กรณี “น้องจีน่า” เด็กหญิง อายุ 1 ขวบ 11 เดือน ที่หายตัวจากบ้าน หมู่ 16 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาและล้อมรอบด้วยป่าไม้ กระทั่งไปพบตัวสภาพอ่อนเพลียอยู่ในกระท่อมกลางป่า หลังจากหนุ่มชาวเมียนมา อ้างว่านำเด็กไปปล่อยไว้ที่ถ้ำห่างจากหมู่บ้าน 3 กม.เพื่อสังเวยเจ้าป่าเจ้าเขา ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
ขณะเดียวกันพิธีกรชื่อดังอย่าง “อ้วน รีเทิร์น” เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่ติดตามข่าวการหายตัวไปของ “น้องจีน่า” มาตั้งแต่วันแรก ๆ และส่งกำลังใจให้กับครอบครัวและทีมค้นหามาตลอด พร้อมกับประกาศกลางรายการหนึ่งที่เจ้าตัวเป็นพิธีกรว่า “หากใครสามารถพา น้องจีน่า กลับบ้านได้ หรือให้เบาะแสพาน้องกลับบ้านได้ จะมอบเงินรางวัล 5 หมื่นบาทให้ เพราะรู้สึกสงสารและเห็นใจ เนื่องจากมีหลานเช่นกัน ถ้าหลานหายตัวออกจากบ้านไป พ่อแม่คงทุกข์ใจ และขอภาวนาให้น้องปลอดภัย”
ล่าสุดวันที่ 8 ก.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสได้พูดคุยกับ “อ้วน รีเทิร์น” ภายหลังจากทราบข่าวว่าพบตัว “น้องจีน่า” แล้ว โดยอ้วน รีเทิร์น เปิดเผยว่า ตนเป็นอีกหนึ่งคนที่ติดตามข่าวการหายตัวไปของน้องจีน่า มาตั้งแต่วันแรก ๆ ซึ่งตนติดตามข่าวด้วยความเป็นห่วง และภาวนาให้น้องปลอดภัย กระทั่งตนได้ทราบข่าวการพบตัวน้องจีน่าว่าปลอดภัย ส่วนตัวรู้สึกดีใจมาก เรียกได้ว่าเป็นวันที่ตนยิ้มออกทั้งน้ำตาแห่งความสุข และส่วนตัวเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
สำหรับกรณีที่ผู้ก่อเหตุพาตัว “น้องจีน่า” เป็นคนใกล้ตัวและใกล้ชิดกับครอบครัว ส่วนตัวรู้สึกว่า เขาเป็นคนนิสัยไม่ดี จะใช้คำว่าเลวก็ได้ ซึ่งเขาได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวของน้อง แต่กลับมาทำแบบนี้ ตนติดตามข่าวและลุ้นมาตลอด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทีมค้นหาก็พยายามลงพื้นที่ในจุดที่คาดว่าเด็กอาจจะหลงอย่างละเอียด ระหว่างนั้นตนก็กราบภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เด็กปลอดภัย
เมื่อทราบว่าผู้ก่อเหตุพาตัวน้องไปให้เจ้าป่าเจ้าเขา ตนก็รู้สึกตกใจและเป็นห่วงเด็ก แต่ช่วงก่อนเที่ยง ได้ทราบข่าวว่าเจอน้องแล้ว ความร้สึกตอนนั้นบรรยายไม่ถูก เชื่อว่าคนไทยทุกคนในประเทศที่ติดตามข่าวนี้ คงเหมือนยกภูเขาออกจากอก ชื่นใจไปกับคุณพ่อคุณแม่ของน้อง ดีใจที่น้องปลอดภัย ซึ่งใจหนึ่งก่อนหน้านี้ตนก็แอบคิดว่า จะเหมือนกรณีของ “น้องชมพู่” หรือไม่ ตนจึงไหว้พระขอให้บุญที่ทำมาไปปกป้องน้องจีน่า
นอกจากนี้ เรื่องเงินรางวัล 5 หมื่นบาทที่ตนเคยพูดออกไปว่าจะมอบให้กับผู้ที่สามารถพาน้องกลับบ้านได้ หรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการช่วยตามหาเด็ก ตนบอกเลยว่าพูดออกมาจากใจจริง ๆ ไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น จะได้รีบช่วยกันหาตัวเด็ก เพราะหายตัวไปนานกว่า 60 ชั่วโมง จะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว หรือหากใครหาเด็กเจอก็อยากให้เป็นรางวัล ทั้งนี้ ตนอยากจะบอกว่าเงิน 5 หมื่นบาท แลกไม่ได้กับชีวิตน้อง แต่ถ้าตนสามารถทำอะไรเพื่อสังคมบ้างก็อยากจะทำ เพราะตนเติบโตมาและได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ถ้าได้ทำอะไรตอบแทนสังคมบ้างก็ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว คือ การตอบแทน
โดยตนขอย้ำว่าตนตั้งใจจะมอบเงินจำนวนให้จริง ๆ และขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ทีมงานช่วยติดตามอยู่และรอสรุปว่าใครคือผู้ที่พาไปเจอตัวน้อง หากได้ขอสรุปแล้วจะเชิญบุคคลหรือหน่วยงานนั้นมารับรางวัลที่กรุงเทพฯ หรือหากทางนั้นมาไม่ได้ ตนจะดำเนินการโอนเงินรางวัลไปให้ อีกทั้งตนยังมีความคิดว่า สมมติว่ามีโอกาสได้ช่วย “น้องจีน่า” และครอบครัว ก็คิดว่าจะช่วยต่ออีกด้วย ซึ่งอาจจะมากกว่าเงินรางวัลจำนวนดังกล่าว
ทั้งนี้ “อ้วน รีเทิร์น” ยังกล่าวถึงการดูแลสภาพจิตใจของ “น้องจีน่า” หลังจากนี้ว่า ตนอยากจะให้นักจิตวิทยาช่วยดูแลอีกสักระยะหนึ่ง และสอนการดูแลน้องกับครอบครัวหรือคนใกล้ชิด รวมถึงทำความเข้าใจว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด อีกทั้งตนอยากจะให้นักจิตวิทยาช่วยดูแลจิตใจของพ่อแม่ และครอบครัวน้องด้วย เพราะพวกเขาเสียขวัญและอาจจะเกิดความหวาดระแวงไปหมด พร้อมฝากว่าสมัยนี้มีโซเชียล การที่เราจะพูดหรือทำอะไรลงไป สิ่งเหล่านี้จะติดอยู่ในโซเชียลฯ ไปตลอด ฉะนั้นก่อนจะพูดอะไรที่ทำให้ครอบครัวเขาสะเทือนใจ กรุณาอย่าพูด พูดแต่เรื่องดี ๆ และคิดก่อนพูด
สำหรับคนที่ไว้ใจคนรอบข้างหรือคนใกล้ตัว แต่เมื่อทราบข่าวกรณีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว อาจเกิดความระแวงระวังจนวิตกกังวลคนรอบข้างเกินไป ในส่วนนี้ตนมองว่าอยากจะให้ระแวดระวัง แต่อย่าเอาความระแวงมาอยู่เหนือความระวัง เพราะมันจะทำให้ชีวิตไม่มีความสุข คนใกล้หรือญาติ ๆ ก็อาจจะไม่ได้จะเป็นแบบนี้ทุกคน คนดี ๆ ก็มีอยู่มากมาย ซึ่งอาจกลายเป็นว่าเราไประแวงคนดีจนเขาอาจจะเสียใจ อย่างไรก็ตาม ระวังตัวได้แต่ไม่ต้องตื่นตระหนกมากเกินไป เพียงแต่ให้ดูแลลูกหลานให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตนขอกราบแทบเท้าสื่อมวลชนทุกแขนง และหน่วยงานทุกหน่วยที่ช่วยกันออกตามหาเป็นกำลังใจให้พ่อแม่ทุกคนโดยเฉพาะพ่อแม่ของ “น้องจีน่า” เพราะมีภูเขาทับอกและเหมือนคนตายทั้งเป็น 2-3 วัน ตนได้รับรู้แล้วว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน คนไทยทั้งประเทศเป็นกำลังใจและรักน้องจีน่า ขอให้พ่อแม่ประสบความสำเร็จ มีความสุขมาก ๆ ฝากหอมแก้มน้องจีน่าด้วย และขอเป็นกำลังใจให้พ่อแม่น้องจีน่า
ขณะที่ "ต้นหอม ศกุนตลา" พิธีกร นักแสดง ชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวไว้ว่า "ถือเป็นปาฏิหาริย์มาก เด็กขวบกว่าถูกทิ้งในป่า 4 วัน แล้วรอดออกมาได้ ดีใจกับครอบครัวน้องด้วยนะคะ หมดทุกข์หมดโศกนะลูก พี่หนุ่มกำลังจะอัปเดตสถานการณ์ในโหนกระแสต่อ ใครว่างดูฝากอัปเดตทีนะคะ"
ส่วนอีกหนึ่งคนบันเทิง “เบ๊น อาปาเช่” ที่โพสต์ภาพที่มีข้อความว่า “พบน้องจีน่าแล้ว ที่กระท่อมในสวนข้าง ๆ หมู่บ้านไม่ห่างจากบ้านมากนัก น้องปลอดภัย” พร้อมแคปชั่นว่า “เย้ ๆ ๆ ๆ ข่าวดีที่สุดดีใจแทนครอบครัวน้อง ❤️”
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ติดต่อวิดีโอคอลกับ “เบ๊น อาปาเช่” กล่าวว่า ตนเริ่มติดตามข่าวตั้งแต่เมื่อ 2 วันก่อน เพราะว่าตนก็มีลูกเล็กวัย 3 ขวบ รู้สึกสะเทือนใจพอรู้ข่าวว่าน้องจีน่าหายตัวไป คิดว่าถ้าเป็นตัวเอง แค่ 1 ชั่วโมงก็เรียกว่าใจสะลายแล้ว แล้วยิ่งน้องหายไปหลายวันแบบนั้น ก็ไม่รู้ว่าน้องจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ตนก็ดีใจกับครอบครัวของน้องด้วยที่หาตัวเด็กจนพบแล้ว เหมือนได้ของขวัญล้ำค่าที่สุดในโลกกลับมา แต่ตนมองว่าเรื่องนี้มันแปลก ๆ เด็กหลงป่าไปกลับมาแบบกินอิ่ม นอนหลับ ไม่ได้มีอาการอะไรเลย เทียบกับผู้ใหญ่หลงป่าวันเดียวอาจตายได้ หาของกินไม่เป็น หรือโดนสัตว์ป่า หรือยุงกัด แต่น้องจีน่าในวัยเท่านี้อยู่ในป่ามาหลายวัน กลับมาในสภาพที่ปกติ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ตนก็ติดใจอยู่เหมือนกัน ก็เลยอยากจะติดตามข่าวต่อไป
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้สอนใจให้คนที่มีลูกเล็ก ๆ ควรดูแลเด็กอย่าให้คาดสายตา อันตรายมันไม่ได้เกิดขึ้นนอกบ้านเพียงอย่างเดียวแล้ว มันอาจเกิดขึ้นจากคนในบ้าน หรือเพื่อนบ้าน และคนใกล้ตัวได้ง่ายมาก รู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ ยิ่งเป็นลูกสาวด้วย อาจจะมีเรื่องเพศ เรื่องลักพาตัว และอาจมีเรื่องที่คาดไม่ถึงอีกมากมาย
สุดท้ายนี้ ตนอยากฝากทุกครอบครัวว่า หากเรื่องยังไม่เกิด อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก คนอื่นอาจจะมองว่าวิตกเกินไป แต่เคสน้องจีน่า ถือเป็น 1 ในแสน หรือ 1 ในล้านเลยที่หายไปแล้วจะโชคดีได้ลูกกลับคืนมาในอ้อมอกอีกครั้ง ตนจึงอยากวอนสังคมว่าอย่าไปซ้ำเติมพ่อแม่น้องจีน่า นี่คงเป็นบทเรียนที่สำคัญในชีวิตของเขาแล้ว แต่อยากแสดงความดีใจกับเขาจริง ๆ ที่ได้ของขวัญที่ล้ำค่ากลับคืนมา
รายงานข่าวจากหน้าเว็บไซต์ เซก มัก ระบุว่า น้องจีน่าที่หายตัวไปจากบ้าน ในหมู่บ้านอันห่างไกล ถูกพบว่าปลอดภัยดี อยู่บริเวณด้านนอกถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งมีคนร้ายลักพาตัวมาทิ้งเอาไว้ เพื่อเป็นเครื่องสังเวยวิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขา การพบตัวเด็กวัยเพียง 23 เดือน ถือเป็นข่าวที่สร้างความโล่งใจให้กับคนทั้งครอบครัว และชาวบ้านในพื้นที่ หลังจากที่ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์และกังวล เพราะเกรงว่าหนูน้อยอาจเผชิญกับชะตากรรมที่เลวร้าย
อย่างไรก็ดี คำให้การของนายเสี่ยว ที่เป็นผู้ก่อเหตุ ระบุว่า ต้องการนำน้องจีน่าไปเป็นเครื่องสังเวย ยังทำให้เกิดคำถามมากมายและดูไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางการตำรวจไทยต้องสืบสวนหาความจริงต่อไป
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความอิสระ กล่าวว่า กรณีคนร้ายลักพาตัวน้องจีน่า และทิ้งกล้วยไว้ให้ 1 ลูก ตามกฎหมายถือว่าคนร้ายมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 3 ปี จนถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 6,000 - 30,000 บาท
นอกจากนี้ หากนำเด็กไปทอดทิ้งให้พ้นเสียจากตน ปราศจากผู้ดู และมีเจตนาทำให้เด็กได้รับความลำบาก จะถูกตั้งข้อหาทอดทิ้งเด็ก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากระหว่างที่คนร้ายทอดทิ้งเด็ก แล้วมีญาติพี่น้องของคนร้าย รู้เห็นเป็นใจ รู้ว่าเด็กถูกลักพาตัวมา และนำอาหารไปให้กิน ต้องดูว่าญาติมีส่วนเกี่ยวข้องในการลักพาตัวหรือไม่ ถ้ารู้อยู่แก่ใจว่า นำเด็กมาแต่ไม่ต้องการให้ตายเพื่อประโยชน์อย่างอื่น หรือภายหลัง จึงเพื่อช่วยเหลือคนร้าย จะเข้าข่ายมีความผิดฐานเป็นตัวการ หรืออาจจะเป็นผู้สนับสนุนให้คนร้ายทำผิด
อย่างไรก็ตาม จะต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ที่ต้องไปพิสูจน์กันว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการวางแผน หรือ ให้ความร่วมมืออย่างไรบ้าง ทั้งนี้ หากคนร้ายนำเด็กไปทอดทิ้ง และหนีออกมา แต่บังเอิญมีชาวบ้านไปพบเห็น ไม่รู้จักเด็กมาก่อน ไม่รู้ว่าเด็กโดนทิ้ง และเกิดความสงสาร แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงนำอาหารไปให้กิน ถือว่าเป็นพลเมืองดี และไม่มีความผิด เพราะไม่มีเจตนาจะช่วยคนร้าย จึงไม่ได้กระทำผิด