กรณีพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ซึ่งดูแลและตรวจเชิงรุกให้กับประชาชนในพื้นที่ ก่อนจะพบว่าในแต่ละวันมีประชาชนเสี่ยงสูง และพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทำให้รู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของประชาชน จึงทดลองยาสมุนไพรหลายชนิด และพบว่ามียาสมุนไพรชุดหนึ่งที่สามารถเสริมภูมิคุ้มกันได้ จากผลตรวจเป็นบวกในจำนวนประชาชน 100 คน เมื่อทานสมุนไพรดังกล่าวตามกำหนด ผ่านไป 4-5 วัน ตรวจพบว่าเป็นผลลบทั้งหมด
ล่าสุดวันที่ 6 ก.ย.64 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม อบจ.ปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี พร้อมด้วยพระมหาขวัญชัย อัคคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงศ์ จ.ชุมพร และนายกสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันการแถลงข่าวความสำเร็จทดลองยาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน ในชื่อสมุนไพร “เสริมภูมิต้านไข้พิษ ไข้กาฬ” เพื่อสู้ไวรัส
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า ตนมีความสนใจเรื่องสมุนไพรมานานกว่า 30 ปี จึงอยากให้ทุกคนย้อนไปในอดีตทำไมเด็กทุกคนที่เป็นหวัด จะต้องถูกกวาดคอ ซึ่งก็หายเป็นหวัดจริง ๆ เป็นภูมิปัญญาที่อยู่มาอย่างยาวนาน ตนจึงไปศึกษาศาสตร์ของอาจารย์ขวัญชัย พบว่าหากใช้ฟ้าทะลายโจรอย่างเดียวไม่สามารถรักษาได้ ทำได้เพียงชะลอเวลาเท่านั้น แต่หากเป็นสมุนไพรที่ชื่อว่า “หนุมานประสานกาย” จะลงไปฟอกปอด แต่สมุนไพรตัวนี้ก็ไม่สามารถรักษาโควิดได้ เป็นสมุนไพรที่เสริมภูมิในร่างกาย
ทั้งนี้ ตนยืนยันได้จากการทดลองจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 100 คน ทำประวัติรับยาไว้ทุกคน เน้นกิน 5 วันติดต่อกัน ก่อนกลับมาตรวจอีกครั้งผลเป็นลบ ตนไม่ได้คอนเฟิร์มว่าหายหรือไม่หาย แต่ตนยืนยันว่าผลเป็นลบ รวมถึงเมื่อนำประชาชนไปเอกซเรย์ปอดซ้ำ ปอดก็ปกติดี
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า ผลต่าง ๆ ที่ปรากฏชัดขึ้นอยู่กับว่าสาธารณะจะยอมรับหรือไม่ และอยากให้ อย. ดูที่เจตนาของตนที่ทำขึ้นมาแจกประชาชนฟรีไม่คิดเงิน หากผู้ใหญ่เปิดใจยอมรับ และนำวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เข้ามาวิจัยสมุนไพรตัวนี้โดยด่วน ถ้าได้ผลดีจริงสามารถสร้างภูมิคุ้มกันและต่อต้านโควิด-19 ได้จริง ทั่วโลกต้องถามหา และเชื่อว่าสมุนไพรชนิดนี้จะสามารถส่งออก และทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยฟื้นฟูขึ้นมาได้
ดังนั้น ตนจึงอยากให้ภาครัฐถือโอกาสนี้ ขณะที่ประเทศชาติกำลังเสียหายจากโควิด-19 ให้รัฐบาลปรุงสมุนไพรไทยขึ้นมา นำการวิจัยเข้ามาช่วยเสริมในตัวยาสมุนไพรชนิดนี้ รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนร่วมกันปลูกสมุนไพรไทย โดยรัฐบาลเป็นคนรับซื้อเพื่อให้ยาสมุนไพรไทยเป็นสินค้าส่งออกให้ได้ เบื้องต้นจะนำสมุนไพรชนิดนี้แจกให้ชาวปทุมธานี ได้กินยาชนิดนี้กันตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะคนที่ติดโควิด-19 พ่วงกับคนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน เพราะการต่อสู้กับไวรัสช้าไม่ได้ และตนยืนยันว่าจะพาชาวปทุมธานีให้รอดจากสงครามโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้ด้วยความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ประเด็นของผลข้างเคียงจากยาสมุนไพรชนิดนี้ ไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน เพราะการจ่ายยาไม่ได้ต่างจากวิธีการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ จ่ายยาเป็นโดสเหมือนกัน ซึ่งคนที่ผลเป็นลบ มีผลเอกซเรย์และผลสวอปยืนยัน
“ยาชนิดนี้เป็นยาเสริมภูมิ ไม่ใช่ยารักษาโควิด-19 วันนี้จึงหารือกันแล้วได้จะเริ่มใช้ นำร่องให้ชาวปทุมธานี กว่า 1 ล้านเม็ดที่มีอยู่ เตรียมแจกจ่ายภายในวันนี้เลย เรียกว่าสมุนไพรช่วยชาติ ทั้งนี้ ผมเชื่อว่าเรามาถูกทางจริง และเชื่อว่าชาวปทุมฯ จะหลุดพ้นปัญหานี้ แต่ปทุมฯ ยังอยู่ในพื้นที่ล้อมรอบพื้นที่สีแดง จึงยังต้องสู้กับโรคนี้ต่อไป” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าว
พระมหาขวัญชัย อัคคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงศ์ จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ยาดังกล่าวเป็นยาที่ “เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน” ไม่ใช่ยารักษาโควิด-19 เพราะถ้ามีภูมิคุ้มกันที่ดีก็จะไม่เกิดโรค ยาชนิดนี้มีส่วนผสมของสมุนไพร 5 ชนิด ได้แก่ พลูคาว 89 มก., หนุมานกระสานกาน 89 มก., เหงือกปลาหมา 89 มก., กระชาย 89 มก. และฟ้าทะลายโจร 44 มก. 1 เม็ดหรือ 1 แคปซูล มีส่วนผสมสมุนไพร 400 มก.
สำหรับวิธีการรับประทานเพื่อเสริมสร้างภูมิ ดังต่อไปนี้ กรณียังไม่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งอยู่ในช่วงแพร่ระบาดให้ยานี้ใช้เสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ครั้งละ 2 แคปซูล สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หลังอาหารหรือก่อนนอน และกินน้ำสมุนไพรเครื่องต้มยำหลังอาหาร เช้า-เย็น ขนาด 1 แก้วกาแฟ
กรณีเป็นผู้เสี่ยงสูงให้ดื่มน้ำสมุนไพรเครื่องต้มย้ำ หลังอาหารเช้า-เย็น 1 แก้วกาแฟ และกินยาเสริมภูมิคุ้มกันหลังอาหาร เช้า-เย็น วันละ 2 แคปซูล ติดต่อกัน 7 วัน รวม 14 แคปซูล
กรณีเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้ดื่มน้ำสมุนไพรเครื่องต้มย้ำ หลังอาหารเช้า-เย็น 1 แก้วกาแฟ และกินยาเสริมภูมิคุ้มกันหลังอาหาร เช้า 2 แคปซูล -เย็น 2 แคปซูล รวมวันละ 4 เม็ด กินติดต่อกัน 1 สัปดาห์ รวม 28 เม็ด ซึ่งจะทำให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้น
พระมหาขวัญชัย กล่าวยืนยันว่า อาตมาขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมมือร่วมใจกับทุกคน เพราะขณะนี้ทีมงานได้ช่วยกันผลิตยาสมุนไพรร่วมกับลูกศิษย์ ทำให้มียามากว่า 20 ล้านแคปซูล และแจกจ่ายให้ประชาชนไปทั่วประเทศไปบ้างแล้ว อาตมาจึงอยากให้ทุกคนลดความเห็นแก่ตัว บ้านเมืองจะได้เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
นายเอกภพ คงมีสุข อายุ 52 ปี ชาวปทุมธานีหนึ่งในผู้ติดเชื้อโควิด-19 และได้กินยาสมุนไพร “เสริมภูมิต้านไข้พิษ ไข้กาฬ” เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค.64 เวลา 20.00 น. จู่ ๆ มีอาการไข้สูง ไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ตัวว่าติดโควิด-19 หรือไม่ ตอนนั้นจึงกินยาลดไข้ไป 2 เม็ดและกินอีกครั้งเวลา 23.00 น. กระทั่งรุ่งเช้าเวลา 06.00 น. ของวันที่ 14 ส.ค.64 ตนกินยาลดไข้ไปอีกเพื่อออกไปทำงาน แต่อาการไม่ดีขึ้น ตนเริ่มมีอาการไอ เป็นหวัด ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส จึงตรวจสวอปที่ อบจ.เวลา 11.00 น. ผลออกมาเป็นบวก ตนก็ได้ยาชนิดนี้มา และตนก็เริ่มกินตามที่เจ้าหน้าที่สั่งติดต่อกัน 3 วัน ลิ้นก็เริ่มรู้รส และจมูกเริ่มได้กลิ่น
ต่อมาวันที่ 19 ส.ค.64 ตนก็ได้สวอปอีกครั้งผลออกเป็นลบ จึงกลับไปพักที่บ้านจนวันที่ 4 ก.ย.64 สวอปอีกรอบผลก็เป็นลบ และทางนายก อบจ.พาตนไปเอกซเรย์ปอดก็ปกติดี ส่วนตนนั้นกินยาสมุนไพรต่างจากคนอื่น ๆ ที่กินทั้งแคปซูล แต่ตนอยากหายไวและได้รับคำแนะนำจากพี่ชายให้แกะออก เอาผงยาใส่ช้อนและค่อย ๆ หย่นลงคอและกินน้ำอุ่นตาม ค่อย ๆ กลืนน้ำลาย ซึ่งยอมรับว่าข่มมาก ๆ อาการเหมือนจะออกทางจมูกแต่ตนก็ฝืนกิน ไม่ให้อาเจียน
หลังวันที่ 19 ก.ย.64 อาการเป็นปกติดีมาก เจ้าหน้าที่ค่อยดูแล ให้ตนประเมินตัวเองทุกวัน ตนประหลาดใจมากทำไมหายดี ตนยืนยันว่าไม่ได้กินยาอื่นเลย และไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันอีกครั้งว่ายาสมุนไพรดีมากจริง ๆ แม้ตอนแรกตนจะไม่เชื่อ แต่ตอนนี้เพื่อนก็อยากกิน เพราะเห็นตนกินได้ผล จึงอยากให้ประชาชนหันมากินสมุนไพรกันมากขึ้น
นายทองกูล กอทอง อายุ 29 ปี ชาวจ.ปทุมธานี อีกหนึ่งในผู้ติดเชื้อโควิด-19 และได้กินยาสมุนไพร “เสริมภูมิต้านไข้พิษ ไข้กาฬ” กล่าวว่า ส่วนตัวติดเชื้อโควิด-19 มาจากพ่อ ซึ่งทำงานโรงงาน ตนเริ่มมีอาการในวันที่ 15 ส.ค.64 จึงเดินทางมาตรวจสวอปที่ อบจ.ปทุมธานี ปรากฏว่าผลเป็นบวก เจ้าหน้าที่จึงให้ยาสมุนไพรตัวนี้ไปรักษาที่บ้าน ซึ่งตนได้กินยาตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำร่วมกับน้ำสมุนไพร เป็นน้ำต้มขิง ปั่นใส่กระชายใส่หัวหอม สกัดเป็นน้ำดื่มเอง
เมื่อตนกินไปได้ประมาณ 5 วัน วันละ 6 แคปซูล 3 เวลา คือ เช้า 2 แคปซูล, กลางวัน 2 แคปซูล และเย็น 2 แคปซูล อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ ทั้งอาการไข้ คัดจมูกหายไป และไม่มีผลข้างเคียงอะไร ซึ่งตนก็กินทั้งแคปซูล จึงไม่ได้กลิ่นยา หรือรสชาติยาว่าข่มหรือหวาน ตอนแรกที่ตนได้แค่ยาสมุนไพร ตนก็กังวลว่าจะหายหรือไม่ ทำไมไม่ได้รับยาดี ๆ เหมือนคนอื่น แต่ปรากฏว่ากินไปแล้วดีขึ้น ตนจึงอยากให้ทุกคนหันมากินยาสมุนไพรไทย พร้อมอยากให้ทุกคนมั่นใจในสมุนไพรไทย ซึ่งตนลองแล้วได้ผลดีจริง ๆ