กรณีกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ เข้าตรวจสอบร่างของ น.ส.จิราพร พันวงษา อายุ 27 ปี ที่นอนหงายเสียชีวิตในลักษณะร่างกายเปลือย อยู่บนเตียงภายในห้อง ชั้น 2 ของอะพาร์ตเมนต์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
โดยภายในห้องไม่มีร่องรอยการรื้อค้นหรือต่อสู้ พบเพียงถุงยางอนามัยใช้แล้ว และยังไม่ได้ใช้ อยู่ภายในห้องเท่านั้น หลังรับจากจากผู้ดูแลว่ามีหญิงหมดสติอยู่ในห้องพักดังกล่าว ขณะที่ผลการชันสูตรพลิกศพ ระบุว่าเสียชีวิตจากการถูกบีบคอ
นอกจากนี้ เปิดดูกล้องวงจรปิดพบว่ามีผู้ชายเดินออกมาจากห้องกลางดึก ก่อนเกิดเหตุด้วยนั้น เป็นชายต้องสงสัย
เวลา 12.00 น. ที่ สภ.เมืองสมุปราการ นางจันเที่ยง สิงห์ซิว แม่ผู้ตาย เดินทางมาจาก จ.หนองบัวลำภู เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เล่าว่า วันที่ 31 ส.ค. ตนติดต่อลูกสาวไม่ได้ พยายามโทรหาหลายครั้งแต่ลูกสาวไม่รับสาย หลังจากนั้น จึงปรึกษากับญาติ ๆ ให้ญาติติดต่อหาเพื่อนที่อยู่ทางกรุงเทพฯ กระทั่งเพื่อนติดต่อหาอะพาร์ตเมนต์เข้าไปเปิดห้อง จนพบลูกสาวนอนเสียชีวิต
ตนไม่ทราบเรื่องสาเหตุ เพราะลูกไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง ก่อนหน้านี้ลูกสาวทำงานอยู่กรุงเทพฯ กลับบ้านไปเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้วตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด จึงรักษาตัวอยู่ที่บ้านประมาณ 1 เดือน จากนั้นก็กลับมากรุงเทพฯ อีกรอบ จากนั้นก็ยังติดต่อพูดคุยกันปกติ ลูกไม่เคยเล่าเรื่องงานให้ฟัง แต่ก็ส่งเงินให้ตนประมาณ 2,000 บาท
ทั้งนี้ ลูกสาวเคยแต่งงานมีลูก 2 คน อายุ 8 ปี และ 7 ปี แต่เลิกกับสามีนานแล้ว ตอนนี้ลูกก็อยู่กับตนที่ต่างจังหวัด ส่วนเรื่องแฟนใหม่ของลูกสาวตนไม่ทราบ ลูกไม่เคยเล่าให้ฟัง ตนเชื่อว่าลูกถูกฆาตกรรมแน่นอน และยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด เพราะลูกเป็นเสาหลักของครอบครัว
วันที่ 4 ก.ย. 64 น.ส.ชลิตา ผสมพืช อายุ 28 ปี รุ่นพี่ของผู้ตาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 64 ช่วงค่ำญาติ น.ส.จิราพร โทรมาหาบอกให้ช่วยติดต่อ น.ส.จิราพร เพราะทางบ้านติดต่อไม่ได้ โดยทางบ้านยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะหรือมีปากเสียงกัน ตนไม่รู้ว่า น.ส.จิราพรพักที่ไหน จึงสอบถามจากเพื่อน ๆ แต่ยังไม่ได้คำตอบ
กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. ได้ส่งภาพตึกที่ น.ส.จิราพร พักมาให้ตนดู ตนจึงค้นหาจากอินเทอร์เน็ต จนทราบว่าเป็นอะพาร์ตเมนต์ริมถนนศรีนครินทร์ ก่อนโทรศัพท์ไปหาที่ตึกให้เจ้าหน้าที่ช่วยเปิดห้องให้ เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่โทรศัพท์กลับมาบอกว่า น.ส.จิราพร เสียชีวิตในห้องพัก ตนจึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ เปิดดูกล้องวงจรปิด พบว่ามีผู้ชายเดินออกมาจากห้องกลางดึก ก่อนเกิดเหตุ แต่ตนไม่รู้ว่าเป็นใคร
ส่วนตัวเจอรุ่นน้องครั้งสุดท้ายวันที่ 5 ส.ค. โดย น.ส.จิราพรไปหาที่บ้าน ได้พูดคุยกันปกติ หลังจากนั้นยังมีพูดคุยกันทางเฟซบุ๊ก ไม่ได้หายไปไหน ที่ผ่านมา น.ส.จิราพร เคยพูดว่ามีแฟนที่กำลังคบหากัน แต่ไม่เคยเล่ารายละเอียดอื่น ๆ ทั้งนี้ ตนกับเพื่อนเข้าไปดูในเฟซบุ๊ก น.ส.จิราพร พบความผิดปกติ เพราะข้อความที่โพสต์หลายอย่างหายไป ทราบว่าโทรศัพท์ของผู้ตายก็หายไปด้วย คิดว่าต้องมีคนลบ ตรงนี้ไม่ขอให้รายละเอียด เพราะให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว ตนรู้สึกสงสารรุ่นน้องมาก ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
ขณะที่เฟซบุ๊กของผู้ตาย มีความเคลื่อนไหวครั้งสุดท้าย 3 วันที่แล้ว โพสต์รูปภาพซึ่งมีข้อความว่า คืนสุดท้ายของเดือนสิงหาคม ขอให้การเริ่มต้นใหม่เดือนกันยายนเป็นการเริ่มต้นที่ดี
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้รับคลิปวิดีโอซึ่งผู้ตายเป็นคนถ่ายขณะอยู่ด้านล่างหอพัก พูดในคลิปว่า "มันไม่สามารถบอกให้ยามมาส่งมันได้หรอก มันไม่มีสิทธิ์เพราะมันไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่"
เวลา 16.00 น. ที่วัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นางจันเที่ยง สิงห์ซิว แม่และญาติ รับศพน.ส.จิราพร พันวงษา หรือ น้อยหน่า มาทำพิธีฌาปนกิจทันที เนื่องจากตรวจพบว่าศพมีเชื้อโควิด-19 แต่คาดว่าอาจจะเป็นเชื้อตาย เพราะน.ส.จิราพร เคยติดโควิดแต่รักษาหายแล้ว แม่ผู้ตายร้องไห้อย่างหนัก ญาติต้องเข้าไปช่วยปลอบ
นายณัฐพงษ์ จันทร์นิล อายุ 30 ปี อดีตสามีผู้ตาย ระบุว่า ตนกับ น.ส.จิราพร เลิกรากันไปเกือบ 5 ปีแล้ว และไม่ได้ติดต่อกันเลย ส่วนใหญ่จะติดต่อไปทางแม่ยาย หรือติดต่อกับลูกสาวทั้ง 2 คน วันที่ 31 ส.ค. 64 แม่ยายโทรศัพท์มาบอกว่าติดต่อ น.ส.จิราพร ไม่ได้ ให้ตนช่วยตามหา ตนก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน
กระทั่งทราบข่าวเมื่อวานนี้ว่าอดีตภรรยาเสียชีวิตก็เดินทางไปที่เกิดเหตุ ตนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ส่วนตัวก็มีหลักฐานที่เพื่อนผู้ตายส่งมาให้ ระบุว่าผู้ตายอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งในคืนวันที่ 31 ส.ค. โดยตนจะช่วยตามคดี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้ตาย และเพื่อลูกทั้ง 2 คน
ทีมข่าวลงพื้นที่อะพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุ ริมถนนศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เป็นอะพาร์ตเมนต์ 6 ชั้น ด้านล่างเป็นที่จอดรถ สอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เล่าว่า ช่วงคืนวันที่ 31 ส.ค. รอยต่อวันที่ 1 ก.ย. ชายรายหนึ่งขับรถจักรยานยนต์เข้ามาด้านในอะพาร์ตเมนต์ ตนจึงเข้าไปสอบถามว่าจะไปไหน โดยชายรายนี้บอกว่ามาหาน้อง ซึ่งตนไม่ได้เปิดประตูให้ และไม่ได้สังเกตว่าขึ้นห้องไปตอนไหน คาดว่าน่าจะมีผู้พักเปิดประตูให้
ผ่านไปสักพัก ชายรายดังกล่าวกลับลงมาก่อนขับรถจักรยานยนต์ออกไป ตนจึงเข้าไปถามว่า "เป็นยังไงบ้าง ได้เจอน้อง" ชายรายดังกล่าวตอบว่า "ก็ดี" ตนจึงถามต่อว่า "ไม่กลัวเคอร์ฟิวเหรอ" ชายรายนี้ตอบว่า "ก็กลัวเหมือนกัน" ก่อนขับรถจักรยานยนต์ออกไป
ซึ่งตนไม่ได้สังเกตรูปร่างหน้าตา เพราะคุยกันไม่นาน แต่เข้าไปทักทายเพราะเห็นว่าเป็นช่วงดึกแล้วเท่านั้น
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้รับแชตข้อความที่ผู้ตายพิมพ์มาเล่าเหตุการณ์ถูกแฟนทำร้ายให้เพื่อนได้อ่าน เป็นแชตวันที่ 18 มี.ค. 64 น.ส.จิราพร บอกว่า เกือบไม่มีชีวิตรอด พร้อมส่งคลิปสั้น ๆ ของแฟนหนุ่มมาให้เพื่อนดู คาดว่าเป็นช่วงที่ถูกทำร้ายทำลายข้าวของ พร้อมกล่าวต่อว่าถูกบีบคอไม่ยั้ง
โดยวันที่ 18 พ.ค. 64 มีการส่งภาพแขนที่มีรอยแดงช้ำ พร้อมระบุว่าเหมือนเดิมว่าดีที่ยังมีลมหายใจ พร้อมระบุต่อว่า ถูกบีบคอ 3 รอบ หายใจไม่ออก จนต้องร้องขอชีวิต ตัวเองขอเลิก ฝ่ายชายบอกว่าถ้าตัวเองไม่มีความสุข น.ส.จิราพร ก็ไม่มีความสุข ฝ่ายชายจึงชักปืนขู่ยิง กันไม่ให้ตนหนี และอยากออกจากตรงนี้เพราะเจ็บ เพื่อนจึงแนะนำให้รอแฟนเผลอแล้วแอบหนีออกมา ซึ่ง น.ส.จิราพร บอกว่ากำลังหาทางอยู่
จากนั้น วันอังคารที่ 31 ส.ค. 64 น.ส.จิราพร ระบุว่าฝ่ายชายตามง้อขอคืนดี จึงตอบไปว่ามีคนคุยใหม่แล้ว ฝ่ายขายบอกว่าให้ดูแลตัวเองดี ๆ เป็นห่วง น.ส.จิราพรยังกล่าวทิ้งท้ายว่า "กลัวใจฝ่ายชาย" ก่อนที่จะติดต่อไม่ได้และพบเป็นศพในภายหลัง
จากนั้นทีมข่าวโทรศัพท์พูดคุยกับนายเอ (นามสมมติ) แฟนเก่าผู้ตาย ระบุว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องการเสียชีวิตของ น.ส.จิราพร รู้สึกตกใจมาก ยอมรับว่าเคยคบหากับ น.ส.จิราพร ประมาณ 3 เดือน ช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม จากนั้นก็เลิกรากันไป แต่ยังทักหากันบ้างในฐานะพี่น้อง โดยก่อนเกิดเหตุวันที่ 31 ส.ค. ตนยังเข้าไปหา น.ส.จิราพร ช่วงบ่าย เพื่อนำพ.ร.บ.รถยนต์ไปคืน ใช้เวลาคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมงก็ออกมา
ซึ่งตอนนั้น น.ส.จิราพร ยังเล่าว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนคบหากับผู้ชายรายหนึ่ง แต่อีกฝ่ายมีแฟนอยู่แล้ว ภายหลังฝ่ายหญิงจับได้ ก็มีเรื่องทะเลาะกัน ซึ่งน.ส.จิราพร ยังฝืนคบต่อ ระหว่างนั้นก็มีแฟนอีกคนเป็นทหาร ครั้งสุดท้าย น.ส.จิราพร ยังบอกว่าจะไปหาแฟนทหารที่ค่ายทหาร ย่านบางเขน ในวันที่ 1 ก.ย. ตนยังบอกว่าถ้าได้มาก็บอก จะได้นัดเจอกัน
จนวันที่ 1 ก.ย. ตนทักไปหา น.ส.จิราพร อีกฝ่ายไม่ตอบ โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ ยังรู้สึกแปลกใจ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคือแฟนเก่าที่ทำร้ายร่างกาย น.ส.จิราพรจริง เพราะตอนนั้นทะเลาะกัน ตนจึงผลักอีกฝ่าย แต่ไม่มีการบีบคอหรือชักปืนขู่ เป็นการค้ำคอไว้ เพราะอีกฝ่ายจะตบตัวเอง ทั้งนี้ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้นายเอ ส่งแชทมายืนยัน พบว่ามีการคุยกับผู้ตายวันที่ 30 ส.ค. น.ส.จิราพร ทักมาหาว่า สบายดีไหม เห็นโพสต์แปลก ๆ จึงเป็นห่วง ฝ่ายชายบอกว่าสบายดี พร้อมถาม น.ส.จิราพร มีแฟนใหม่หรือยัง ฝ่ายหญิงบอกว่า มีคุย ๆ แต่ไม่โอเค ฝ่ายชายบอกว่ามีความสุขก็ดีใจด้วย พร้อมถามว่าเลิกทำงานหรือยัง ผู้หญิงบอกว่ายังทำเหมือนเดิม วันที่ 31 ส.ค. นายเอถามว่าอยู่ไหน น.ส.จิราพร ส่งโลเกชั่นให้ ซึ่งเป็นอะพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุ จากนั้นมีการโทรไลน์คุยกัน 13.56 น. น.ส.จิราพร ไลน์บอกว่าขอบคุณนะหายคิดถึงเลย 14.01 น. นายเอบอกว่าไว้เจอกันใหม่ จากนั้น 1 ก.ย. นายเอไลน์ถามว่า "สรุปมาไหม?" แต่ฝ่ายหญิงไม่ตอบ วันที่ 3 ก.ย. นายเอถามว่า "เป็นอะไรรึเปล่า หายเงียบเลย" แต่ไม่มีการตอบใด ๆ