จากกรณี สมาชิกเฟซบุ๊ก Saralithikham Somsit โพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ปะทะคารมระหว่างเจ้าหน้าที่เทศกิจ เทศบาลนครขอนแก่น และผู้ประกอบการร้านค้าริมทางเท้าตลาดสดเทศบาล 1 ซึ่งภายในคลิปมีการใช้วาจาหยาบคายอยู่หลายครั้ง โดยหลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไปเป็นวงกว้างนั้น
วันที่ 19 ต.ค. 61 จ่าเอกนิตินัย แก้ววิเศษ นักจัดการงานเทศกิจชำนาญการ เปิดเผยว่า คลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่เทศกิจออกตรวจสอบพื้นที่รับผิดชอบตามหน้าที่ โดยร้านค้าดังกล่าวเป็นร้านจำหน่ายสินค้าสังฆภัณฑ์ จากการตรวจสอบพบว่า มีความผิดอยู่หลายประการ เช่น นำแท่งปูนซีเมนต์มาตั้งไว้ริมถนนเพื่อกั้นให้เฉพาะลูกค้าจอดรถ และจากในคลิปจะเห็นว่ามีการนำสินค้าที่เป็นโคมลอยไปแขวนไว้ที่ป้ายชื่อถนน นอกจากนี้จัดวางสินค้าบนทางเท้าเลยเส้นเหลืองซึ่งใช้แบ่งเขตระหว่างร้านค้ากับฟุตปาธอีกด้วย และขณะเจ้าหน้าที่ตรวจยึดเสาปูนซีเมนต์ ปรากฎว่าเจ้าของร้านออกมาต่อว่าเจ้าหน้าที่ด้วยวาจาที่หยาบคายพร้อมนำเหล็กมากั้นล้อรถ และถืออาวุธออกมาเพื่อข่มขู่ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด
นอกจากนี้ ร้านดังกล่าวมีประชาชนร้องเรียนมาแล้วหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ตักเตือนมาตลอด แต่เจ้าของร้านจะให้ความร่วมมือแค่เวลาที่ถูกเตือนเท่านั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ออกไปก็จะนำสินค้ามาห้อยไว้ป้ายชื่อถนนและวางบนทางเท้าเหมือนเดิม กระทั่งทำให้ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดด้วยการตรวจยึดสินค้าที่ทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ความสะอาด และพ.ร.บ.การจราจรทางบก หลังจากนี้เจ้าหน้าที่เทศกิจจะลงพื้นที่ตรวจร้านดังกล่าวทุกวัน จนกว่าจะทำถูกต้องตามกฎหมาย และถึงแม้จะส่งเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้วก็ตาม
นายบุ้ยเซ้ง แซ่ฉั่ว อายุ 60 ปี เจ้าของร้านฉั่วเป่งฮวด เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ 1 วัน เจ้าหน้าที่เทศกิจ เทศบาลนครขอนแก่น เข้ามาพูดคุยกับตนเองที่ร้าน ว่าจะขอทาสีริมฟุตปาธบริเวณหน้าร้าน ให้เป็นสีขาวแดง (สัญลักษณ์ห้ามจอดรถ) ทั้งหมด ตนจึงร้องขอว่า ให้มีทั้งสีขาวแดงและขาวดำ (สัญลักษณ์อนุญาตจอดรถ) เหมือนเดิม เนื่องจากลูกค้าจะได้มีที่จอดรถ เจ้าหน้าที่เทศกิจจึงกลับไป
กระทั่งเมื่อวาน (18 ต.ค.) เจ้าหน้าที่เทศกิจกว่า 10 นาย มาถึงบริเวณหน้าร้านตน โดยไม่ชี้แจงรายละเอียดและใช้วาจาไม่สุภาพ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ช่วยกันยกสินค้าที่วางอยู่หน้าร้านขึ้นท้ายรถกระบะ ตนเองและพี่สาวจึงช่วยกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งช่วยกันยกสินค้าที่เจ้าหน้าที่ยึดไปกลับมาไว้ในร้าน
นายบุ้ยเซ้ง กล่าวเพิ่มเติมว่า ปกติร้านจะวางสินค้าหน้าร้านอยู่ในแนวเขตเส้นสีเหลือที่เจ้าหน้าที่เทศกิจเป็นคนกำหนดไว้ แต่อาจจะมีสินค้าบางประเภทที่แขวนเกินแนวเขตอยู่บ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ควรชี้แจงรายละเอียดและขั้นตอนปฎิบัติให้ตนเองได้ทราบ เพื่อทำความเข้าใจก่อน แต่ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กลับไม่ให้ข้อมูลแล้วมาขนเอาสินค้าจากในร้านขึ้นรถไป ตนเองและพี่สาวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะตั้งแต่เปิดร้านมาเป็นเวลาหลายสิบปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม ตนเองได้ตั้งข้อสังเกตว่า การปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนครขอนแก่นเลือกปฎิบัติหรือไม่ เพราะร้านค้าอื่น ๆ บริเวณใกล้เคียงก็นำสินค้าออกมาวางจำหน่ายเกินแนวเขตที่กำหนดเหมือนกัน แต่กลับไม่ถูกดำเนินการใด ๆ