จากกรณีนายทศพล พรบูลย์ หรือ ดิว อายุ 27 ปี หลบหนีหลังก่อเหตุฆาตกรรม ใช้สายชาร์จโทรศัพท์รัดคอนางสาวอัญรินทร์ สีสด อายุ 25 ปี จนเสียชีวิต ภายในห้องนอน ภายในบ้านพัก เป็นร้านเกมคอมพิวเตอร์ ล่าสุดมีข้อมูลรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังและสามารถจับกุมตัวนายทศพลได้ที่ ต.พิบูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
โดยนายทศพลได้จอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้ที่บ้านญาติ ภายในพื้นที่ซอยโรงสี อ.สว่างวีระวงศ์ ในเวลา 06.58 น. จากนั้นในเวลา 07.16 น. นายทศพลได้ออกมาขึ้นสองแถว เพื่อเดินทางไปยัง อ.พิบูลมังสาหาร เพื่อเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปจับกุมไว้ได้ในเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 14 ก.ย. 64
ทีมข่าวได้รับแชตการสนทนาระหว่างผู้ก่อเหตุกับเพื่อนคนหนึ่ง โดยผู้ก่อเหตุได้ทักไปหาเพื่อนว่า "กูฆ่าแฟนเก่าตาย" เพื่อนถามกลับว่า "ทำจริงเหรอ ทำอะไรลงไปคิดบ้างไหม มีอะไรให้บอก เป็นห่วง"
นายตะวัน ปัญญาทิพย์ อายุ 23 ปี เพื่อนของผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนรู้จักผู้ก่อเหตุผ่านเกม เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน ทำให้คุ้นเคยและพูดคุยกันเรื่อยมา แต่ไม่เคยพบเจอกัน ปกตินิสัยของผู้ก่อเหตุที่ตนรู้จักผ่านเกมและเฟซบุ๊ก ผู้ก่อเหตุดูเป็นคนนิสัยดี คุยแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ทุกเรื่อง แต่บางครั้งเวลาเล่นเกมแพ้หรือไม่ได้ดั่งใจ ผู้ตายก็มักจะอารมณ์เสีย แต่ก็ไม่ได้โวยวายมาก ไม่คาดคิดว่าจะเป็นคนอารมณ์ร้ายขนาดก่อเหตุได้
ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุเคยพูดถึงผู้ตายให้ฟัง เป็นการพูดลอย ๆ เช่น เจอแฟนเก่าที่ร้านเกมที่ทำงานอยู่ บางครั้งก็ส่งรูปผู้ตายมาให้ พร้อมถามตนว่า "สวยไหม" แต่ผู้ก่อเหตุไม่เคยปรึกษาตนเกี่ยวกับปัญหาระหว่างผู้ก่อเหตุกับผู้ตาย และไม่เคยเล่าประวัติของตัวเองให้ฟัง โดยในวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้ทักหาตนหลังจากก่อเหตุในเวลาประมาณ 04.00 น. ว่าฆ่าคนตาย แต่ตอนแรกตนคิดว่าอีกฝ่ายพูดเล่น จึงได้สอบถามไปว่าจริงหรือไม่ แต่สุดท้ายผู้ก่อเหตุก็ไม่ตอบ
วันที่ 15 ก.ย. 64 ทีมข่าวได้เดินทางมาที่โรงแรมใน อ.พิบูลมังสาหาร ที่ผู้ก่อเหตุหนีมาขอเข้าพัก ห้อง 123 ก่อนจะถูกจับกุมตัวได้ ในเวลาประมาณ 22.00 น. นางสาวปุ๊ (นามสมมติ) เจ้าของโรงแรม บอกว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 08.30 น. ผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาขอเปิดห้องพักรายวัน ราคา 300 บาท พร้อมบอกว่าเหนื่อย จากนั้นก็เก็บตัวอยู่ภายในห้องทั้งวัน ไม่ได้ออกไปไหน
ขณะเปิดห้องผู้ก่อเหตุได้ยื่นบัตรประชาชนให้ตน ทราบภายหลังเป็นของคนอื่น ผู้ก่อเหตุใส่หน้ากากอนามัยดึงสูงขึ้นมาถึงขอบตาล่าง ทำให้ตนเห็นหน้าไม่ชัด จึงไม่ทันสังเกตว่าคนในบัตรกับคนยื่นบัตรเป็นคนละคนกัน จากนั้นในเวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาที่โรงแรม เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด พร้อมสอบถามตนว่าพบเห็นผู้ก่อเหตุหรือไม่
ขณะนั้น ผู้ก่อเหตุได้เดินออกมาสูบบุหรี่บริเวณหน้าห้องพอดี ตนจึงได้เข้าไปทักว่า "ใช่น้องที่พักห้อง 123 ใช่ไหม" ซึ่งตนทักเสียงดังเพื่อส่งสัญญาณบอกใบ้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามาล้อมจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนให้ตนต้องตรวจสอบใบหน้าแขกที่เข้าพักกับบัตรประชาชนให้ดีกว่านี้
ด้านเจ๊หญิง สาวประเภทสอง อดีตคนรักและผู้ดูแลผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนขอยืนยันว่าตนเป็นคนรักและเป็นผู้ดูแลผู้ก่อเหตุมานานกว่า 9 ปี ซึ่งตนดีใจมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ ชาวบ้านทุกคนสามารถยืนยันได้ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ก่อเหตุแถลงข่าว จึงเชื่ออะไรไม่ได้เลย ช
ตนขอยืนยันว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนอารมณ์รุนแรง เคยใช้มีดจะแทงตน เคยทุบตีทำร้ายตน และเคยข่มขู่ตนว่าจะยิงตนให้ตาย อีกทั้งตนยังขอยืนยันว่าผู้ก่อเหตุขายบางอย่าง เพื่อแลกเงินซื้อยาเสพติดและนำไปเล่นเกม จึงเป็นเหตุให้ตนถูกทำร้าย เพราะตนรักแล้วเข้าไปตักเตือนผู้ก่อเหตุ
ประเด็นที่ผู้ก่อเหตุคบหามีความสัมพันธ์กับผู้ตายนั้น ตนไม่ทราบ แต่เคยได้ยินวัยรุ่นที่เล่นเกมในร้านผู้ตายลือกันว่าผู้ก่อเหตุตามจีบตามคุยกับผู้ตาย แต่จะลึกซึ้งแค่ไหน ตนไม่ทราบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวผู้ก่อเหตุได้ ตนก็ดีใจ เพราะหากปล่อยไว้ ผู้ก่อเหตุไปติดพันใครก็จะไปก่อเหตุกับคนคนนั้น เพราะสันดานมันพาไป ทั้งนี้ ตนได้ยินมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าผู้ก่อเหตุพยายามปีนหน้าต่างเข้าหาเด็กสาวมัธยมต้นแต่ไม่สำเร็จ
ทั้งนี้ ตนรู้สึกเสียดายที่ครอบครัวผู้ตายไม่มาปรึกษาตนก่อนที่จะรับผู้ก่อเหตุเข้าทำงาน ทั้ง ๆ ที่ครอบครัวผู้ตายรู้ว่าผู้ก่อเหตุเคยคบหากับตน แต่พอเกิดเหตุฆาตกรรมแล้ว ทางครอบครัวผู้ตายถึงมาพูดคุยกับตน สุดท้าย "ตนขอให้ผู้ก่อเหตุชดใช้กรรมในคุกไปจนตาย ไม่ต้องออกมา อยู่บนโลกไปก็ไม่มีอะไรดี ตาย ๆ ไป"