้งหมด ทั้งหลักฐาน พยาน ผลการชันสูตรพลิกศพ และหลักฐานแน่นหนาพอสมควร มั่นใจว่าคดีนี้ไม่มีตำรวจคนไหนเข้าไปช่วยเหลือแน่นอน เพราะคดีนี้เกี่ยวกับศักดิ์ศรีขององค์กรตำรวจ การคลุมหัวฆ่าคนตาย ทำให้ตำรวจทั้งหมดเสียหายและทำลายภาพลักษณ์
ส่วนตำรวจอีก 7 คน ชุดจับยาเสพติดคนละชุดกับผู้ต้องหา ที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้มีการออกหมายจับนั้น อนาคตก็เป็นไปได้ ถ้าหากมีพยานหลักฐานไปถึงก็อาจจะมีการออกหมายจับเพิ่ม เพราะตำรวจมีความรู้ทางกฎหมาย หากไม่มีหลักฐานก็อาจจะโดนแจ้งความกลับ ส่วนผู้บังคับบัญชาระดับผู้การฯนครสวรรค์ และผู้บัญชาการภาค 6 นั้น คงจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องวินัย เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่ง ตร.ที่ 1212 คือผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นต้องดูแล ต้องดูว่าจะโดนคำสั่งนี้หรือไม่ ถ้าหากโดนก็คงถูกเด้ง เป็นความผิดในเรื่องวินัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ประวัติ ผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ตำรวจหนุ่มเจ้าของฉายา โจ้ เฟอร์รารี่
- ประวัติ ใบเตย พรพจี พิธีกรสาวชื่อดัง ลูกบิ๊กตำรวจ แฟน ผู้กำกับโจ้
- ปูดพิกัด "ห้องเหลือง" สถานที่ใช้ทรมานคดีบิ๊กตำรวจ ถุงคลุมหัวรีดเงินล้านผู้ต้องหาดับ
- ทนายษิทรา แชร์คลิปอ้างนาที ผู้กำกับโจ้ คลุมถุงพ่อค้ายารีดเงิน 2 ล้าน จนเสียชีวิต