แม่ไอ้แอ๊ะไม่ป้องลูกโดนกระทืบจี้โทษหนักได้สำนึก หลวงพ่อเผยเป็นพระดีสึกแล้วชอบดูหมอ (คลิป)

กรณีคนร้ายฆ่าปาดคอ น.ส.หยดน้ำ สิงห์ใจ อายุ 23 ปี สาวโรงงาน ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.หนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง แล้วชิงรถจักรยานยนต์หลบหนีไป กระทั่งพบรถจักรยานยนต์จอดทิ้งริมถนน ก่อนที่ตำรวจจะพบเบาะแสภาพจากกล้องวงจรปิดร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง พร้อมนำภาพคนร้ายประกาศตั้งรางวัลนำจับ จำนวน 50,000 บาท

ล่าสุดวันที่ 16 ก.ย.64 เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทราบเบาะแสคนร้ายรายนี้แล้ว โดยพบเบาะแสล่าสุดในพื้นที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวจนสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ในที่สุด

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านของผู้ก่อเหตุ ภายในพื้นที่ บ้านศรีบูรพา ม.12 ต.ศรีสุทโธ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ขณะที่ แม่-น้องชาย ของผู้ก่อเหตุ ได้เห็นภาพการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ กลับมีสีหน้าหดหู่ และด้วยความเป็นห่วงลูกชาย แต่ก็บอกทีมข่าวว่าเข้าใจที่ลูกชายถูกรุมประชาทัณฑ์ เพราะไปก่อเหตุฆาตกรรมผู้อื่น ซึ่งในฐานะคนเป็นแม่ถึงแม้จะสงสารลูก แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เนื่องจากสิ่งที่ลูกทำร้ายแรงเกินไป

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางบัวลา จันทะเสม อายุ 82 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า หลังจากที่ตนเห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวลูกชายของตนแล้ว และนำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เมื่อช่วงประมาณ 10.00 น. ของวันนี้ อีกทั้งเห็นภาพทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต-ชาวบ้าน รุมประชาทัณฑ์ลูกของตน ในส่วนนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา และเข้าใจครอบครัวผู้สูญเสียว่าคงทำไปเพราะโกรธแค้น

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนขอยืนยันคำเดิมว่า ในฐานะผู้เป็นแม่ก็รู้สึกหดหู่ใจ และอยากจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งหากตนมีเงินหรือทรัพย์สินมากพอ ตนก็อยากที่จะเดินทางไปขอโทษและชดใช้ค่าเสียหายให้ด้วยตัวเอง แต่ขณะนี้ตนก็เป็นผู้สูงอายุ ฐานะทางการเงินที่บ้านก็ไม่ดี ตนจึงไม่สามารถชดใช้เยียวยาช่วยเหลือในส่วนนี้ได้ เท่าที่ทราบมาจากคำสารภาพของลูกชาย สาเหตุที่ลงมือเกิดจากการพลั่งมือ ในส่วนนี้ตนมองว่าลูกของตนน่าจะพูดจริง และคาดว่าที่ลูกชายก่อเหตุคงเกิดจาก 2 กรณี ดังต่อไปนี้

-กรณีที่ 1 ลูกชายเห็นหญิง แล้วคงมีอารมณ์ เลยหวังที่จะข่มขืน แต่ผู้เสียชีวิตขัดขืน เลยลงมือฆ่า

-กรณีที่ 2 ที่ลูกชายของตนกลายเป็นคนเสียสติ คิดจะฆ่าคนในครอบครัว และผู้อื่น เพราะอาจจะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอ หรือไม่ก็คงเสียสติ จากการที่ลูกชาย "ถือของไม่ได้" เลยกลายเป็นบ้าดังกล่าว

เพราะเท่าที่ตนทราบมา ลูกชายเคยพูดให้ฟังว่า ได้ไปเรียนวิชาเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์-ดูดวง แต่ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดเจาะลึกในส่วนนี้ แต่ตามความเชื่อส่วนบุคคล ตนมองว่าอาจจะมีส่วน หากผู้ที่เรียนวิชาดังกล่าวแต่รักษาศิษย์ หรือข้อปฏิบัติที่ครูบาอาจารย์สอนให้มาไม่ได้ ก็จะเสียสติ กลายเป็นคนที่มีลักษณะดังกล่าว

นางบัวลา กล่าวด้วยว่า ตนขอยืนยันคำเดิมอีกเช่นกันว่า จะไม่ขอยื่นมือช่วยในเรื่องคดีความ เพราะไม่มีทรัพย์สินประกันตัวลูกชาย แต่จะปล่อยให้ตำรวจดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย หากเป็นไปได้ตนก็ไม่อยากให้ลูกชายถูกลงโทษจนถึงตาย เพราะคนเป็นแม่ก็คงเป็นห่วงลูก

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเพชรสมร ธิมาชัย อายุ 54 ปี พ่อเลี้ยงผู้ก่อเหตุ ที่เคยถูกทำร้าย เผยว่า สำหรับความรู้สึกส่วนตัวของตน ตนมองว่านายอุดรเลวเกินคน ที่ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงอยากขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย

โดยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่นายอุดรเคยก่อเหตุในลักษณะนี้กับตนมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ปมเหตุเกิดจาก นายอุดรเคยนำไก่ชนมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน แต่ไก่ชนกลับดันตายโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อนายอุดรมาพบว่าไก่ตาย จึงมาพาลใส่ตนหาว่าตนเป็นคนที่ฆ่าไก่ของนายอุดร ทั้งที่ตนไม่เคยรู้เรื่องด้วย

ซึ่งเจ้าตัวเกิดความไม่พอใจถึงขั้นช่วงที่ตนไม่สบายต้องกินยานอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน นายอุดรอาศัยจังหวะช่วงที่ตนเผลอ เดินเข้ามาจากด้านหลังใช้มือแขนล็อกคอของตนขณะที่นอนอยู่ ก่อนใช้อาวุธมีดปลายแหลมที่เตรียมมาแทงตนเข้าที่บริเวณลำตัวใบหน้า ปาก รวมไปถึงดวงตา จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบตาย

ดวงตาข้างซ้ายบอด กลางลำตัวโดนแทงจนไส้ไหล สีข้างด้านซ้ายเปิด ปากฉีก แพทย์ต้องทำการช่วยชีวิต และเย็บแผลมากกว่า 100 เข็ม ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านดุง ดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่ามาแล้วเมื่อปี 2556 สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่า นายอุดรโหดเหี้ยมและก่อเหตุอุกอาจเกินไป หากเป็นไปได้ตนอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด ถึงขั้นประหารชีวิตได้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุดังกล่าวซ้ำกับผู้อื่น

หลังจากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยังวัดที่ผู้ก่อเหตุเคยไปบวชก่อนสึกมาก่อเหตุ ภายในหมู่บ้านกกซ้อ หมู่ 4 ต.ทรายขาว อ.วังสะพุง จ.เลย ทีมข่าวได้พูดคุยกับ พระอธิการ ไกรฤกษ์ปัญญาวโร อายุ 56 ปี เจ้าอาวาสวัด กล่าวว่า นายอุดร เกณฑ์มา หรือ แอ๊ะ อายุ 50 ปี หรือพระอุดร เคยมาจำวัดอยู่ภายในวัดแห่งนี้จริง โดยตอนที่เข้ามาอยู่ที่วัดเขาบอกว่า ต้องการอยากสอนหลักธรรม ให้กับเณร หรือเด็กที่คิดจะบวชเรียน อาตมาเห็นดูมีความรู้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อศาสนา อีกทั้งนายอุดร เคยรู้จักกับเจ้าอาวาสคนเก่าที่มรณภาพไปแล้ว อาตมาจึงไม่ขัดข้องอะไร พร้อมแนะนำให้ย้ายทะเบียนบ้านจาก จ.อุดรธานี มาจำวัดอยู่ที่วัดแห่งนี้ ใน จ.เลย เพื่อที่จะได้เงินเดือนละ 2,000 บาท จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และช่วยประกอบกิจของสงฆ์

หลังจากนั้น นายอุดร จึงตัดสินใจย้ายทะเบียนบ้าน และทำบัตรประชาชนใหม่ ก่อนย้ายเข้ามาอยู่ภานในวัดเมื่อช่วงวันที่ 23 พ.ค.2561 แต่นายอุดร จำวัดอยู่ได้เพียง 6 เดือน ก็ต้องย้ายออกไปจากวัดอยู่ที่อื่น เนื่องจากอาตมาได้รับข้อมูลมาว่า นายอุดร อาจจะเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งกัญชาและยาเสพติด หลังทราบเรื่องอาตมาจึงพยายามสังเกตก็พบว่าเขามีพฤติกรรมผิดปกติ ยิ้มบ่อย ตาลอย จึงสอบถามทราบว่า ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดขณะบวชเป็นพระจริง

ในช่วงออกพรรษา ปี 2562 อาตมาจึงบอกให้ นายอุดร ออกไปอยู่ที่อื่นเพราะมีพฤติกรรมไม่ดี หลังจากที่เขาออกไปแล้ว อาตมาก็ไม่ได้สนใจ กระทั่งได้ยินชาวบ้านและคนรู้จักใกล้ชิดของนายอุดร มาเล่าให้อาตมาฟังว่า นายอุดรได้ย้ายไปจำวัดอยู่ภายในวัดแห่งหนึ่งภายใน อ.ภูกระดึง จ.เลย แต่เท่าที่ทราบมา นายอุดรก็อยู่ที่วัดดังกล่าวได้ไม่นานอีกเช่นกัน ก่อนถูกเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว "จับสึก" ให้พ้นจากความเป็นพระสงฆ์ เนื่องจากยังคงยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด สิ่งของผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่ นายอุดร ไปก่อเหตุฆ่าปาดคอสาวโรงงานจนถึงขั้นเสียชีวิต หลังอาตมาทราบเรื่องจากกระแสข่าว ก็รู้สึกตกใจ ซึ่งความคิดเห็นส่วนตัวอาตมามองว่า เขาเคยบวชเรียนเป็นพระ ก็ไม่น่าจะมีความคิดก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว อาตมาขอให้ข้อมูลเพียงเท่านี้ เนื่องจากไม่ใช่กิจของสงฆ์ และไม่อยากกลายเป็นข่าว

นายสุรพล เกณฑ์มา อายุ 44 ปี น้องชายผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า หลังจากเห็นภาพตำรวจคุมตัวพี่ชายทำแผนและถูกญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ ตนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะคิดว่าพี่ชายก็ต้องรับกรรมกับสิ่งที่ได้กระทำไว้ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวก็อยากจะขอโทษและขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ คนในครอบครัวของตนไม่มีใครเป็นส่วนรู้เห็น

ส่วนปมเหตุการลงมือ ตนมองว่าพี่ชายน่าจะกระทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ประกอบกับสติไม่ค่อยดีจึงก่อเหตุดังกล่าว ซี่งหากพูดกับพี่ชายได้ในตอนนี้ ตนก็อยากให้พี่ชายกลับตัวกลายเป็นคนดี หากมีโอกาสได้พ้นโทษออกมาก็อยากให้เปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ หรือไม่ก็ไปบวช จะได้ไม่ไปก่อเหตุสร้างความวุ่นวายให้กับผู้อื่นซ้ำอีก ส่วนหญิงสาวผู้เสียชีวิต หากได้ยินในสิ่งที่ตนพูดก็อยากบอกว่า "ขอให้อโหสิกรรมต่อกัน" และปล่อยให้พี่ชายของตนได้รับกรรม ถูกลงโทษดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามความผิดที่ได้ก่อไว้ต่อไป

นอกจากนี้ นายสุรพล ยังเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า กรณีที่พี่ชายของตนเคยเปิดรับดูดวง ในส่วนนี้เป็นเรื่องจริง ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าไปเรียนวิชามาจากไหน ซึ่งเท่าที่จำได้เห็นพี่ชายดูดวงมานานกว่า 10 ปี โดยจะพบว่ามีคนแวะมาดูดวงกับพี่ชายที่บ้านบ้างในบางครั้ง ในกรณีนี้ตนมองว่าพี่ชายมีวิชาดูดวง เคยบวชเป็นพระ ก็ไม่น่ามากระทำในลัษณะนี้ ส่วนตัวเชื่อเช่นเดียวกับแม่ว่าคงเป็นเพราะพี่ชาย "ถือของไม่ได้" บวกกับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด-สุรา จึงกลายเป็นคนประสาทเสีย กระทั่งเกิดอารมณ์ชั่ววูบไปก่อเหตุดังกล่าว