กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊กร้านอาหารบุฟเฟต์นานาชาติ Wisdom International Buffet ได้ออกมาแฉพฤติกรรมของหนุ่มแอดมินกลุ่มบุฟเฟต์ดีกรีจบดอกเตอร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง หลังจากได้ส่งข้อความเพื่อมาขอทานฟรี จำนวน 2 คน จากทั้งหมด 4 คน แต่เมื่อทางร้านไม่ยินยอมกลับถูกข่มขู่จะแบนร้านออกจากกลุ่มรีวิวร้านอาหารบุฟเฟต์ พร้อมกับอ้างว่าอาจทำให้ร้านต้องเสียลูกค้าเป็นล้านคน ตามที่ปรากฏเป็นกระแสวิจารณ์นั้น
ล่าสุดวันที่ 14 ก.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ร้านบุฟเฟต์ที่เกิดเหตุ ตั้งอยู่ชั้น 5 ห้าง Siam Square One พบว่าวันนี้กลับมีลูกค้าแห่เข้ามาอุดหนุนและใช้บริการมากขึ้น
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ คุณเบลล่า ผู้จัดการร้าน ให้ข้อมูลว่า เมื่อวานนี้ (13 ก.ย.64) เวลาประมาณ 17.00 น. นายสันติ แอดมินกลุ่มคนรักบุฟเฟต์ เข้ามาที่ร้านพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงอีก 3 คน ก่อนจะนำคูปองมูลค่า 2,000 บาท จำนวน 2 ใบมาแสดงกับพนักงาน อ้างว่าได้แจ้งกับแอดมินของร้านแล้วว่าจะมาขอรีวิว ซึ่งพนักงานหน้าร้านไม่สามารถอนุญาตให้เข้าไปทานได้ทั้งหมด 4 คน เนื่องจากคูปองมีเพียง 2 ใบ หลังจากนั้นพนักงานร้านได้ประสานกับแอดมินร้าน จึงทราบว่าเดิมทีนายสันติ แอดมินกลุ่มคนรักบุฟเฟต์เคยได้คูปองมูลค่า 2,000 บาท จากทางร้านไปจำนวน 4 ใบ แต่นายสันติ นำคูปองมาแสดงเพียง 2 ใบ ส่วนคูปองอีก 2 ใบอยู่ที่เพื่อนอีกคนที่จ.สมุทรสาคร ซึ่งพนักงานก็ยื่นขอเสนอว่าจะให้นายสันติและเพื่อนทั้ง 3 คน เข้าไปนั่งกินบุฟเฟต์ก่อน แต่ต้องให้เมสเซนเจอร์นำคูปองอีก 2 ใบมาส่งให้ที่ร้าน
แต่ทว่านายสันติ กลับไม่ยอม ซึ่งระหว่างนั้นนายสันติ ได้ทักแชตไปพูดคุยกับแอดมินของร้าน ก่อนจะอ้างว่าขออนุญาตแอดมินแล้วว่า จำนวน 4 คน แต่จะใช้คูปองเพียง 2 ใบ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะแอดมินเข้าใจว่าการีวิวโปรโมตร้าน จะมีลูกค้าเข้ามาทานบุฟเฟต์ จำนวน 2 คนเท่านั้น ส่วนอีก 2 คนเป็นทีมงานที่มาช่วย แอดมินจึงแจ้งว่าอนุญาตให้เข้าร้านได้ทั้ง 4 คน ขณะที่ นายสันติ ก็ได้พูดคุยกับพนักงานร้าน ประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ทางร้านก็ยังไม่สามารถที่จะอนุญาตให้ 2 คนที่ไม่มีคูปองทานฟรีได้ สุดท้ายนายสันติ ต้องยอมจ่ายส่วนต่างและเข้าไปนั่งทานบุฟเฟต์ได้
นอกจากนี้ กลุ่มของนายสันติ ยังเลือกทานบุฟเฟต์เซ็ตสูงสุดของร้าน ราคา 1,647 บาทต่อคน รวม 4 คน คิดเป็นเงินราคา 6,588 บาท ซึ่งระหว่างที่กลุ่มของนายสันติ นั่งทานบุฟเฟต์ เขาก็ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารหรือรีวิวอะไร แต่นั่งกินเหมือนกับลูกค้าปกติทั่วไป และเมื่อพวกเขาอิ่ม พนักงานร้านจึงเข้าไปขออภัยในความไม่สะดวก แต่นายสันติ กลับตอบมาว่า "เก็บคำขอโทษไว้เถอะครับ ผมไม่รับ" หลังจากนั้นนายสันติ ก็ไปจ่ายเงินค่าส่วนต่าง ประมาณ 2,588 บาท ก่อนจะพูดกับพนักงานว่า "จะแบนร้านและจะไม่พูดถึงร้านนี้ในกลุ่มอีกต่อไป"
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น นายสันติ ได้ส่งข้อความทักแชตไปในแฟนเพจของร้าน คล้ายกับข่มขู่ว่า "ทางกลุ่มขอแบนร้านนะครับ ถ้าอยากเสียสมาชิกเกือบ 1 ล้านคนในกลุ่มกับมูลค่าที่หายไปก็ตามใจครับ ในเมื่อแลกกับมูลค่าความรู้สึกที่เสียไป เข้าไปดูได้ครับ ผมเป็นแอดมินมีอำนาจควบคุมครับ" ทำให้ทางร้านต้องนำแชตทั้งหมดมาโพสต์แฉพฤตติกรรม เพื่อป้องกันร้านเสียชื่อกับสิ่งที่กำลังถูกข่มขู่ อีกทั้งพวกเขาทั้ง 4 คนก็ไม่ได้โพสต์รีวิวร้านอย่างที่กล่าวอ้าง หลังจากที่เป็นกระแสดราม่า ชายรายหนึ่งโทรศัพท์เข้ามาแนะนำตัวเองว่าชื่อ "สันติ" แต่ตนและพนักงานก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไร เนื่องจากวันนี้มีลูกค้ามาใช้บริการค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พนักงานในร้านก็ไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูลมากนัก จึงจะปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่และเจ้าของร้านดำเนินการต่อไป
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเกม (นามสมมติ) ลูกค้าที่มาใช้บริการ กล่าวว่า ในวันนี้ตนตั้งใจมาทานบุฟเฟต์ที่ร้าน ซึ่งเมื่อช่วงเช้าก็ได้อ่านดราม่าที่เกิดขึ้นแล้ว หลังจากที่ถูกแอดมินกลุ่มคนรักบุฟเฟต์ขู่แบนร้าน ตนก็รู้สึกเห็นใจร้านบุฟเฟต์มาก ๆ เพราะร้านบุฟเฟต์ก็ได้ให้คูปองไปแล้ว 4 ใบ แต่นายสันติ กลับนำมาแค่ 2 ใบ และไม่ยอมแจ้งทางร้านล่วงหน้าว่าจะขอทานฟรีอีก 2 คน จึงทำให้เกิดปัญหาถกเถียงกันดังกล่าว กระทั่งนำไปสู่การข่มขู่จะแบนร้าน ซึ่งตนมงว่าถ้านายสันติ แจ้งกับร้านล่วงหน้าอย่างชัดเจนว่าจะขอกินฟรีอีก 2 คน ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าร้านบุฟเฟต์ไม่ใช่ฝ่ายผิด เชื่อว่าลูกค้าคนอื่น ๆ ที่ทราบเรื่องดราม่าก็คงจะไม่แบนร้าน
ทีมข่าวได้เข้าไปตรวจสอบกลุ่มเฟซบุ๊ก "คนรักบุฟเฟต์" พบว่ามีสมาชิกในกลุ่มถึง 612,100 คน เดิมทีมีแอดมินดูแล 2 คน คือนายสันติและน.ส.หวาน แต่หลังจากที่เป็นกระแสดราม่า กลุ่มดังกล่าวก็เหลือ น.ส.หวาน เป็นแอดมินเพียงคนเดียว เพราะนายสันติ ได้ปิดเฟซบุ๊กตัวเองไปแล้ว ส่วนกลุ่มนั้นก็ถูกตั้งค่าให้มองเห็นได้เฉพาะคนที่เป็นสมาชิก หากไม่เป็นสมาชิกก็จะไม่สามารถเข้าดูเนื้อหาได้ ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุกระแสดราม่า น.ส.หวาน แอดมินของกลุ่มอีกคน ก็ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม เป็นการขอโทษร้านบุฟเฟต์ และแจ้งว่านายสันติ ได้พ้นสภาพจากการเป็นแอดมินของกลุ่มแล้ว รวมถึงยืนยันว่าทางกลุ่มไม่มีนโยบายชักชวนสมาชิกไปแบนร้านอาหารใด ๆ ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม นายสันติ ได้ใช้เฟซบุ๊กออกมาโพสต์ข้อความกล่าวขอโทษร้านบุฟเฟต์ โดยระบุข้อความว่า "จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อสิ่งทำไป ทั้งข้อความและกิริยาใด ๆ ก็ตามที่ไม่ดีและไม่เหมาะสม ที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของผม จากการทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมขอโทษและขออภัยร้าน Wisdom International Buffet ผมขอรับความผิดไว้เพียงผู้เดียว และจะนำบทเรียนที่เกิดขึ้นครั้งนี้มาปรับปรุงแก้ไข และระมัดระวังคำพูดและการกระทำต่าง ๆ ในอนาคตให้มากขึ้น ขออภัยต่อทุกท่านที่ได้ผลกระทบจากการเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยครับ"
ทีมข่าวได้ไปพูดคุยกับ "พีช อีท แหลก" นักกินและรีวิวอาหารชื่อดัง เปิดเผยว่า ตนมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ควรจะเป็นปัญหาด้วยซ้ำ หากแอดมินกลุ่มคนรักบุฟเฟต์สื่อสารกับทางร้านอย่างชัดเจน อย่างเช่นขออนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อนตกลงกับทางร้านให้ชัดเจนว่า จะมีคนเข้าไปถ่ายทำหรือรีวิวกี่คน และก็เป็นสิทธิ์ของทางร้านว่าจะสนับสนุนค่าอาหารทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ถ้าตกลงกันลงตัวตั้งแต่แรก เรื่องดราม่าทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น ตนมองว่าจุดเริ่มต้นของปัญหาเป็นเพราะทั้ง 2 ฝ่ายสื่อสารไม่ตรงกัน
นอกจากนี้ ในมุมมองส่วนตัวของตนแล้ว ถ้าตนสนใจที่จะรีวิวอาหารร้านใด ตนก็จะขอความอนุเคราะห์ขอใช้สถาที่ในการถ่ายทำ ไม่ว่าทางร้านจะเลือกเก็บค่าอาหารหรือไม่ ตนก็ไม่ได้สนใจ เพราะตนจะจ่ายเอง เป็นความต้องการของตนที่จะเข้าไปใช้บริการและถ่ายในร้านอาหารอยู่แล้ว ตนจึงมองว่าในกรณีนี้เป็นสิทธิ์ของทางร้านบุฟเฟต์ที่จะไม่สนับสนุนค่าอาหารให้นักรีวิว
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่านักรีวิวอาหารไม่ควรที่จะขู่แบนร้านบุฟเฟต์ และไม่ควรเอาใจตัวเองมาเป็นใหญ่ เพราะการเป็นนักรีวิวแล้วไปแบนร้านอาหาร ก็เหมือนเป็นการทำลายธุรกิจและอาชีพคนอื่น และถ้าเรารู้สึกไม่ชอบร้านใด ก็แค่เลือกที่จะไม่ไปใช้บริการ และไม่ควรที่จะไปดิสเครดิตกันเช่นนี้