ทนายดังจ่อฟ้องปลัดแถชิงตัวญาติโบ้ยชุดจับรับผิดแทน แก๊งลักนกแฉสวมโม่งขู่ (คลิป)

จากกรณีเหตุการณ์วันที่ 10 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 20.00 น. มีการถ่ายคลิปวิดีโอจำนวน 5 คลิป ซึ่งเป็นคลิปที่ถูกแอบถ่าย ในขณะที่มีกลุ่มชาย 3 คน เข้ามาขัดขวางการบันทึกจับกุมของเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารที่ 3 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หน่วยหัวหิน-ชะอำ ซึ่งมีการจับกุมผู้ต้องหาลักลอบขนสัตว์ป่าสงวน โดยบุคคลดังกล่าวเป็นชาย 3 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้น เป็นน้องเมียของกลุ่มคนที่แอบอ้างว่าเป็นปลัด อำเภอเมืองหัวหิน และอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์นั้น

ล่าสุด ปลัดที่ถูกพาดพิงได้ออกมาอ้างว่าไม่ใช่การชิงตัวผู้ต้องหา แค่พาไปพัก ก่อนจะส่งคืนตำรวจ และไม่รู้ว่าถูกแอบถ่ายจึงใช้น้ำเสียงรุนแรงนั้น

เพจเฟซบุ๊ก "ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช" โพสต์เกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ของปลัดคนดังกล่าวว่ามีการบิดเบือนข้อมูลความเป็นจริง ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ บริษัท กฏหมายอนันต์ชัย ไชยเดช ย่านโชคชัย 4 กรุงเทพฯ พูดคุยกับทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เปิดเผยว่า แม้ว่าตนจะเป็นคนเปิดประเด็นนี้ แต่ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมานั้น ตนไม่ได้เคลื่อนไหวในทางสื่อ แม้ว่าจะมีสื่อหลายสำนักติดต่อเข้ามาสัมภาษณ์ก็ตาม เนื่องจากไม่อยากให้กระทบกับระบบกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนก็กังวลว่าจะกระทบกับการทำงานของเจ้าหน้าที่

แต่ล่าสุดกรณีที่ปลัดฯ ที่ก่อเหตุออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ อ้างว่าไม่ได้ชิงตัวผู้ต้องหา แต่นำผู้ต้องหาไปพักผ่อน เพราะเจ้าหน้าที่ทำบันทึกจับกุมช้า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เพราะปลัดคนดังกล่าวนั้นพูดบิดเบือนข้อมูล งข้อเท็จจริงนั้นการที่ผู้ต้องหาถูกจับกลุ่มเจ้าหน้าที่ก็ดูแลอย่างดี ให้ข้าวให้น้ำและที่พัก ไม่ได้ปล่อยให้อดอยาก ส่วนเนื้อเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการทำบันทึกจับกุมนานนั้น เพราะสามารถจับผู้ต้องหาถึงสามคน อีกทั้งมีของกลางต่างๆและเป็นนกหลายตัว ทำให้จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดและต้องดูว่านกที่เป็นของกลางนั้นเคยขึ้นทะเบียนไว้หรือไม่

และเมื่อวานนี้ ปลัดผู้ก่อเหตุยังพูดทำนองว่าถ้าตอนนั้นรู้ตัวว่าถูกถ่ายคลิป ก็คงจะไม่พูดอะไรที่เสียหาย ตนก็ตั้งข้อสงสัยว่า การที่ปลัดพูดแบบนี้ นั่นหมายถึงว่าถ้าไม่มีคนถ่ายวิดีโอปลัดจะกล้ากระทำความผิดใช่หรือไม่ ซึ่งตนมองว่าพฤติกรรมนี้เป็นการ "หน้าไหว้หลังหลอก" แม้ว่าปลัดที่ก่อเหตุจะอ้างว่าอย่างไรก็ตามแต่ แต่ในหลักกฎหมายแล้วปลัดนั้นไม่มีหน้าที่ที่จะมายุ่งเกี่ยวกับการจับกุมของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และไม่มีสิทธิ์ข่มขู่เจ้าพนักงาน ถึงขั้นพูดว่า "ถ้าทำบันทึกจับกุมไม่ทันภายในเที่ยงคืน จะเล่นงานทุกคนในมาตรา 157 คือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" ซึ่งมีคำพูดนี้อยู่ในวิดีโอ

ขณะเดียวกันปลัดที่ก่อเหตุยังอ้างกับสื่อว่า เจ้าหน้าที่ได้นำคนร้ายไปส่งให้ปลัด เป็นการมอบตัวแต่ไม่มีคลิปยืนยันนั้น ตนมองว่าปลัดจะอ้างเช่นนั้นไม่ได้ เพระจะเท่ากับว่าโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ที่จับกุม เพราะเจ้าพนักงานที่เป็นคนจับกุมคนร้าย ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะส่งตัวคนร้ายให้ปลัด ไม่อย่างนั้นก็จะถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ทนายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า ตนได้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าแท้จริงแล้วในวันเกิดเหตุนั้น ปลัดเพียงไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ทำบันทึกการจับกุมนาน จึงเข้ามาใช้อารมณ์โวยวายซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสม อีกทั้งผู้ต้องหายังมีความสัมพันธ์เป็นน้องเมียของปลัด ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ปลัดจะเข้ามาแทรกแซง และปลัดได้เอาตัวผู้ต้องหาหายไปถึง 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. จนมามอบตัวในวันที่ 14 ก.ย. ก็เป็นเรื่องที่ผิดปกติ การกระทำของปลัดทำเหมือนกับตัวเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งไม่เหมาะสม เพราะปลัดเป็นข้าราชการระดับสูง ซึ่งตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับทุกคนที่มาชิงตัวผู้ต้องหาไป

ตนได้เตรียมดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ 3 มาตรา ได้แก่มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 190 ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาลของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวนหรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และมาตรา 191 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดให้ผู้ที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ พนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หลุดพ้นจากการคุมขังไป ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สุดท้าย ตนอยากฝากบอกผู้ก่อเหตุว่า "อย่ามาขู่ซะให้ยาก และตนทราบว่ามีรถแปลก ๆ ติดตาม ผอ.เขตอนุรักษ์ ซึ่งตนก็ขอให้หยุดทำเสีย เพราะตนจะจัดการทั้งหมด ขู่อนันต์ชัยไม่ได้หรอก ใหญ่กว่านี้ก็จัดการมาแล้ว"

ทีมข่าวโทรศัพท์พูดคุยกับ ปลัด ก. เผยว่า เหตุการณ์วันดังกล่าว ตัวเองถูกกดดันจากคนในครอบครัวให้เข้าไปติดตามความคืบหน้าหลังจากที่นายจอมขวัญถูกควบคุมตัวเมื่อช่วงบ่าย แต่จนกระทั่งดึกก็ยังบันทึกจับกุมไม่แล้วเสร็จ ตนเองจึงเดินทางไปและปรากฏเป็นไปตามคลิป

เบื้องต้นต้องขอโทษสื่อมวลชน ขอโทษทุกคน ซึ่งอาการโมโหที่ปรากฏอยู่ในคลิป ยืนยันว่าไม่ใช่นิสัยของตนเอง ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นไปอย่างที่สังคมเห็น แต่ในวันหนึ่งกล่าวตัวของ ผอ.วันชัย เป็นคนพาตัวของนายจอมขวัญผู้ต้องหามาส่งให้ที่รถ พร้อมทั้งมีการยกมือไหว้ ตนเองก็คิดว่าเหตุการณ์วันดังกล่าวจะจบแล้วด้วยซ้ำ ก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นดราม่าแบบนี้อีก

ด้านนายสุชาติ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาคนในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า วันดังกล่าวตนเองถูกจับกลุ่มตัวและพาไปขยายผล มีการชี้เป้าให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดป่าไม้ จนกระทั่งมีการขยายผลไปจับกุมนายจอมขวัญ ตนเองไม่รู้ว่านายจอมขวัญเป็นน้องชายของภรรยาปลัด เพราะตนเองมีการแลกเปลี่ยนและขอนกมาเลี้ยงฟรี เนื่องจากอยู่ในกลุ่มคนรักนกด้วยกัน เมื่อถูกจับกลุ่มจึงได้แจ้งรายละเอียดที่มาของนกดังกล่าว

โดยช่วงเวลาหลังจากที่มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาในวันเกิดเหตุครบ 3 ราย พาตัวไปสอบปากคำที่ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าเพชรบุรี เมื่อพาไปถึงก็ไม่ได้มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือมีการคุมตัว เพียงแค่ให้นั่งตอบข้อซักถามให้การต่อชุดจับกุม โดยตัวของ ผอ.หัวหน้าทีม ก็มีการทำงานตรงไปตรงมาเรียกสอบและบันทึกเอกสารจับกุม มีการดำเนินการทีละราย ทำให้มีช่วงเวลาที่ยาวนาน แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าล่าช้า มีการทำงานอย่างรัดกุม ไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์หรือมีการเรียกรับเงิน

จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ที่ปรากฏอยู่ในคลิปมีกลุ่มผู้ชายลงมาจากรถตู้ ใช้ถ้อยคำตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป ตนเองจึงรู้ว่ากลุ่มชายดังกล่าวเป็นปลัด เป็นอัยการ และที่สำคัญเป็นญาติฝั่งของนายจอมขวัญ ถ้าหากไม่มีการแนะนำตัวหรือพูด ตนเองก็ไม่รู้ว่าคนที่มาทีหลังเป็นใคร มีการใช้คำพูดที่รุนแรงเสียงดัง ตนมองว่าเป็นการขัดขวางข่มขู่ชุดจับกุม ที่สำคัญตัวเองก็แปลกใจว่าถ้าหากมีตำแหน่งเป็นถึงปลัดจังหวัด แต่การลงมาพูดคุยกับทีมจับกุมทำไมต้องมีการใส่หมวกไอ้โม่ง และหลังจากที่ปรากฏเป็นไปตามคลิปแล้วตนเองก็เห็นตัวของ ผอ. เดินออกไปคุยกับทีมปลัดและผู้ต้องหา ก่อนที่จะมีการขับรถออกไปจากสำนักงาน