จากกรณี น.ส.หยดน้ำ สิงห์ใจ อายุ 23 ปี สาวโรงงานที่ ตำบลหนองกรับ อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ล่าสุดมีการแจ้งเบาะแสว่าฆาตกรหลบหนีไปโผล่ในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา กำลังตำรวจชุดสืบสวนภาค 2 ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดระยอง สืบสวน สภ.หนองกรับ ได้ลงพื้นที่ประสานกำลังตำรวจจังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมกันไล่ล่าตัว ซึ่งต่อมาได้ตรวจสอบภาพประกาศจับของ สภ.หนองกรับ ระยอง ซึ่งมีลักษณะรูปพรรณคล้ายกัน จึงรีบเดินทางไปอายัดตัว แต่ปรากฏว่านายอุดรหนีออกจาก รพ.พุทธโสธร ไปแล้ว และล่าสุดจับกุมตัวได้แล้วนั้น
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเพชรสมร ธิมาชัย อายุ 54 ปี พ่อเลี้ยงผู้ก่อเหตุ ที่เคยถูกทำร้าย เผยว่า สำหรับความรู้สึกส่วนตัวของตน ตนมองว่านายอุดรเลวเกินคน ที่ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงอยากขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย
โดยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่นายอุดรเคยก่อเหตุในลักษณะนี้กับตนมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ปมเหตุเกิดจาก นายอุดรเคยนำไก่ชนมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน แต่ไก่ชนกลับดันตายโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อนายอุดรมาพบว่าไก่ตาย จึงมาพาลใส่ตนหาว่าตนเป็นคนที่ฆ่าไก่ของนายอุดร ทั้งที่ตนไม่เคยรู้เรื่องด้วย
ซึ่งเจ้าตัวเกิดความไม่พอใจถึงขั้นช่วงที่ตนไม่สบายต้องกินยานอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน นายอุดรอาศัยจังหวะช่วงที่ตนเผลอ เดินเข้ามาจากด้านหลังใช้มือแขนล็อกคอของตนขณะที่นอนอยู่ ก่อนใช้อาวุธมีดปลายแหลมที่เตรียมมาแทงตนเข้าที่บริเวณลำตัวใบหน้า ปาก รวมไปถึงดวงตา จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบตาย
ดวงตาข้างซ้ายบอด กลางลำตัวโดนแทงจนไส้ไหล สีข้างด้านซ้ายเปิด ปากฉีก แพทย์ต้องทำการช่วยชีวิต และเย็บแผลมากกว่า 100 เข็ม ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดุง ดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่ามาแล้วเมื่อปี 2556 สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่า นายอุดรโหดเหี้ยมและก่อเหตุอุกอาจเกินไป หากเป็นไปได้ตนอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด ถึงขั้นประหารชีวิตได้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุดังกล่าวซ้ำกับผู้อื่น
นางบัวลา จันทะเสม อายุ 82 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เผยว่า ลูกชายของตนปกติแล้วตอนเล็ก ๆ ก็เป็นคนดี แต่หลังจากที่สามีของตนเสียชีวิตไป ตั้งแต่ตอนที่ลูกยังเป็นเด็ก ลูกก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป กลายเป็นคนฉุนเฉียว อารมณ์ร้อน และเริ่มไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยทุกครั้งที่เวลาลูกเกิดความไม่พอใจ ก็มักจะทำร้ายตนและสามีใหม่อยู่บ่อยครั้ง หนักสุดเคยก่อเหตุใช้มีดแทงสามีใหม่ของตน จนเกือบตายมาแล้ว โชคดีที่รอดมาได้แล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลาย 10 ปีก่อน กระทั่งล่าสุดไปก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวซ้ำอีก
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะผู้เป็นแม่ตนอยากขอโทษและแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวผู้เสียชีวิต กับสิ่งที่ลูกชายของตนได้กระทำไปในครั้งนี้ พร้อมทั้งขอโทษที่หลังเกิดเรื่องตนไม่เคยได้ไปติดต่อแสดงตัวขอรับผิดชอบแต่อย่างใด เนื่องจากตนก็เป็นผู้สูงอายุ 82 ปีแล้ว อีกทั้งฐานะทางการเงินที่บ้านก็ไม่ดี ทำได้มากสุดก็คงจะทำได้เพียงแค่กล่าวคำขอโทษ ในส่วนคดีความตนยืนยันว่าทางครอบครัวจะไม่ขอยื่นมือช่วยลูกชาย เนื่องจากหากลูกชายทำผิดจริงก็ขอปล่อยให้ลูกชายรับโทษตามขั้นตอนของกฎหมาย
ในเวลา 20.20 น. ตำรวจได้นำตัวของนายอุดรออกจากห้องสอบสวน ซึ่งทางนายอุดรได้กล่าวว่า "ขอโทษครับ พลาดพลั้งไปแล้วครับ สาเหตุที่ลงมือฆ่า ผมไม่รู้ครับ ผมไม่รู้ว่าเขาจะตาย ไม่เคยรู้จักคนร้ายมาก่อนครับ รถของผู้ตายที่เอาไปทิ้งเป็นคนร้ายครับ" ก่อนจะนำตัวขึ้นรถตู้ไป
พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 รักษาการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ระบุว่า ภายหลังจากเกิดเหตุได้ติดตามกล้องวงจรปิด จนพบว่า คนร้ายได้หลบหนีไปที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนที่จะถูกจับกุมถึง 2 ครั้ง จึงได้หลบหนีมาที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ภายหลังจากจับกุมตัวได้ ขณะที่เดินไปซื้อของในร้านค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งอยู่จนสามารถรวบตัวคนร้ายได้ ภายหลังจากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุฆ่าปาดคอจริง ส่วนเหตุจูงใจนั้นยังให้การวกไปวนมา
ขณะเดียวกัน เคยเห็นผู้ตาย ขับรถจักรยานยนต์มาจอด 2 วันก่อนเกิดเหตุ จึงลงมือก่อเหตุเพื่อหวังชิงทรัพย์ ได้เงินไปจำนวน 200 บาท อ้างว่าไม่มีเจตนาประสงค์จะล่วงละเมิดทางเพศ นอกจากนี้ยังได้เสพยาเสพติด 3 เม็ด ก่อนเกิดเหตุ หลังก่อเหตุเสร็จจึงขับรถวนจนยางแตก และได้นำไปจอดไว้ที่หลังป้อมจราจร ยอมรับว่าผู้ต้องหานั้นสติดี เบื้องต้น ตำรวจแจ้ง 3 ข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ และในวันพรุ่งนี้จะมีการทำแผนในเวลา 10.00 น.