ป.ป.ช. ยืนยัน ไม่ได้เตะถ่วง คดีเครื่องบินตำรวจขนเหล้าเถื่อน เผยเรื่องเกิดขึ้นในปี 2561 แต่ได้รับการร้องเรียนในปี 2563 อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีมูลความจริงเพียงพอที่จะตั้งคณะกรรมการไต่สวนหรือไม่
จากกรณีที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เปิดเผยข้อมูลว่ามีนายตำรวจใหญ่ใช้เครื่องบินตำรวจลักลอบขนเหล้าและเบียร์หนีภาษีเข้ามาบริเวณด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งมีการร้องหน่วยงานมานานกว่า 3 ปี แต่ไม่คืบหน้า โดยมีการระบุว่า
"เครื่องบินตำรวจขนเหล้าเถื่อนมาเลย์
การขนเหล้าเถื่อนจากประเทศมาเลเซียเข้ามายังประเทศไทยผ่านด่านโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายและดูแลพื้นที่ทั้งสีเขียวและกากี มีพูดถึงอยู่เรื่อย ๆ ในระดับพื้นที่ แต่รอบนี้เล่นใหญ่ไม่แค่ใช้รถขนผ่านด่านแบบธรรมดา แต่ใช้เครื่องบินตำรวจ เครื่องบินของทางราชการใช้สำหรับปฏิบัติราชการขนต่อเข้ากรุงเทพฯ
เรื่อนายตำรวจใหญ่ระดับผู้บังคับการรายหนึ่งได้ขนเหล้าและเบียร์หนีภาษีเข้ามาบริเวณด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ใช้เครื่องบิน 2 ลำ สลับกันในการบินแต่ละครั้ง มีทั้งเครื่องบินแบบคาซ่ารุ่น CN235-220M และเครื่องบินแบบ FALCON รุ่น 2000 ของกองบินตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการบินลำเลียงเหล้าเถื่อนจากสนามบินหาดใหญ่ ไปยังกองบินตำรวจที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะมีการลำเลียงต่ออีกทอดหนึ่ง มีการทำในลักษณะนี้หลายครั้ง โดยได้ทำการบินเอง และเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติให้นำเครื่องบินลง
โดยพบหลักฐานว่า เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561 เครื่องบินตำรวจแบบคาซ่ารุ่น CN325-220M หมายเลขเครื่อง 28064 ได้ทำการบินเพื่อเก็บชั่วโมงบิน เส้นทางไปกลับกองบินตำรวจ กทม. - สนามบินหาดใหญ่ หลังเครื่องบินลงจอดที่สนามบินหาดใหญ่ มีนายตำรวจ 2 นาย เดินทางด้วยรถตู้ไปนำเหล้าเถื่อนมายังสนามบินหาดใหญ่ และเป็นผู้สั่งการด้วยตัวเองให้เจ้าหน้าที่ลำเลียงเหล้าดังกล่าวประมาณ 20 ลัง ขึ้นเครื่อง ทุกลังถูกสวมทับด้วยถุงดำ มีการติดข้อความไว้ที่ข้างกล่องลังว่า “รองตู่” แถมติดสติกเกอร์สีแดงไว้ เมื่อถึงกองบินตำรวจมีการใช้รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาวลำเลียงออกไป และพบว่ามีการทำการบินในลักษณะดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 6 พฤษภาคม ปีเดียวกัน
มีการร้องเรียนไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งก็เห็นว่าหลักฐานมีมูลเพียงพอ ตั้งท่าว่าจะไต่สวนแต่สามปีแล้วไม่มีความคืบหน้าใดๆ ฝั่งต้นสังกัดก็เติบโตในหน้าที่ราชการได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (11 ก.ย.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้าเรื่องนี้ว่า เรื่องดังกล่าวเหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2561 จริง แต่ทางสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อต้นเดือน ต.ค.2563 เรื่องนี้มีการกล่าวหาเป็น 2 ประเด็น คือ 1.การใช้เครื่องบินขนของเถื่อน 2.การเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงในการใช้เครื่องบินฝึกลำดังกล่าวเพื่อเดินทางไปในประเทศอินโดนีเซียอันเป็นเท็จ ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีการเสนอเข้าอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องในชั้นต้นแล้ว และอนุฯ กลั่นกรองได้ให้ไปดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม ดังนั้นเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งล่าสุดพร้อมที่จะสรุปเรื่องเสนอต่อที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ในการที่จะพิจารณาว่ามีมูลความจริงเพียงพอที่จะตั้งคณะกรรมการไต่สวนหรือไม่
ทั้งนี้เมื่อปรากฏเป็นข่าวแล้วทาง ป.ป.ช. จะได้เร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าว ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อปี 2563 ยืนยันว่าไม่ได้ดำเนินการล่าช้าแต่อย่างใด